เอเอฟพี - คำพิพากษาในการพิจารณาคดีอันยาวนานของอดีตประธานาธิบดีเปรู อัลแบร์โต ฟูจิโมริ ในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนระหว่างดำรงตำแหน่ง คาดหมายว่า จะมีขึ้นราววันที่ 20 มีนาคม โดยอัยการเสนอให้จำคุกเขาเป็นเวลา 30 ปี
“อัยการจะร้องขอให้ลงโทษจำคุก 30 ปี” อัยการ โฮเซ เปลาเอซ บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ(11) ถึงคำพิพากษาของศาลซึ่งกำหนดไว้ในช่วงกลางเดือนหน้า
ฟูจิโมริ วัย 70 ปี ตกเป็นจำเลยในข้อหาสั่งฆาตกรรมหมู่ 2 ครั้ง ซึ่งสังหารชีวิตผู้คนไป 25 รายระหว่างที่เขายังอยู่อำนาจช่วงทศวรรษที่ 1990
อัยการกล่าวหาอดีตประธานาธิบดีที่มีสัญชาติญี่ปุ่นรายนี้ ใช้ยุทธศาสตร์ “สงครามสกปรก” ในการต่อสู้กับกลุ่มกบฏไชนิงพาธที่นิยมลัทธิเหมา
ก่อนหน้านี้ ฟูจิโมริ วัย 69 ปี ถูกพิพากษาจำคุก 6 ปี ในข้อหาใช้อำนาจในทางที่ผิด จากกรณีสั่งการให้มีการเข้าตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้นในปี 2000 คำพิพากษานี้ทำให้เขาเป็นอดีตผู้นำเปรูคนแรก ที่ถูกตัดสินโทษในความผิดอาญาที่ได้กระทำไปในสมัยที่ยังคงดำรงตำแหน่ง
ฟูจิโมริ ถูกควบคุมตัวในลิมา นับตั้งแต่ถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาจากชิลี เมื่อเดือนกันยายน 2007 เพื่อเผชิญการพิจารณาคดีต่างๆ
แม้ว่าชาวเปรูจำนวนมากเลื่อมใสเขาที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ และปราบปรามกลุ่มไชนิงพาธ แต่อดีตประธานาธิบดีก็ถูกด่าทอจากข้อสงสัยคอร์รัปชัน ปกครองโดยใช้อำนาจเผด็จการและข้อกล่าวหาออกคำสั่งใช้วิธีรุนแรงกับฝ่ายตรงข้าม
เขาหนีไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2000 ท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวคอร์รัปชันที่ห้อมล้อมตัวเขา และลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยการส่งแฟกซ์มาจากโรงแรม
โตเกียวพิจารณาว่า ฟูจิโมริ เป็นคนสัญชาติญี่ปุ่นและปฏิเสธส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ในปี 2005 ฟูจิโมริ เดินทางไปยังชิลี ก่อนถูกควบคุมตัวไว้และต่อมา เปรู ยื่นคำขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากชิลี ซึ่งในที่สุดก็ได้ตัวเขามาขึ้นศาล
กระบวนการพิจารณาคดีต้องเลื่อนออกไปหลายครั้ง เนื่องจากปัญหาสุขภาพของเขา