ASTVผู้จัดการรายวัน – เศรษฐกิจพ่นพิษ จัดสรรดิ้นหาเงินเสริมสภาพคล่อง "เมโทรสตาร์" แจงขอกู้เงินบุคคลภายนอก เหตุออกหุ้นกู้ไม่ได้เพราะเรตติ้งไม่ดี แถมแบงก์เข้มปล่อยกู้ ด้านไรมอนแลนด์เพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิม 250 ล้านบาท ส่วนเคปเปลขอยืดหนี้บริษัทย่อยออกไปจนถึงปี 57
นายธนเดช คุพวงศ์ กรรมการ บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กรณีที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 52 มีมติให้กู้ยืมเงินบุคคลภายนอกว่า บริษัทจำเป็นต้องมีเงินทุนสำรอง เพื่อใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นสำหรับใช้ในการดำเนินงานในกรณีที่เงินทุนของบริษัทไม่เพียงพอ
เนื่องจากภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจและการเงินในปัจจุบัน ได้ส่งผลให้สถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการให้สินเชื่อกับธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยชะลอการให้สินเชื่อทุกประเภท โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจึงไม่สามารถขอสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงินได้ อีกทั้งบริษัทไม่มีหลักทรัพย์เพื่อนำไปค้ำประกันเงินกู้ที่ต้องการ มีเฉพาะสินทรัพย์สำหรับการพัฒนาโครงการต่างๆ ของบริษัท ได้แก่ ที่ดินและงานระหว่างก่อสร้างเท่านั้น ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวได้นำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อโครงการกับสถาบันการเงินหมดแล้ว
ที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยที่บริษัทได้รับจากสถาบันการเงินสำหรับสินเชื่อโครงการนั้น จะเป็นอัตรา MLR หรือ MLR ลบ แต่สำหรับสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนอัตราดอกเบี้ยจะเป็น MOR หรือ MLR บวก และที่สำคัญที่สุดบริษัทต้องมีหลักทรัพย์หรือกรรมการค้ำประกันด้วย โดยอัตราดอกเบี้ยที่บริษัทให้แก่ผู้ให้กู้ทั้งบุคคลภายนอกและบุคคลหรือนิติบุคคลที่เกี่ยวโยงกันนั้นเป็นอัตราเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมสำหรับผู้ให้กู้ นอกจากนี้ อัตราร้อยละส่วนที่เพิ่มขึ้นมานั้น ก็เพื่อชดเชยความเสี่ยงจากการไม่ได้รับคืนเงินต้นจากการให้บริษัทกู้ยืมในกรณีที่ไม่มีหลักทรัพย์และบุคคลค้ำประกัน
นายธนเดช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บริษัทได้เคยปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อออกหุ้นกู้แบบไม่มีหลักประกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการหาผู้ลงทุนได้ ตลอดระยะเวลา 4 ปี นับแต่บริษัทจดทะเบียนเข้าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เนื่องจากบริษัท มี การจัดอันดับ(Rating) ไม่ดีพอสำหรับหุ้นกู้ที่จะเสนอขายตราสารที่มีเรตติ้ง (Investment Grade) ให้แก่บุคคลทั่วไป เพราะบริษัทเป็นบริษัทขนาดกลาง มีประวัติการดำเนินธุรกิจไม่นาน และที่สำคัญที่สุดบริษัทมีผลประกอบการกำไรสุทธิไม่ต่อเนื่องและถ้าบริษัทสามารถหาแหล่งเงินกู้ภายนอกที่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์และบุคคลค้ำประกันโดยคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราที่บริษัทหามาได้ บริษัทคงไม่จำเป็นต้องต้องกู้เงินจากบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ตามที่ได้ชี้แจ้งข้างต้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีบริษัทหลายแห่ง ที่ถือหุ้นโดยสถาบันการเงินต่างประเทศ ได้มีรายการกู้ยืมเงินจากผู้ถือหุ้นดังกล่าวในอัตราดอกเบี้ยเมื่อรวมกับค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้กู้ยืมแล้ว อัตราดังกล่าวไม่แตกต่างจากอัตราที่บริษัทจ่ายสำหรับรายการนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีนักลงทุน หรือสถาบันการเงินต่างประเทศที่สนใจต้องการให้บริษัทกู้ยืมเงินแบบไม่มีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่บริษัทจ่ายให้ในขณะนี้บริษัทก็รับพิจารณาการใช้สินเชื่อดังกล่าวเช่นกัน
