ช่อง 7 เปิดศึกชนช่อง 3 ทั้งรายการข่าวและวาไรตี้ บอสช่อง 3 ลั่น เอารายการเรตติ้งแชมป์มาชนกันมีแต่เสียหาย ชี้ปีนี้ผังรายการแข่งเดือด เผยชะลอแผนปรับวันอังคารช่วงข่าว3มิติ เหตุกลัวคนเข้าใจผิดว่ากลัวคู่แข่ง ด้านรายการจับเข่าคุยงานเข้าถูกถอดออกจากผัง เหตุ “ทูไนท์โชว์” ของเสี่ยต๋อย เสียบแทน ช่อง3เล็งปรับรายการข่าวอีกระลอก
สมรภูมิสื่อทีวีวันนี้ปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อช่อง 7 เปิดศึกกับช่อง 3 ด้วยการปรับผังและรายการใหม่ทั้งข่าวและวาไรตี้ เพื่อมาชนกับช่อง 3 อย่างเต็มตัว ทั้งรายการประเภทข่าว คือ รายการ “ประเด็นเด็ด 7 สี” โดยบริษัท มีเดียออฟมีเดียส์ จำกัด (มหาชน) ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ (ยกเว้นวันอังคาร) เวลา 22.30-23.00 น. เพื่อชนกับรายการข่าว “ข่าว3มิติ” ของช่อง 3
ส่วนเวลา 23.00-24.00 น. วันจันทร์ ช่อง 3 นำรายการใหม่ “ทูไนท์โชว์” ของนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ ที่ถือว่ากลับบ้านเกิดอีกครั้ง มานำเสนอเริ่มวันที่ 4 พ.ค.นี้ หลังจากที่รายการ “คลับเซเว่น” หลุดผังจากช่อง 7 แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โดยมีรายการจันทร์พันดาวของช่อง 7 เป็นคู่แข่ง
โดยไฮไลท์อยู่ที่วันอังคาร ช่อง 7 ก็โยกรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ของบริษัท เวิร์คพ้อยท์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่มีข่าวว่าทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาทในการปรับปรุงใหม่ทั้งฉากและรูปแบบรายการ จากเดิมซึ่งรายการนี้เป็นผู้นำเรตติ้งวันพุธอยู่แล้ว มาออกอากาศวันอังคารแทนเพื่อชนกับรายการ “ตีสิบ” ของวิทวัส สุนทรวิเนตร ที่เป็นผู้นำเรตติ้งวันอังคารอยู่เดิม
โดยเวลาเดิมของชิงร้อยลิงล้านนั้น ทางช่อง 7 ได้นำเอารายการบันเทิงคือ “หนังดังวันพุธ” มาลงจอแทน เพื่อชนกับ รายการ “ราตรีสโมสร” ของช่อง 3 ซึ่งว่ากันว่า ช่อง 7 น่าจะทำเป็นรายการขัดตาทัพไว้ก่อนที่จะมีรายการเด็ดมาชนจริงๆ
นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีทีวีช่อง 3 ให้ความเห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า จะเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายให้กับแต่ละคน เพราะการที่เอารายการแต่ละรายการเป็นแชมป์แต่ละวันอยู่แล้วมาออกอากาศเพื่อต้องชนกันแบบนี้ ต่างคนต่างเสียหาย และจะเจ็บตัวทั้งคู่ แต่เราก็สู้ เพราะในวงการทีวี ไม่มีใครกลัวใครในวงการนี้
“ผมมองว่าปีนี้สื่อทีวีก็คงจะแข่งขันกันรุนแรงเหมือนเดิม ผังรายการทุกวันนี้แทบจะเหมือนกัน ใครทำอะไรดีก็มีคนมาตามเพิ่มเติม เช่น ข่าวเช้าที่เราทำก่อนก็มีคนแห่มาทำกันเต็มไปหมด”
นายประวิทย์ ย้ำด้วยว่า จากเดิมที่ช่อง3มีแผนที่จะปรับผังวันอังคารช่วงดังกล่าวโดยเฉพาะรายการข่าว 3 มิติ อยู่แล้ว คงจะต้องล้มแผนการปรับผังในช่วงเวลาดังกล่าวออกไปก่อนเพราะไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นว่า ช่อง 3 กลัวคู่แข่ง
“เดิม ช่อง 3 กับนายกิตติ สิงหาปัด ได้คุยกันว่าจะเอารายการ ข่าว3มิติ ออก อากาศวันจันทร์ถึงศุกร์เลยดีไหม ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ก็จะไม่มี ส่วนรายการตีสิบอาจจะไปอยู่วันเสาร์แทน เพราะจะได้เป็นวาไรตี้ แต่ก็ติดตรงที่ ตีสิบ เปลี่ยนไม่ได้ ทำให้ผังเราที่ปรับไปก่อนเลยเป็นฟันหลอ แต่ตอนนี้ต้องดูใหม่”
