xs
xsm
sm
md
lg

ตีวัวกระทบคราด

เผยแพร่:   โดย: อัญชะลี ไพรีรัก

“กองทัพเสื้อแดง” ของนักโทษชายทักษิณ แม้จะขาดระเบียบวินัย หยาบคาย หยามเกียรติ และไร้เหตุผล แต่ด้วยแรงดุเดือดเอาเป็นเอาตาย จากวิดีโอ ลิงก์ และท่อน้ำเลี้ยงที่ไหลเร็วและแรงอย่างไม่ปรานีปราศรัย ก็จูงใจคนไทยใจแดง ทั้งพวกจริงใจและเสแสร้งได้ไม่เบาทีเดียว

การชุมนุมของคนเสื้อแดงเที่ยวนี้ เริ่มต้นด้วยเสียงดูแคลนของคนทั่วๆ ไป แล้วพัฒนากลายเป็น “กองทัพ” ขนาดย่อมๆ ภายในสัปดาห์เดียว ที่พร้อมแปรเปลี่ยนไปเป็นระเบิดเวลาได้ทุกเมื่อ

งานนี้นักโทษชายทักษิณ “สู้แบบหมดหน้าตัก” อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่ง “แดงไปทั้งแผ่นดิน” ฮึกเหิมโจนทะยานยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่

การจัดตั้งกองกำลัง “กลุ่มคนเสื้อแดง” คราวนี้มีการออกแบบให้ดำเนินรอยตาม “กองทัพนักรบมือตบ” ไม่ผิดเพี้ยน ทั้งรูปแบบ และลูกเล่นลีลา จะขาดก็แต่ “อุดมการณ์” ที่อ่อนยวบเหมือนผลส้มที่ใหญ่แต่ฟ่าม

เนื้อหาบนเวทีของคนเสื้อแดง และ “วิดีโอ ลิงก์” รายวันของ “นักโทษชายหน้าด้าน” เต็มไปด้วยถ้อยคำบิดเบือน-โกหก และเพ้อเจ้อ จนพลเมืองผู้มีสติปัญญา และ จริยธรรมอ่อนอกอ่อนใจ เอือมระอากับไอ้คนเลวทรามต่ำช้า ราวนรกส่งมาเกิดกันเป็นทิวแถว

ใครๆ ก็บ่นกันพึมว่า เพราะ “มันคนเดียว” ทำลายบ้านเมืองของเราจนป่นปี้แทบไม่มีชิ้นดีแล้ว

ประเด็นน่าสนใจบนความหยาบคาย และมารยาสาไถยรายวัน ของเวทีเสื้อแดงและวิดีโอ ลิงก์ อยู่ตรงที่สาระการนำเสนอซึ่งล้วนมาในแนวเดียวกันหมด “ตั้งแต่นายยันบ่าว”

นั่นคือการโจมตี “ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ผู้มีคุณานุประการกับสังคมไทยมหาศาล เทียบไม่ได้เลยกับไอ้สุนัขจรจัดพลัดถิ่น ที่หากินกับสินบนใต้โต๊ะ และโกงชาติจนมั่งคั่ง

เรียกได้ว่า หากแม้นนักโทษหนีคุก ขวัญใจนักร้องดั้งโด่งคนนี้จะด่าใครว่าอย่างไร สักพักขี้ข้าม้าใช้ของนักโทษจอมลวงโลก ก็จะด่าว่าคนคนนั้นด้วยภาษาหยามหยันอย่างเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน

นักโทษชายทักษิณผู้หนีคดีโกงชาติ ออกอาการฟูมฟายผ่าน “วิดีโอ ลิงก์” ทุกค่ำคืน โดยเปิดฉากฟาดงวงฟาดงา และเหวี่ยงแหไปทั่วตั้งแต่ “ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ” และ “องคมนตรี” หลายท่าน รวมถึงข้าราชการระดับสูงจากกระบวนการยุติธรรม และนักวิชาการที่จริงจังซื่อสัตย์

ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การขับเคลื่อนในนาม เสื้อแดงทวงประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการทหาร และตั้งเป้าล้มกลุ่มคนที่เขาเรียกว่า อมาตยาธิปไตย ซึ่งต่อมานักโทษชายหนีคุกขยายความว่า พวกนี้เป็น “คนรอบวัง”