**ไรมอนแลนด์เพิ่มทุน250ล้านบาท
นายกิตติ ตั้งศรีวงศ์ กรรมการ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/52 ได้มีมติ 1.ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 4,172 ล้านบาท เหลือ 3,061.58 ล้านบาท โดยการที่ตัดจำนวนหุ้นที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่ายจำนวน 1,110.47 ล้านหุ้น (ซึ่งไม่รวมถึงหุ้นที่ออกเพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น) มูลค่าจดทะเบียนหุ้นละ 1 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,110.47 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จาก 3,061.58 ล้านบาท เป็น 3,312.17 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่เพิ่มขึ้น จำนวน 250.59 ล้านหุ้น มูลค่าจดทะเบียนหุ้นละ 1 บาท คิดเป็นมูลค่า 250.59 ล้านบาท และมติอนุมัติให้บริษัทแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิเพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียน และมีมติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลระหว่างกาล ตามที่คณะกรรมการได้มีมติกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 3,312.17 ล้านบาท ชำระแล้ว 3,250.38 ล้านบาท เหลือทุนจดทะเบียนที่ยังไม่ได้นำออกมาจำหน่าย 61.79 ล้านบาท
**เคปเปลขอยืดหนี้บริษัทย่อย
นายเชง ลี วัง รอย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นจากสิงคโปร์) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ขยายระยะเวลาเงินกู้ยืมระยะยาวระหว่างบริษัท เคปเปล แลนด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส จํากัด กับบริษัทย่อยของบริษั ท เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ ตี้ จํากัด (มหาชน) และอุนมัติกําหนดระยะเวลาและเงื่อนไข รวมถึงการต่อสัญญากู้ยืมเงินระยะยาวล่วงหน้าโดยอัตโนมัติและเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติให้ต่ออายุเงินกู้ยืมระยะยาวล่วงหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อเงินกู้ยืมระยะยาวดังกล่าวถึงกำหนดชำระ
สำหรับรายละเอียดของเงินกู้จากบริษัท เคปเปล แลนด์ ไฟแนนเชียลฯ กับผู้กู้ดังนี้ 1.บริษัทไทย-คามิ จำนวนเงินกู้ 7.45 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 5 ปี, 2.บริษัท โกลด์สตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำนวนเงินกู้ 14.3 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 5 ปี, 3. บริษัท ท็อป พร็อพเพอร์ตี้ จำนวนเงินกู้ 4.55 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 4 ปี 8 เดือน, และ 4. บริษัท คอร์เนอร์สโตน เรียลตี้ จำนวนเงินกู้ 1.4 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 4 ปี 8 เดือน อัตราดอกเบี้ยตามต้นทุนของผู้ให้กู้บวกร้อยละ 0.50 ซึ่งทั้งหมดจะครบกำหนดชำระ 3 มกราคม 57 โดยมีวัตถุประสงค์ของการกู้ยืมเงิน เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินกิจการของบริษัทย่อยของเคปเปล
นายธนเดช คุพวงศ์ กรรมการ บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กรณีที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 52 มีมติให้กู้ยืมเงินบุคคลภายนอกว่า บริษัทจำเป็นต้องมีเงินทุนสำรอง เพื่อใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นสำหรับใช้ในการดำเนินงานในกรณีที่เงินทุนของบริษัทไม่เพียงพอ
เนื่องจากภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจและการเงินในปัจจุบัน ได้ส่งผลให้สถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการให้สินเชื่อกับธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยชะลอการให้สินเชื่อทุกประเภท โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจึงไม่สามารถขอสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงินได้ อีกทั้งบริษัทไม่มีหลักทรัพย์เพื่อนำไปค้ำประกันเงินกู้ที่ต้องการ มีเฉพาะสินทรัพย์สำหรับการพัฒนาโครงการต่างๆ ของบริษัท ได้แก่ ที่ดินและงานระหว่างก่อสร้างเท่านั้น ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวได้นำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อโครงการกับสถาบันการเงินหมดแล้ว
ที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยที่บริษัทได้รับจากสถาบันการเงินสำหรับสินเชื่อโครงการนั้น จะเป็นอัตรา MLR หรือ MLR ลบ แต่สำหรับสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนอัตราดอกเบี้ยจะเป็น MOR หรือ MLR บวก และที่สำคัญที่สุดบริษัทต้องมีหลักทรัพย์หรือกรรมการค้ำประกันด้วย โดยอัตราดอกเบี้ยที่บริษัทให้แก่ผู้ให้กู้ทั้งบุคคลภายนอกและบุคคลหรือนิติบุคคลที่เกี่ยวโยงกันนั้นเป็นอัตราเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมสำหรับผู้ให้กู้ นอกจากนี้ อัตราร้อยละส่วนที่เพิ่มขึ้นมานั้น ก็เพื่อชดเชยความเสี่ยงจากการไม่ได้รับคืนเงินต้นจากการให้บริษัทกู้ยืมในกรณีที่ไม่มีหลักทรัพย์และบุคคลค้ำประกัน