ส่วนรายการใหม่ของนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ ที่ได้เวลาดีของ รายการ จับเข่าคุย ของนายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา นั้น ที่จะเริ่มวันที่ 4 พ.ค.นี้ รวมทั้งจะยังได้เวลาเพิ่มอีกครึ่งชั่วโมงตั้งแต่เดือนมิถุนายนด้วย นายประวิทย์ ให้เหตุผลว่า ตรงนี้เราขอยืมเวลาทาง จับเข่าคุยมาก่อน และกำลังหาเวลาใหม่ลงจอให้ ซึ่งทางคุณสรยุทธ์เองแกก็เหนื่อยเพราะจัดรายการมาก
“ที่เราจำเป็นต้องเอาเวลาของคุณสรยุทธ์ จริงๆแล้วมันเป็นเหตุผลทางการค้าด้วย แม้ว่าเรตติ้งดีก็ตาม มันเป็นเรื่องที่หนักหน่อย เป็นเรื่องทางธุรกิจที่ผมเปิดเผยไม่ได้”
ทั้งนี้ช่อง 3 เองคาดว่าจะเอารายการ จับเข่าคุย ไปลงจอช่วงวันเสาร์แทน หรือไม่ก็อีกทางหนึ่งคือ การเพิ่มเวลาให้กับรายการ “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ของสรยุทธ์เหมือนกัน อีก 15 นาที จากเดิมเริ่มเวลา 11.00 น. – 12.00 น. เป็นจบเวลา12.30 น.
“ที่คุณไตรภพได้เวลานี้ไป ก็ไม่ใช่อะไร ตอนที่เขาออกไป เราก็มีการคุยกันมาตลอด เป็นเรื่องธรรมดาของคนในวงการ เจอกันก็คุยกัน แล้วทิ้งไว้ตรงนั้น เราเพิ่งมารู้อาทิตย์ที่แล้วเองว่ารายการของไตรภพหลุดจากช่อง 7 ก็เลยมาที่นี่ ไม่ใช่ว่าเตรียมอะไรไว้แล้ว ตอนนี้เราคุยกับไตรภพรายการเดียวก่อน”
นายไตรภพ ลิมปพัทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้รู้ตัวล่วงหน้า และไม่ใช่ว่ามาคุยกับช่อง 3 ตกลงกันก่อนแล้วไปออกจากช่อง 7 ไม่ใช่อย่างนั้น ทุกอย่างมันเกิดแบบไม่รู้ตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายการ ทูไนท์โชว์ นั้น ทางไตรภพตั้งค่าโฆษณาไว้ที่ 280,000 บาท แต่ทางช่อง 3 มองว่าน่าจะสูงกว่านั้น หรืออย่างน้อยก็ควรจะเท่ากับรายการเดิมคือคลับเซเว่นเมื่อครั้งออกอากาศที่ช่อง 7 คือ 320,000 บาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นที่ลงตัว ขณะที่รายการตีสิบ ราคา 320,000 บาท
โดยปัจจุบันรายการข่าวของช่อง 3 นั้น คือ “ข่าว3มิติ” ค่าโฆษณาอยู่ที่ 260,000 บาท, เรื่องเล่าเช้านี้ ราคา 175,000 บาท, เรื่องเด่นเย็นนี้ ราคา 175,000 บาท, เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ราคา 230,000 บาท และรายการตีสิบ ราคา 320,000 บาท
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้จะให้ความสำคัญกับรายการครอบครัวข่าวมากขึ้นอีก โดยจะเพิ่มอีกรายการประมาณ 25 นาทีในช่วงเช้า กำลังหาตัวพิธีกรใหม่อยู่ จับกลุ่มแม้บ้านที่อยู่บ้านช่วงกลางวัน ส่วนหลังเที่ยงคืนจะปรับข่าววันใหม่อีก
นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขาย ช่อง 3 กล่าวเพิ่มเติมว่า เม็ดเงินโฆษณาในภาพรวมของสื่อทีวี2 เดือนแรก ยังเติบโต 3-4% ดีกว่าสื่ออื่นๆ และคาดว่าเดือนมีนาคมน่าจะดีอยู่ เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นส์ของธุกริจ ทั้งนี้ช่อง 3 มีแชร์ในตลาดเม็ดเงินโฆษณารายการข่าวที่ 25% เช่นเดียวกับสัดส่วนตลาดรวมโฆษณาข่าวที่มีแชร์อยู่ 25% จากตลาดโฆษณารวมทั้งระบบ
แหล่งข่าวจากวงการทีวี กล่าวว่า เป็นการยากที่ช่อง 7 จะดึงโฆษณาและฐานผู้ชมรายการเกี่ยวกับข่าวจากช่อง 3 ไปได้ เพราะฐานเดิมของเวลาชิงร้อยชิงล้านวันพุธเป็นกลุ่มคนดูรายการบันเทิง อยู่ดีๆคนกลุ่มนี้จะหันมาบริโภคข่าวจากรายการ ประเด็นเด็ด7สีเลยก็คงยาก
สมรภูมิสื่อทีวีวันนี้ปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อช่อง 7 เปิดศึกกับช่อง 3 ด้วยการปรับผังและรายการใหม่ทั้งข่าวและวาไรตี้ เพื่อมาชนกับช่อง 3 อย่างเต็มตัว ทั้งรายการประเภทข่าว คือ รายการ “ประเด็นเด็ด 7 สี” โดยบริษัท มีเดียออฟมีเดียส์ จำกัด (มหาชน) ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ (ยกเว้นวันอังคาร) เวลา 22.30-23.00 น. เพื่อชนกับรายการข่าว “ข่าว3มิติ” ของช่อง 3
