xs
xsm
sm
md
lg

กคช.จ่อยึดสัญญา20โครงการชี้เอกชนสร้างบ้านเอื้อฯล่าช้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กคช.ใช้มาตรการเด็ดขาดแก้ปัญหาก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรล่าช้า เตรียมยึดสัญญา-แบงก์การันตี จากผู้รับเหมา 20 โครงการ กว่า 70,000 หน่วย หลังรัฐบาลผ่อนปรนมา 2 รอบ แต่ผลงานไม่คืบก่อสร้างล่าช้ากว่า 50% จับตารัฐบาลปล่อยผี 145 โครงการบ้านเอื้อฯไม่ผ่านสิ่งแวดล้อม ด้านกทม.เปิดจองสิทธิ์”โครงการบ้านยิ้ม” เผยวันแรกสุดคึกคัก ข้าราชการ-ลูกจ้างแห่ขอรับสิทธิ์เพียบ

หลังจากที่รัฐบาลมีการปรับลดและยกเลิกจำนวนการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของการเคหะแห่งชาติ(กคช.) จาก 600,000 หน่วย เหลือ 300,000 หน่วย เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ปรากฏว่า ในช่วงที่ผ่านมา มีหลายๆ โครงการที่ถูกยกเลิกและลดจำนวนการก่อสร้างในโครงการบ้านเอื้อฯ ซึ่งน่าจะส่งผลให้ปัญหาการก่อสร้างล่าช้าในบางโครงการลดลง
เนื่องจาก ในบางโครงการกลับพบว่า มีการก่อสร้างล่าช้ามากกว่าที่กคช.กำหนดไว้ในแผน ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดของการก่อสร้างบ้านเอื้อฯ มีจำนวนบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 177,000 หน่วย และอยู่ระหว่างการก่อสร้างประมาณ 130,000 หน่วย โดยในจำนวนดังกล่าว มีโครงการที่ก่อสร้างล่าช้ากว่าแผนถึง 50% อยู่ประมาณ 20โครงการ คิดเป็นจำนวนประมาณ 70,000 หน่วยเศษ
ทั้งนี้ 20โครงการดังกล่าว การก่อสร้างไม่ได้มีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเลย หลังจากที่มีการตรวจสอบในช่วงปี2551 แม้ว่าก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในรัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และครม.ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน มีมติให้ยืดระยะเวลาการก่อสร้างให้ 180วันถึง2ครั้ง โดยจะครบกำหนดในระหว่างเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ แต่การก่อสร้างกลับยังไม่มีความก้าวหน้า
ล่าสุด กคช.เตรียมยึดสัญญาการก่อสร้างและหนังสือค้ำประกัน (แบงก์การันตี) ของบริษัทที่รับผิดชอบก่อสร้างทั้ง20โครงการดังกล่าว หลังครบกำหนดการผ่อนผันระยะเวลาการก่อสร้างในช่วง 1-2 เดือนนี้ ซึ่งหลังจากนั้น กคช.จะดำเนินการเปิดประมูลโครงการใหม่อีกครั้ง คาดว่าจะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 6 เดือน และจะใช้เวลาในการก่อสร้างโครงการดังกล่าวอีกประมาณ 6 - 12 เดือน
และจากการตรวจสอบ พบว่า ปัญหาการก่อสร้างล้าช้า ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดสภาพคล่องของผู้รับเหมาก่อสร้างเอง ทำให้ไม่สามารถก่อสร้างโครงการต่อได้ แม้รัฐบาลจะพยายามยืดเวลาการก่อสร้างออกไปแล้วถึง 360 วัน ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหา กคช.ต้องยึดสัญญาการก่อสร้างและหนังสือค้ำประกันของผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านเอื้อฯทั้ง 20 โครงการมาเปิดประมูลงานใหม่ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อ