การชุมนุมของคนเสื้อแดงนับวันจะยิ่งหนักข้อมากขึ้น เป็นบรรยากาศความรุนแรงท่ามกลางความเลิ่กลั่กของรัฐบาลพลิกขั้ว

ส่วนเนวิน ศิษย์เก่าเสื้อแดงแรงฤทธิ์ กลายเป็นขอมดำดินในเสื้อคลุมสีน้ำเงิน

ด้านทหารหาญรั้วของชาติทั้งสามเหล่าทัพ และกลุ่มตำรวจก็มีทำทีเมินเฉย แถมเล่นเกมซ่อนตาดำกันเป็นแถว

ขณะที่ “กลุ่มลูกป๋า” ที่ชาวบ้านถามหาความกตัญญู ได้แต่นิ่งดูดาย ดู “ป๋าเปรม” ต้องมาตายด้วยปากคนทราม

คนที่เดือดเนื้อร้อนใจที่สุดเห็นจะไม่มีใครเกิน “คนสงขลา” และ “พี่น้องโคราช”

ที่กลุ่มแรกอาศัยเหตุผลว่า เกิดในแดนดินถิ่นเดียวกับ “ป๋าเปรม” และกลุ่มหลังได้ชื่อว่าเป็นนักรบจาก “ค่ายคูประตูเมือง” ของแม่ทัพเปรมแต่ในอดีต

คนสองกลุ่มนี้ร่วม 3,000 คน กล้าหาญลุกขึ้นมาชักธงรบกับคนเสื้อแดงอย่างไม่หวั่นเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม แม้ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษแห่งบ้านสี่เสาฯ เจ้าของฉายานักฆ่าลุ่มเจ้าพระยา จะออกมาห้ามปรามสักเพียงใด ก็ไม่สามารถห้ามหัวใจคนจริงแห่งทะเลสาบสงขลาและนักรบชาติอาชาแห่งเมืองย่าโมได้

แล้วนักวิชาการ และนักสื่อสารมวลชนล่ะ ทำอะไรกันอยู่!!!

คำตอบนั้นหรือ คือ สายลมลวงกลางฤดูร้อน

โบราณเขาถึงสอนลูกสอนหลานกันนักหนาว่า คนเราจะเห็นกัน เมื่อยามทุกข์ยาก

เพราะทุกวันนี้ “พันธมิตรฯ” ถ้าไม่วิ่งวุ่นกับการขึ้นโรงขึ้นศาลสะสางคดีความที่ติดตัวกันมาคนละนิด-คนละหน่อยจากการ “กู้ชาติ” ก็ต้องหันมา “คว้าไมค์” และ “ท้าชน” กับ “ผู้ถือไมค์นอกราชอาณาจักร” เป็นกิจวัตร

ไม่ต้องดูอื่นไกล ดูอย่างคุณสนธิ ลิ้มทองกุล สิ เบิกฟ้าออกมา “โต้” กับนักโทษชายทักษิณ และลิ่วล้อสามหาวแทน “ป๋าเปรม” ด้วยใจไม่มีใครจ้างทาง ASTV ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ส่วนปลายสัปดาห์คึกจัด “ด่า” สองรอบเช้า- ค่ำ What a Wonderful World จริงๆ

งานนี้ถามคุณสนธิ นายใหญ่บ้านพระอาทิตย์ว่า “ทำไปทำไม” เพราะทุกวันนี้ลำพังขายข้าวสาร ASTV กรอกหม้อไปวันๆ ก็สาหัสสากรรจ์เกินพอแล้ว

ประมุขบ้านพระอาทิตย์ไม่ตอบแต่ย้ำว่า ใครไม่ทำเราทำ ถือเป็นภาระที่ต้องทำเพื่อแผ่นดิน และ “พระเจ้าแผ่นดิน” แถมเสริมอีกว่า ความเชื่อมั่นบนแนวทางนี้ เป็นแนวทางที่ดีของสื่อมวลชน-พลเมืองดี ที่ต้องร่วมกันปกปักรักษา “แผ่นดิน” และเทิดทูน “ราชาผู้เป็นสง่าแห่งแคว้น”

แม่ทัพสั่งลุยมีหรือนักรบจะกลัวเกรง เมื่อไม่มี “เวที” เพราะ “ทุนหมด” ก็ต้องปรับมาใช้ “ทีวี” ให้เป็นประโยชน์ ก็นี่คือ ASTV ทีวีของประเทศชาติและประชาชนนี่นา

