ศาลลงโทษสถานหนัก จำเลยหมิ่นเบื้องสูง เผยแพร่ข้อความรูปภาพผ่านอินเทอร์เน็ต รับสารภาพ ศาลลดโทษเหลือจำคุก 10 ปี เจ้าตัวร้องลั่นกลางศาล ด้านคดี“สมยศ พฤกษาเกษมสุข” แนวร่วม นปช.หมิ่น “สพรั่ง”กล่าวหายักยอกเงินรัฐประหาร ศาลปรานีรอโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 1 แสน
เวลา 09.30 น. วานนี้ (3 เม.ย.)ที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ อ.1033/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุวิชา หรือ ชินภัสร์ ท่าค้อ อายุ 34 ปี ชาวจ.นครพนม เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 83, 91 อนุมาตรา 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 8, 9 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 อนุมาตรา 2 มาตรา 16 วรรค 1
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15-16 ส.ค.51 จำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันด้วยการต่อเติมภาพ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ แล้วเผยแพร่รูปภาพทางเว็บไซต์ อันเป็นการกระทำดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท กระทั่งวันที่ 14 ม.ค.52 พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ติดตามจับกุมจำเลยได้ บริเวณหน้าร้านสุวรรณการช่าง อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมของกลางหลายรายการ จึงแจ้งข้อหาดำเนินคดี และจำเลยให้การรับสารภาพโดยตลอด
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง หลายบทหลายกรรม ให้ลงโทษบทหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พิพากษาลงโทษจำคุก รวม 2 กระทงๆ ละ10 ปี รวม20 ปี คำรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้10 ปี
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสุวิชา ซึ่งอยู่ในชุดนักโทษถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ถึงกับร่ำไห้ ขณะที่มีบิดา มารดาและญาติ ซึ่งเดินทางจากจ.นครพนม ก็ร่ำไห้เช่นกัน
สำหรับจำเลยคดีนี้ ถูกจับกุมได้ เมื่อวันที่ 14 ม.ค.52 โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม สั่งการให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดี ดีเอสไอ ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต จากนั้นพ.ต.อ.ทวี พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ นำหมายค้นเลขที่ 78/2552 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 277/149 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตคันนายาว กทม.ภายหลังสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าว เป็นสถานที่ใช้เผยแพร่ข้อความ และคลิปวิดีโอหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ลงในเว็บไซต์ต่างๆ เช่น เว็บไซต์ ยูทูป
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว เนื้อที่ 25 ตารางวา ประตูบ้านมีกุญแจล็อกอยู่ จึงประสานให้ญาติของเจ้าของบ้านนำกุญแจมาเปิดประตู และร่วมเป็นพยานในการตรวจค้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้อายัดเครื่องคอมพิวเตอร์ และบิลค่าโทรศัพท์จํานวนหนึ่งมาตรวจสอบ
จากการสอบสวนทราบว่า เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว คือนายสุวิชา ท่าค้อ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้หลบหนีไปกบดานอยู่กับญาติที่จ.นครพนม ดีเอสไอ จึงมอบหมายให้ พ.ต.ต.กล้าหาญ คล่องพยาบาล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงส์มณี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สำนักคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ออกติดตามจับกุม
จำคุกนปช.หมิ่นพลเอกสพรั่ง
วันเดียวกันเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.3833/2550 ที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการณ์แห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐาน หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการกระจายเสียง
คดีนี้โจทก์ฟ้องระบุความผิดจำเลย สรุปว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.50 จำเลยได้หมิ่นประมาทใส่ความ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ขณะนั้น โดยใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวปราศรัยบนเวที บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำนองว่าพล.อ.สพรั่ง โกงกินงบประมาณ นำเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว โดยเซ็นชื่อในบัญชีเบิกจ่ายเงินจำนวน 12 ล้านบาท ให้นายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ซึ่งเป็นญาติ นำเงินงบประมาณในการทำรัฐประหารไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และเป็นคนที่ทำให้ประเทศไทยไปสู่ความหายนะ และข้อความอื่นๆ จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลเห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 พิพากษา จำคุก 2 ปี ปรับ 1 แสนบาท คำให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 1 ปี คงปรับ 1 แสนบาท พิเคราะห์พฤติการณ์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำความผิดครั้งแรก และเป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่เกินขอบเขต โทษจำคุกจึงให้รอการลงอาญาไว้ 2 ปี คุมประพฤติ 2 ปี โดยให้รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติปีละ 4 ครั้ง และให้ทำงานบริการสังคม 20 ชั่วโมงด้วย