นายธนเดช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บริษัทได้เคยปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อออกหุ้นกู้แบบไม่มีหลักประกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการหาผู้ลงทุนได้ ตลอดระยะเวลา 4 ปี นับแต่บริษัทจดทะเบียนเข้าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เนื่องจากบริษัท มี การจัดอันดับ(Rating) ไม่ดีพอสำหรับหุ้นกู้ที่จะเสนอขายตราสารที่มีเรตติ้ง (Investment Grade) ให้แก่บุคคลทั่วไป เพราะบริษัทเป็นบริษัทขนาดกลาง มีประวัติการดำเนินธุรกิจไม่นาน และที่สำคัญที่สุดบริษัทมีผลประกอบการกำไรสุทธิไม่ต่อเนื่องและถ้าบริษัทสามารถหาแหล่งเงินกู้ภายนอกที่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์และบุคคลค้ำประกันโดยคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราที่บริษัทหามาได้ บริษัทคงไม่จำเป็นต้องต้องกู้เงินจากบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ตามที่ได้ชี้แจ้งข้างต้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีบริษัทหลายแห่ง ที่ถือหุ้นโดยสถาบันการเงินต่างประเทศ ได้มีรายการกู้ยืมเงินจากผู้ถือหุ้นดังกล่าวในอัตราดอกเบี้ยเมื่อรวมกับค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้กู้ยืมแล้ว อัตราดังกล่าวไม่แตกต่างจากอัตราที่บริษัทจ่ายสำหรับรายการนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีนักลงทุน หรือสถาบันการเงินต่างประเทศที่สนใจต้องการให้บริษัทกู้ยืมเงินแบบไม่มีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่บริษัทจ่ายให้ในขณะนี้บริษัทก็รับพิจารณาการใช้สินเชื่อดังกล่าวเช่นกัน
**ไรมอนแลนด์เพิ่มทุน250ล้านบาท
นายกิตติ ตั้งศรีวงศ์ กรรมการ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/52 ได้มีมติ 1.ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 4,172 ล้านบาท เหลือ 3,061.58 ล้านบาท โดยการที่ตัดจำนวนหุ้นที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่ายจำนวน 1,110.47 ล้านหุ้น (ซึ่งไม่รวมถึงหุ้นที่ออกเพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น) มูลค่าจดทะเบียนหุ้นละ 1 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,110.47 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จาก 3,061.58 ล้านบาท เป็น 3,312.17 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่เพิ่มขึ้น จำนวน 250.59 ล้านหุ้น มูลค่าจดทะเบียนหุ้นละ 1 บาท คิดเป็นมูลค่า 250.59 ล้านบาท และมติอนุมัติให้บริษัทแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิเพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียน และมีมติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลระหว่างกาล ตามที่คณะกรรมการได้มีมติกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 3,312.17 ล้านบาท ชำระแล้ว 3,250.38 ล้านบาท เหลือทุนจดทะเบียนที่ยังไม่ได้นำออกมาจำหน่าย 61.79 ล้านบาท
**เคปเปลขอยืดหนี้บริษัทย่อย
นายเชง ลี วัง รอย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นจากสิงคโปร์) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ขยายระยะเวลาเงินกู้ยืมระยะยาวระหว่างบริษัท เคปเปล แลนด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส จํากัด กับบริษัทย่อยของบริษั ท เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ ตี้ จํากัด (มหาชน) และอุนมัติกําหนดระยะเวลาและเงื่อนไข รวมถึงการต่อสัญญากู้ยืมเงินระยะยาวล่วงหน้าโดยอัตโนมัติและเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติให้ต่ออายุเงินกู้ยืมระยะยาวล่วงหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อเงินกู้ยืมระยะยาวดังกล่าวถึงกำหนดชำระ
สำหรับรายละเอียดของเงินกู้จากบริษัท เคปเปล แลนด์ ไฟแนนเชียลฯ กับผู้กู้ดังนี้ 1.บริษัทไทย-คามิ จำนวนเงินกู้ 7.45 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 5 ปี, 2.บริษัท โกลด์สตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำนวนเงินกู้ 14.3 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 5 ปี, 3. บริษัท ท็อป พร็อพเพอร์ตี้ จำนวนเงินกู้ 4.55 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 4 ปี 8 เดือน, และ 4. บริษัท คอร์เนอร์สโตน เรียลตี้ จำนวนเงินกู้ 1.4 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 4 ปี 8 เดือน อัตราดอกเบี้ยตามต้นทุนของผู้ให้กู้บวกร้อยละ 0.50 ซึ่งทั้งหมดจะครบกำหนดชำระ 3 มกราคม 57 โดยมีวัตถุประสงค์ของการกู้ยืมเงิน เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินกิจการของบริษัทย่อยของเคปเปล