ส่วนเวลา 23.00-24.00 น. วันจันทร์ ช่อง 3 นำรายการใหม่ “ทูไนท์โชว์” ของนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ ที่ถือว่ากลับบ้านเกิดอีกครั้ง มานำเสนอเริ่มวันที่ 4 พ.ค.นี้ หลังจากที่รายการ “คลับเซเว่น” หลุดผังจากช่อง 7 แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โดยมีรายการจันทร์พันดาวของช่อง 7 เป็นคู่แข่ง
โดยไฮไลท์อยู่ที่วันอังคาร ช่อง 7 ก็โยกรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ของบริษัท เวิร์คพ้อยท์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่มีข่าวว่าทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาทในการปรับปรุงใหม่ทั้งฉากและรูปแบบรายการ จากเดิมซึ่งรายการนี้เป็นผู้นำเรตติ้งวันพุธอยู่แล้ว มาออกอากาศวันอังคารแทนเพื่อชนกับรายการ “ตีสิบ” ของวิทวัส สุนทรวิเนตร ที่เป็นผู้นำเรตติ้งวันอังคารอยู่เดิม
โดยเวลาเดิมของชิงร้อยลิงล้านนั้น ทางช่อง 7 ได้นำเอารายการบันเทิงคือ “หนังดังวันพุธ” มาลงจอแทน เพื่อชนกับ รายการ “ราตรีสโมสร” ของช่อง 3 ซึ่งว่ากันว่า ช่อง 7 น่าจะทำเป็นรายการขัดตาทัพไว้ก่อนที่จะมีรายการเด็ดมาชนจริงๆ
นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีทีวีช่อง 3 ให้ความเห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า จะเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายให้กับแต่ละคน เพราะการที่เอารายการแต่ละรายการเป็นแชมป์แต่ละวันอยู่แล้วมาออกอากาศเพื่อต้องชนกันแบบนี้ ต่างคนต่างเสียหาย และจะเจ็บตัวทั้งคู่ แต่เราก็สู้ เพราะในวงการทีวี ไม่มีใครกลัวใครในวงการนี้
“ผมมองว่าปีนี้สื่อทีวีก็คงจะแข่งขันกันรุนแรงเหมือนเดิม ผังรายการทุกวันนี้แทบจะเหมือนกัน ใครทำอะไรดีก็มีคนมาตามเพิ่มเติม เช่น ข่าวเช้าที่เราทำก่อนก็มีคนแห่มาทำกันเต็มไปหมด”
นายประวิทย์ ย้ำด้วยว่า จากเดิมที่ช่อง3มีแผนที่จะปรับผังวันอังคารช่วงดังกล่าวโดยเฉพาะรายการข่าว 3 มิติ อยู่แล้ว คงจะต้องล้มแผนการปรับผังในช่วงเวลาดังกล่าวออกไปก่อนเพราะไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นว่า ช่อง 3 กลัวคู่แข่ง
“เดิม ช่อง 3 กับนายกิตติ สิงหาปัด ได้คุยกันว่าจะเอารายการ ข่าว3มิติ ออก อากาศวันจันทร์ถึงศุกร์เลยดีไหม ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ก็จะไม่มี ส่วนรายการตีสิบอาจจะไปอยู่วันเสาร์แทน เพราะจะได้เป็นวาไรตี้ แต่ก็ติดตรงที่ ตีสิบ เปลี่ยนไม่ได้ ทำให้ผังเราที่ปรับไปก่อนเลยเป็นฟันหลอ แต่ตอนนี้ต้องดูใหม่”
ส่วนรายการใหม่ของนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ ที่ได้เวลาดีของ รายการ จับเข่าคุย ของนายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา นั้น ที่จะเริ่มวันที่ 4 พ.ค.นี้ รวมทั้งจะยังได้เวลาเพิ่มอีกครึ่งชั่วโมงตั้งแต่เดือนมิถุนายนด้วย นายประวิทย์ ให้เหตุผลว่า ตรงนี้เราขอยืมเวลาทาง จับเข่าคุยมาก่อน และกำลังหาเวลาใหม่ลงจอให้ ซึ่งทางคุณสรยุทธ์เองแกก็เหนื่อยเพราะจัดรายการมาก
“ที่เราจำเป็นต้องเอาเวลาของคุณสรยุทธ์ จริงๆแล้วมันเป็นเหตุผลทางการค้าด้วย แม้ว่าเรตติ้งดีก็ตาม มันเป็นเรื่องที่หนักหน่อย เป็นเรื่องทางธุรกิจที่ผมเปิดเผยไม่ได้”
ทั้งนี้ช่อง 3 เองคาดว่าจะเอารายการ จับเข่าคุย ไปลงจอช่วงวันเสาร์แทน หรือไม่ก็อีกทางหนึ่งคือ การเพิ่มเวลาให้กับรายการ “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ของสรยุทธ์เหมือนกัน อีก 15 นาที จากเดิมเริ่มเวลา 11.00 น. – 12.00 น. เป็นจบเวลา12.30 น.