เวลา 09.30 น. วานนี้ (3 เม.ย.)ที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ อ.1033/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุวิชา หรือ ชินภัสร์ ท่าค้อ อายุ 34 ปี ชาวจ.นครพนม เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 83, 91 อนุมาตรา 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 8, 9 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 อนุมาตรา 2 มาตรา 16 วรรค 1
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15-16 ส.ค.51 จำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันด้วยการต่อเติมภาพ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ แล้วเผยแพร่รูปภาพทางเว็บไซต์ อันเป็นการกระทำดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท กระทั่งวันที่ 14 ม.ค.52 พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ติดตามจับกุมจำเลยได้ บริเวณหน้าร้านสุวรรณการช่าง อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมของกลางหลายรายการ จึงแจ้งข้อหาดำเนินคดี และจำเลยให้การรับสารภาพโดยตลอด
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง หลายบทหลายกรรม ให้ลงโทษบทหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พิพากษาลงโทษจำคุก รวม 2 กระทงๆ ละ10 ปี รวม20 ปี คำรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้10 ปี
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสุวิชา ซึ่งอยู่ในชุดนักโทษถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ถึงกับร่ำไห้ ขณะที่มีบิดา มารดาและญาติ ซึ่งเดินทางจากจ.นครพนม ก็ร่ำไห้เช่นกัน
สำหรับจำเลยคดีนี้ ถูกจับกุมได้ เมื่อวันที่ 14 ม.ค.52 โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม สั่งการให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดี ดีเอสไอ ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต จากนั้นพ.ต.อ.ทวี พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ นำหมายค้นเลขที่ 78/2552 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 277/149 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตคันนายาว กทม.ภายหลังสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าว เป็นสถานที่ใช้เผยแพร่ข้อความ และคลิปวิดีโอหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ลงในเว็บไซต์ต่างๆ เช่น เว็บไซต์ ยูทูป
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว เนื้อที่ 25 ตารางวา ประตูบ้านมีกุญแจล็อกอยู่ จึงประสานให้ญาติของเจ้าของบ้านนำกุญแจมาเปิดประตู และร่วมเป็นพยานในการตรวจค้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้อายัดเครื่องคอมพิวเตอร์ และบิลค่าโทรศัพท์จํานวนหนึ่งมาตรวจสอบ
จากการสอบสวนทราบว่า เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว คือนายสุวิชา ท่าค้อ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้หลบหนีไปกบดานอยู่กับญาติที่จ.นครพนม ดีเอสไอ จึงมอบหมายให้ พ.ต.ต.กล้าหาญ คล่องพยาบาล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงส์มณี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สำนักคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ออกติดตามจับกุม
จำคุกนปช.หมิ่นพลเอกสพรั่ง
วันเดียวกันเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.3833/2550 ที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการณ์แห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐาน หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการกระจายเสียง
คดีนี้โจทก์ฟ้องระบุความผิดจำเลย สรุปว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.50 จำเลยได้หมิ่นประมาทใส่ความ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ขณะนั้น โดยใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวปราศรัยบนเวที บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำนองว่าพล.อ.สพรั่ง โกงกินงบประมาณ นำเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว โดยเซ็นชื่อในบัญชีเบิกจ่ายเงินจำนวน 12 ล้านบาท ให้นายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ซึ่งเป็นญาติ นำเงินงบประมาณในการทำรัฐประหารไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และเป็นคนที่ทำให้ประเทศไทยไปสู่ความหายนะ และข้อความอื่นๆ จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลเห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 พิพากษา จำคุก 2 ปี ปรับ 1 แสนบาท คำให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 1 ปี คงปรับ 1 แสนบาท พิเคราะห์พฤติการณ์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำความผิดครั้งแรก และเป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่เกินขอบเขต โทษจำคุกจึงให้รอการลงอาญาไว้ 2 ปี คุมประพฤติ 2 ปี โดยให้รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติปีละ 4 ครั้ง และให้ทำงานบริการสังคม 20 ชั่วโมงด้วย