งานนี้ต้อง “จับตา” เพื่อ “จับตาย” ปิดฉากทรราชโกงบ้านกินเมืองกันเสียที เท่าที่สดับตรับฟังจากวาจาสามานย์ก้าวล่วงของ “นักโทษชายทักษิณ” รวมถึงวีระ-จักรภพ-จตุพร-ณัฐวุฒิ และก่อแก้ว ที่โจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ด้วยถ้อยคำหยาบคายเกินกว่าที่คนดีๆ เขาจะพูดจากัน ส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่ประเด็น “การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549” งานนี้พูดได้คำเดียวว่า คนเสื้อแดงตั้งแต่หัวขบวนยันท้ายขบวน “ตีวัวกระทบคราด”

เนื้อหาสาระที่กล่าวหาว่า พลเอกเปรม และระบอบอมาตยาธิปไตยอยู่เบื้องหลัง “ปฏิวัติรัฐประหาร” ไม่ใช่ของใหม่ที่เพิ่งมาเล่าบนเวทีเสื้อแดง แต่มีมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่นำเสนอในรูปแบบ “Youtube” –เว็บไซต์ต่างๆ-พอกเกตบุ๊ก และบทสัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศ โดยมี “แซม” นักล็อบบี้ยิสต์ชื่อดังชาวอเมริกันเป็นโต้โผจัดให้ในสนนราคา “โคตรแพง”

การโจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ในลักษณะ “ตีวัวกระทบคราด” เริ่มต้น และทวีความรุนแรงอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง นับแต่นักโทษชายทักษิณถูก “รัฐประหาร” โดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเมื่อปี 2549 ขณะอยู่ที่องค์การสหประชาชาติ นิวยอร์ก สหรัฐฯ

โลกอินเทอร์เน็ตจะรู้ดีว่า กลุ่มต่อต้านรัฐประหารเกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน และขยายตัวรวดเร็ว เมื่อนักโทษชายทักษิณตั้งตัวติดที่มหานครลอนดอน

ข้อเขียนส่วนใหญ่วนเวียนอยู่กับ “มือที่มองไม่เห็นสวมแหวนบลูไดมอนด์” ร่วมมือกับ “นางพญาผมขาว” แอบทำรัฐประหาร “คนดีศรีแผ่นดิน” เพียงเพราะความอิจฉาริษยา และไม่อยากเห็นใครเกินหน้าเกินตา

บางหนคนกลุ่มนี้ก็แวะเบี้ยบ้ายรายทางแขวะ “สุรเกียรติ์ เสถียรไทย” สักดอกสองดอกข้อหา “ทรยศ”

วันดีคืนดีคึกๆ ก็นึกเปลี่ยนเรื่อง หันมารวมหัวกันจิกกัด “ศักดินาล้าหลัง” และแว้งกัดได้แม้กระทั่งกับ “สุนัขตัวหนึ่ง”!!!!

และวันร้ายคืนร้ายก็ไม่วายหันมาถล่ม “แกนนำพันธมิตรฯ” ในฐานะ “ก้างขวางคอ” นักโทษชายจอมสวาปาม

เจ้าประจำที่หนีไม่รอดหลบไม่พ้นคือ “สนธิ ลิ้มทองกุล” และ “จำลอง ศรีเมือง”

ต่อมาเนื้อสาระที่จาบจ้วงก็พัฒนาขึ้นมาจากโลกไซเบอร์มาสู่ “ข้อเขียน” ของสื่อมวลชนต่างประเทศ

ผู้เกี่ยวข้องบนแผ่นดินนี้หาได้สดับตรับฟังไม่ พวกเขาต่างเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ และปล่อยให้กระบวนการฟาดฟัน “ผู้หลักผู้ใหญ่” ในบ้านเมืองดำเนินต่อไปโดยมิได้นำพา คนเมืองยังไม่รู้ความจริง นับประสาอะไรกับชาวบ้านตาสีตาสาจะไปเข้าใจอะไรได้