จับตาปล่อยผี!บ้านเอื้อ145โครงการ
นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ปัญหาการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สวล.) ในโครงการบ้านเอื้อฯ ซึ่งมีปัญหามาตั้งแต่เริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการนั้น ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาและตรวจเอกสารด้านสิ่งแวดล้อมโครงการบ้านเอื้อฯ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 เดือน จะสรุปและออกใบรับรองการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ทั้งหมด
“ปัจจุบันโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ไม่ผ่านสวล.มีจำนวน 145 โครงการ หรือกว่า 1 แสนหน่วย ที่ยังผิดเงื่อนไขการจัดทำสวล.และยังมีอีกหลายโครงการ ที่กคช.รับมอบโครงการจากภาคเอกชน และเปิดขายให้แก่ประชาชนแล้ว แต่พบปัญหาว่าประชาชนยังไม่สามรถเข้าอยู่ได้”ผู้ว่าฯกคช.กล่าว
ด้านนายศิริโรจน์ ชาวปากน้ำ ผู้ช่วยผู้ว่าการกคช.กล่าวว่า โครงการบ้านเอื้อฯที่ กคช.เสนอขายให้กทม.1 แสนหน่วยนั้น กคช.ตั้งเป้าว่าจะสามารถขายได้ทั้งหมด 10,000 หน่วยตามที่เสนอให้กทม.ไป เนื่องจากจำนวนความต้องการของข้าราชการและลูกจ้างที่กทม.สำรวจมานั้น มีปริมาณมากกว่าจำนวนที่เปิดขายถึง 3-4 เท่า

เร่งทำตลาด-สงกรานต์ก็ไม่หยุด
สำหรับความคืบหน้าด้านยอดขายบ้านเอื้ออาทรในช่วง 3 เดือนแรกของปี2552 มียอดขายแล้ว 30,000 หน่วย ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการจัดงานตลาดนัดบ้านเอื้ออาทรในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ดังนั้นจากนี้ไป กคช.จะไม่หยุดทำการตลาด โดยจะทำตลาดต่อเนื่องในเดือนเมษายนนี้ แม้ว่าจะเป็นช่วงวันหยุดยาว
"ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผู้ใช้แรงงานจะกลับบ้านเยอะ กคช. มีโครงการอยู่ที่ต่างจังหวัด ก็พร้อมจัดงานขาย โดยจะทำตลาดแบบขายตรงเข้าถึงตัวประชาชนโดยตรง เน้นอำนวยความสะดวกถึงบ้าน ให้คนซื้อได้สะดวก ขึ้น นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดงานมหกรรม 4 ภาค โดยมีจำนวนสินค้าที่พร้อมขายกระจายไปทุกภาค ในภาคอีสาน 5,000 หน่วย, ภาคเหนือ 3,000 หน่วย, ภาคตะวันออก 2,000 หน่วย, และกลาง 5,000 หน่วย รวมแล้ว 15,000 หน่วย ”
สำหรับในพื้นที่ภาคใต้นั้น ที่ผ่านมาขายดีมาก กำลังซื้อภาคใต้ดีกว่าที่อื่น แต่มีปัญหาโครงการสร้างไม่เสร็จ ทั้งที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ สงขลา หาดใหญ่ ปัตตานี ภูเก็ต และพัทลุง มาถึงวันนี้ยังอยู่ระหว่างหาผู้รับเหมาฯ เพื่อก่อสร้างโครงการในภาคใต้ 7,000 หน่วย
อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายจะเข้ามามาก แต่ปัญหาที่พบ คือ ยอดการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงิน ทำให้ไม่สามารถระบายบ้านคงค้าง(สต๊อก)ออกได้หมดจำนวนที่ขายได้ โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา กคช.ต้องพบปัญหาถึง 2 ช่วง ในการนำชื่อผู้จองซื้อบ้านเอื้อเสนอขอสินเชื่อ คือ ช่วงแรกในขั้นตอนการนำรายชื่อเสนอขอสินเชื่อนั้น มีลูกค้ากว่า 20% ไม่ยอมมาขอสินเชื่อ และช่วงที่2 คือ สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อลูกค้าบ้านเอื้อกว่า 40-50% ทำให้ต้องนำลูกค้าบางส่วนเข้าโครงการเช่าซื้อกับกคช. ก่อนนำรายชื่อเสนอของสินเชื่อกับธนาคารอีกรอบ

