“แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่” เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ปลายเดือนนี้ เงินที่ได้จากขายหุ้น IPO 40.75 ล้านหุ้น นำไปชำระคืนเงินกู้ ปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและสำรองเป็นทุนหมุนเวียน ขณะปี 51 โชว์ผลงานเติบโตโดดเด่น จากการผลิตและจำหน่ายสินค้าที่เพิ่มขึ้น หนุนรายได้และกำไรเติบโต พร้อมให้สิทธินักลงทุนจองหุ้น IPO ใช้ปันผลล่อใจ
นายพีท ริมชลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) (HTECH) กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เร็วๆ นี้ เพื่อระดมทุนไปขยายธุรกิจและชำระคืนเงินกู้ที่มีอยู่ประมาณ 30 ล้านบาท หลังจากที่ไฟลิ่งของบริษัทผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 240 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เป็นทุนที่ชำระแล้ว 179.25 ล้านบาท โดยคณะกรรมการของบริษัทอนุมัติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน 40.75 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มจาก 179.25 ล้านหุ้น เป็น 220 ล้านหุ้น
โดยที่ผ่านมา HTECH มีผลประกอบการที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ล่าสุดปี 2551 มีรายได้รวม 284.76 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรขั้นต้น 125.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 40% อันเป็นผลจากยอดขายเพิ่มขึ้นแต่ต้นทุนขายต่ำลง เนื่องจากความสามารถในการหาแหล่งวัตถุดิบที่มีต้นทุนลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.93%
ดังนั้น บริษัทจึงประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปี 2551 เมื่อเดือนมีนาคมเป็นเงิน 4 ล้านบาท และเดือนมีนาคม 2552 เป็นเงิน 26.89 ล้านบาท ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ เข้าร่วมการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2552 และสิทธิในการรับเงินปันผล วันที่ 10 เมษายน 2552 (Record Date) ดังนั้น ผู้จองซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทที่ถือหลักทรัพย์อยู่จนถึงวันที่ดังกล่าวจะมีสิทธิรับเงินปันผล ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้เสนอให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลอีกในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 15 พฤษภาคม 2552
นายวิชา โตมานะ ผู้ดูแลฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ ถือเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีมาโดยตลอด จึงคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ส่วนการขายหุ้น IPO ช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนเช่นนี้ มองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อหุ้นของบริษัท โดยเฉพาะปัญหาในการขายหุ้น เนื่องจากเป็นหุ้นขนาดเล็กและจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)
นายพีท ริมชลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) (HTECH) กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เร็วๆ นี้ เพื่อระดมทุนไปขยายธุรกิจและชำระคืนเงินกู้ที่มีอยู่ประมาณ 30 ล้านบาท หลังจากที่ไฟลิ่งของบริษัทผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 240 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เป็นทุนที่ชำระแล้ว 179.25 ล้านบาท โดยคณะกรรมการของบริษัทอนุมัติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน 40.75 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มจาก 179.25 ล้านหุ้น เป็น 220 ล้านหุ้น
โดยที่ผ่านมา HTECH มีผลประกอบการที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ล่าสุดปี 2551 มีรายได้รวม 284.76 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรขั้นต้น 125.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 40% อันเป็นผลจากยอดขายเพิ่มขึ้นแต่ต้นทุนขายต่ำลง เนื่องจากความสามารถในการหาแหล่งวัตถุดิบที่มีต้นทุนลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.93%
ดังนั้น บริษัทจึงประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปี 2551 เมื่อเดือนมีนาคมเป็นเงิน 4 ล้านบาท และเดือนมีนาคม 2552 เป็นเงิน 26.89 ล้านบาท ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ เข้าร่วมการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2552 และสิทธิในการรับเงินปันผล วันที่ 10 เมษายน 2552 (Record Date) ดังนั้น ผู้จองซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทที่ถือหลักทรัพย์อยู่จนถึงวันที่ดังกล่าวจะมีสิทธิรับเงินปันผล ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้เสนอให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลอีกในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 15 พฤษภาคม 2552
นายวิชา โตมานะ ผู้ดูแลฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ ถือเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีมาโดยตลอด จึงคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ส่วนการขายหุ้น IPO ช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนเช่นนี้ มองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อหุ้นของบริษัท โดยเฉพาะปัญหาในการขายหุ้น เนื่องจากเป็นหุ้นขนาดเล็กและจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)