ในที่สุดจากรัฐบาล “ขิงแก่” ที่ล้มเหลวมาสู่รัฐบาล “บ้าๆ บอๆ” และนายกรัฐมนตรี “ห่วยแตก” สองคนของพลังประชาชนก็จบเห่คว่ำกระดาน ด้วยความมานะบากบั่นมุ่งมั่นของ “พันธมิตรฯ ภาค 2” ตอน 193 วัน กับการเมืองใหม่ประชาภิวัฒน์ และเริ่มต้นแบบอีหลักอีเหลื่ออีกครั้งกับสูตร “รัฐบาลพลิกขั้ว” ที่มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” วัย 45 ปีเป็นนายกรัฐมนตรี และมี “กษิต ภิรมย์” อดีตเอกอัครราชทูตไทยในกรุงวอชิงตัน ดี. ซี. เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยมีส่วนผสมที่มาจาก “ของเก่า” ในไส้ “ทักษิณ” เกือบหมดรวมถึง “ข้าเก่า” นาม “เนวิน” รวมอยู่ด้วย

ต้องยอมรับความจริงกันว่า สูตรรัฐบาลพิลึกพิลั่นเต็มไปด้วยร่องรอยน่าตำหนิ มาจากความคิดไม่รอบคอบ-ขอไปที และแสนชุ่ยของ “ไอ้ป๊อก ซื่อบื้อ” และทีมงานเพียงเพื่อต้องการ “ยื้อยุดหยุดม็อบพระอาทิตย์”

พลอยฟ้าพลอยฝนหนนี้ จะทำให้พี่มาร์ค –อภิสิทธิ์ ขวัญใจแม่ยกศักดินาตกเป็นขี้ปากของไพร่พลกองทัพเสื้อแดงดีไม่ดีจะเสียของก่อนถึงวัยอันควร อย่างไม่ควรจะเป็น

เพราะเมื่อรัฐบาลพลิกขั้วเริ่มส่องแสงเปล่งประกาย คนจัญไรที่หนีคดีในต่างแดนก็หัวเสีย จึงเพิ่มฟืนเร่งไฟ

ในที่สุดจากม็อบประจำเดือนกลายเป็นกองทัพเสื้อแดงล้อมทำเนียบฯ และจากโฟนอินงานวัดกลายเป็น วิดีโอ ลิงก์ งานช้าง…เหิมเกริม และท้าทาย

ยุ่งละสิ...Tee Who Tee It ล่ะพี่น้องเอ้ย ....ดีเดย์ วันแดงเดือดกำลังใกล้เข้ามา เพราะโรคหมาบ้ามักระบาดในหน้าร้อน ใครลองโดนงับเข้าไปมีหวังฉีดยารอบสะดือกันหูตูบแน่

ในมีข่าวร้ายย่อมมีข่าวดี....เพราะความเย็นชาของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองต่อปัญหาของ “วิดีโอ ลิงก์” ปลุกระดมมวลชน และเพลงคอมมูน ปารีส ที่ดังกึกก้องไปทั่วท้องนภาพร้อมๆ กับกลิ่น “กิโยติน” โชยกึก

ทำให้ “อรชุนเจ้าเก่า” ถึงกับคว้าธนูเตรียม “ออกรบ” อีกรอบหนึ่ง ทั้งๆ ที่เพิ่งเก็บฉากไปหยกๆ

เมื่อกองทัพนิ่งเฉย เมื่อคนถือกฎหมายไม่ประสีประสา แถมเห็นรัฐบาลลูกผีลูกคนเสแสร้งแกล้งโง่กับเกมตีวัวกระทบคราดอย่างนี้

อรชุน ยอดนักรบผู้ไม่เคยพลาดเป้าแห่ง ASTV จะทนนั่งนิ่งดูดายอยู่ได้ยังไง ไม่ใช่ “ไอ้ป๊อก ซื่อบื้อ” จอมขี้ขลาดตาขาว และรัฐบาลผสมงี่เง่านี่นา จะได้นั่งหน้าโง่รอ “ทักษิณ” มาย่ำยีบีฑาได้ง่ายๆ

ดูลาดเลาแล้วเห็นทีงวดนี้ “พันธมิตรฯ” และ “แม่ยก” คงได้พัก “ออกรอบ” มา “ออกรบ” กับพี่อรชุน บ้านพระอาทิตย์อีกยกเป็นแน่แท้

สู้กันอีกยกจะเป็นไรไป อย่างเก่งก็สู้แค่ตาย ถ้าแลกกับการ “หายไป” ของทักษิณ คุ้มออกจะตาย.
กำลังโหลดความคิดเห็น