ASTVผู้จัดการรายวัน- ปตท. เสนอกระทรวงพลังงานฟื้นโครงการช่วยแท็กซี่ที่ใช้แอลพีจีเปลี่ยนเป็นถังเอ็นจีวีฟรีทั้งรถเก่าและใหม่ ลดภาระการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม เผยการเลื่อนปรับราคาNGV ส่งผลให้แบกรับภาระปีนี้จ่อทะลุหมื่นล้านบาท
นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บริษัท ปตท. เปิดเผยว่า ปตท.ได้เสนอให้กระทรวงพลังงานทบทวนนำโครงการช่วยเหลือกลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ให้เปลี่ยนมาใช้ก๊าซธรรมชาติ(NGV)เพื่อช่วยลดปริมาณการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งให้ลดลงเพื่อช่วยลดภาระการอุดหนุนราคาของภาครัฐหลังจากที่รัฐมีนโยบายที่จะตรึงราคาแอลพีจีไปจนถึงสิ้นปี
“ เดิมโครงการดังกล่าวจะทำก็ต่อเมื่อมีการปรับขึ้นราคาแอลพีจีเพื่อลดผลกระทบให้กับกลุ่มแท็กซี่แต่เมื่อรัฐมีนโยบายตรึ่งราคาแอลพีจีไปจนถึงสิ้นปีก็เห็นว่าจำเป็นที่ต้องทำโครงการนี้เพื่อลดภาระเช่นกันเพราะยอดการใช้ของแท็กซี่ที่มีอยู่ 4 หมื่นคันทั้งเก่าและใหม่แต่ละเดือนใช้แอลพีจีกว่า 1 ตันซึ่งราคาแอลพีจีตลาดโลกสูง 440 เหรียญต่อตันแต่เรากำหนดไว้ที่ 330 เหรียญต่อตันทำให้ส่วนต่าง 100 เหรียญต่อตันรัฐต้องรับภาระซึ่งล่าสุดรับภาระนำเข้าแล้วถึง 8,900 ล้านบาท”นายณัฐชาติกล่าว
สำหรับโครงการช่วยเหลือรถแท็กซี่ที่กระทรวงพลังงานเคยกำหนดไว้ นั้น จะส่งเสริมให้มีรถแท็กซี่เข้าร่วม 2 หมื่น คัน ภายในระยะเวลา 4 เดือน แบ่งเป็นกลุ่มรถแท็กซี่เก่า 4,200 คัน/ เดือน และกลุ่มรถแท็กซี่ใหม่ 800 คัน/เดือน โดยกลุ่มรถแท็กซี่เก่า ปตท.จะออกค่าปรับเปลี่ยนให้ทั้งหมด 4 หมื่นบาท/คัน และกระทรวงจะให้เงินช่วยซื้อถังเอ็นจีวีใหม่ 3,000 บาท/คัน ส่วนรถแท็กซี่ใหม่ ปตท. และกระทรวงพลังงาน จะให้เงินสนับสนุน 4 หมื่นบาท/คัน โดย ปตท.ช่วยเหลือ 2.8 หมื่นบาท และกระทรวงพลังงานช่วย 1.2 หมื่นบาท รวมแล้วการช่วยเหลือโครงการนี้ใช้เงิน 800-900 ล้านบาท
“ ขณะนี้ปตท.มีตัวเลขขาดทุนสะสมจากการตรึงราคาเอ็นจีวี จำนวน 9,000 กว่าล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ หลังกระทรวงพลังงานขอให้เลื่อนการปรับขึ้นราคาขายปลีกเอ็นจีวีออกไปก่อน จากเดิมที่ในปี2552 จะต้องปรับขึ้นจาก 8.50 บาท/ก.ก. เป็น ไม่เกิน 12 บาท/ก.ก. “นายณัฐชาติกล่าว
นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บริษัท ปตท. เปิดเผยว่า ปตท.ได้เสนอให้กระทรวงพลังงานทบทวนนำโครงการช่วยเหลือกลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ให้เปลี่ยนมาใช้ก๊าซธรรมชาติ(NGV)เพื่อช่วยลดปริมาณการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งให้ลดลงเพื่อช่วยลดภาระการอุดหนุนราคาของภาครัฐหลังจากที่รัฐมีนโยบายที่จะตรึงราคาแอลพีจีไปจนถึงสิ้นปี
“ เดิมโครงการดังกล่าวจะทำก็ต่อเมื่อมีการปรับขึ้นราคาแอลพีจีเพื่อลดผลกระทบให้กับกลุ่มแท็กซี่แต่เมื่อรัฐมีนโยบายตรึ่งราคาแอลพีจีไปจนถึงสิ้นปีก็เห็นว่าจำเป็นที่ต้องทำโครงการนี้เพื่อลดภาระเช่นกันเพราะยอดการใช้ของแท็กซี่ที่มีอยู่ 4 หมื่นคันทั้งเก่าและใหม่แต่ละเดือนใช้แอลพีจีกว่า 1 ตันซึ่งราคาแอลพีจีตลาดโลกสูง 440 เหรียญต่อตันแต่เรากำหนดไว้ที่ 330 เหรียญต่อตันทำให้ส่วนต่าง 100 เหรียญต่อตันรัฐต้องรับภาระซึ่งล่าสุดรับภาระนำเข้าแล้วถึง 8,900 ล้านบาท”นายณัฐชาติกล่าว
สำหรับโครงการช่วยเหลือรถแท็กซี่ที่กระทรวงพลังงานเคยกำหนดไว้ นั้น จะส่งเสริมให้มีรถแท็กซี่เข้าร่วม 2 หมื่น คัน ภายในระยะเวลา 4 เดือน แบ่งเป็นกลุ่มรถแท็กซี่เก่า 4,200 คัน/ เดือน และกลุ่มรถแท็กซี่ใหม่ 800 คัน/เดือน โดยกลุ่มรถแท็กซี่เก่า ปตท.จะออกค่าปรับเปลี่ยนให้ทั้งหมด 4 หมื่นบาท/คัน และกระทรวงจะให้เงินช่วยซื้อถังเอ็นจีวีใหม่ 3,000 บาท/คัน ส่วนรถแท็กซี่ใหม่ ปตท. และกระทรวงพลังงาน จะให้เงินสนับสนุน 4 หมื่นบาท/คัน โดย ปตท.ช่วยเหลือ 2.8 หมื่นบาท และกระทรวงพลังงานช่วย 1.2 หมื่นบาท รวมแล้วการช่วยเหลือโครงการนี้ใช้เงิน 800-900 ล้านบาท
“ ขณะนี้ปตท.มีตัวเลขขาดทุนสะสมจากการตรึงราคาเอ็นจีวี จำนวน 9,000 กว่าล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ หลังกระทรวงพลังงานขอให้เลื่อนการปรับขึ้นราคาขายปลีกเอ็นจีวีออกไปก่อน จากเดิมที่ในปี2552 จะต้องปรับขึ้นจาก 8.50 บาท/ก.ก. เป็น ไม่เกิน 12 บาท/ก.ก. “นายณัฐชาติกล่าว