ยอดจองโครงการบ้านยิ้มวันแรกล้นทะลัก
วานนี้ (1 เม.ย.) ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เป็นประธานเปิดโครงการบ้านยิ้มสำหรับข้าราชการและลูกจ้าง กทม.อย่างเป็นทางการ โดยเปิดให้จองสิทธิตั้งแต่วันที่ 1-10 เม.ย. 2552 ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง กทม. ,การเคหะแห่งชาติ(กคช.) ,ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.), ธนาคารออมสิน ,ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเปิดให้จองสิทธิ์วันแรก มีข้าราชการและลูกจ้างประจำของ กทม. ให้ความสนใจจำนวนมาก และทยอยขอจองสิทธิอย่างล้นหลาม โดยตั้งแต่วันที่ 2-10 เมษายนสามารถจองสิทธิที่สำนักงานเขตแต่ละพื้นที่ ล่าสุดเฉพาะการจองสิทธิ์ในวันแรก(1เม.ย.) ซึ่งปิดลงทะเบียนในเวลา 16.00 น. มีผู้มารับใบจองสิทธิ์ 1,112 ราย ลงทะเบียนจองสิทธิ์ทันที 846 ราย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือข้าราชการและลูกจ้างประจำของ กทม. ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองอย่างพอเพียง สำหรับวันนี้เป็นการลงทะเบียนเพื่อรับใบจองสิทธิ ซึ่งจะให้เขียนระบุชื่อ-สกุล เงินเดือน โครงการบ้านยิ้มที่สนใจ ซึ่งมีอยู่ 13 โครงการ ที่ จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี จ.สมุทรสาคร และ จ. สมุทรปราการ จากนั้นจะรวบรวมส่งไปยังสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย กทม. ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีสิทธิ ทั้งนี้ จะให้สิทธิในกลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 13,500 บาท และยังไม่มีบ้านเป็นของตนเอง แต่หากสิทธิเหลือก็จะกระจายไปยังกลุ่มอื่นๆ คือ กลุ่มมีรายได้ไม่เกิน 13,500 บาทมีบ้านพักเป็นของตนเอง และกลุ่มมีรายได้เกิน 13,500 บาท
สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นห้องชุดขนาด 33 ตารางเมตร(ตร.ม.) รวมจำนวน 15,000 ยูนิต แบ่งเป็นห้องชุดตกแต่งพร้อมอยู่ราคา 450,000 บาท และห้องเปล่าราคา 390,000 บาท สามารถยื่นกู้ธนาคารได้เต็มจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์ ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.75 นาน 30 ปี หรือผ่อนชำระเพียงเดือนละ 1,850 บาท หรือเลือกผ่อนชำระ 10-20 ปีกับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ 4 แห่ง ซึ่งสามารถใช้วิธีการหักเงินผ่อนชำระจากเงินเพิ่มสวัสดิการของ กทม. 2,000 บาทที่ได้รับเป็นประจำทุกเดือนสำหรับผู้มีเงินเดือนต่ำกว่า 13,500 บาท
"กทม.จะเตรียมเดินหน้าโครงการบ้านยิ้มเฟส 2 สำหรับข้าราชการและลูกจ้างที่มีรายได้เกิน 13,500 บาทต่อเดือน ซึ่งสามารถขอกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทจากเอกชน โดยสามารถเลือกซื้อที่อยู่อาศัยได้ตามต้องการ อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และห้องชุด โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับโครงการบ้านยิ้มเฟสแรก คือ อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.75 ผ่อนนาน 30 ปีในวงเงินรวมทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท และที่สำคัญโครงการนี้ยังเป็นการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศไทยด้วย" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว

ลูกจ้างกทม.สุดปลื้มมีบ้านอยู่แล้ว
นางรัญทม บุญสิทธิ์ อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดเขตดินแดง รายได้ 11,100 บาท กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ กทม.มีโครงการบ้านยิ้ม เพราะตนไม่มีบ้านนี่จึงเป็นโอกาสที่ดีจะมีบ้านเป็นของตนเองซึ่งที่อยู่ปัจจุบันนี้เช่าในราคา 2,500 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ตั้งใจจะจองห้องชุดที่รังสิตคลอง 1 เพราะการเดินทางไม่ไกลมากนัก
ด้านนางฉลวย ประเสริฐ อายุ 38 ปี ตำแหน่งภารโรง ประจำศาลาว่าการกทม. 1 รายได้ 8,200 บาท กล่าวว่า ชอบโครงการนี้ตั้งใจรอโครงการนี้มาตั้งแต่ทราบข่าว โดยก่อนหน้านี้ตนได้ไปจองโครงการบ้านเอื้ออาทร ของการเคหะโดยตรงมาแล้วแต่รอนานมาก พอโครงการนี้ออกมาหัวหน้าก็มาบอกจึงบอกยกเลิกโครงการนั้นไปซึ่งครั้งนี้ตั้งใจจะจองโครงการบางบัวทอง 2 เพราะการเดินทางไม่ไกลจากที่ทำงานมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น