“ที่คุณไตรภพได้เวลานี้ไป ก็ไม่ใช่อะไร ตอนที่เขาออกไป เราก็มีการคุยกันมาตลอด เป็นเรื่องธรรมดาของคนในวงการ เจอกันก็คุยกัน แล้วทิ้งไว้ตรงนั้น เราเพิ่งมารู้อาทิตย์ที่แล้วเองว่ารายการของไตรภพหลุดจากช่อง 7 ก็เลยมาที่นี่ ไม่ใช่ว่าเตรียมอะไรไว้แล้ว ตอนนี้เราคุยกับไตรภพรายการเดียวก่อน”
นายไตรภพ ลิมปพัทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้รู้ตัวล่วงหน้า และไม่ใช่ว่ามาคุยกับช่อง 3 ตกลงกันก่อนแล้วไปออกจากช่อง 7 ไม่ใช่อย่างนั้น ทุกอย่างมันเกิดแบบไม่รู้ตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายการ ทูไนท์โชว์ นั้น ทางไตรภพตั้งค่าโฆษณาไว้ที่ 280,000 บาท แต่ทางช่อง 3 มองว่าน่าจะสูงกว่านั้น หรืออย่างน้อยก็ควรจะเท่ากับรายการเดิมคือคลับเซเว่นเมื่อครั้งออกอากาศที่ช่อง 7 คือ 320,000 บาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นที่ลงตัว ขณะที่รายการตีสิบ ราคา 320,000 บาท
โดยปัจจุบันรายการข่าวของช่อง 3 นั้น คือ “ข่าว3มิติ” ค่าโฆษณาอยู่ที่ 260,000 บาท, เรื่องเล่าเช้านี้ ราคา 175,000 บาท, เรื่องเด่นเย็นนี้ ราคา 175,000 บาท, เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ราคา 230,000 บาท และรายการตีสิบ ราคา 320,000 บาท
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้จะให้ความสำคัญกับรายการครอบครัวข่าวมากขึ้นอีก โดยจะเพิ่มอีกรายการประมาณ 25 นาทีในช่วงเช้า กำลังหาตัวพิธีกรใหม่อยู่ จับกลุ่มแม้บ้านที่อยู่บ้านช่วงกลางวัน ส่วนหลังเที่ยงคืนจะปรับข่าววันใหม่อีก
นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขาย ช่อง 3 กล่าวเพิ่มเติมว่า เม็ดเงินโฆษณาในภาพรวมของสื่อทีวี2 เดือนแรก ยังเติบโต 3-4% ดีกว่าสื่ออื่นๆ และคาดว่าเดือนมีนาคมน่าจะดีอยู่ เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นส์ของธุกริจ ทั้งนี้ช่อง 3 มีแชร์ในตลาดเม็ดเงินโฆษณารายการข่าวที่ 25% เช่นเดียวกับสัดส่วนตลาดรวมโฆษณาข่าวที่มีแชร์อยู่ 25% จากตลาดโฆษณารวมทั้งระบบ
แหล่งข่าวจากวงการทีวี กล่าวว่า เป็นการยากที่ช่อง 7 จะดึงโฆษณาและฐานผู้ชมรายการเกี่ยวกับข่าวจากช่อง 3 ไปได้ เพราะฐานเดิมของเวลาชิงร้อยชิงล้านวันพุธเป็นกลุ่มคนดูรายการบันเทิง อยู่ดีๆคนกลุ่มนี้จะหันมาบริโภคข่าวจากรายการ ประเด็นเด็ด7สีเลยก็คงยาก