ศูนย์ข่าวศรีราชา- ผอ.บีโอไอ ภาคตะวันออก ระบุตัวเลขการขอส่งเสริมการลงทุนในภาคตะวันออกปี 2552 ส่อเค้าลดลง 10-20% จากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก แต่มั่นใจภาคผลิตขนาดใหญ่จะไม่ย้ายฐานไปประเทศเพื่อนบ้าน เพราะความพร้อมทางภูมิศาสตร์ที่เหนือกว่า
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ได้จัดให้มีการสัมมนาในหัวข้อ “ผลักดันการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจภาคตะวันออก” ณ โรงแรมดุสิตธานีพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติรวมถึงผู้เข้าร่วมสัมมนา ที่ส่วนใหญ่มาจากภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออกเกือบ 600 คน ได้ทราบถึงนโยบายและทิศทางส่งเสริมการลงทุนในอนาคต รวมถึงมาตรการกระตุ้นการลงทุนในปีแห่งการลงทุน 2551-2552 และการขยายหลักเกณฑ์ส่งเสริมการลงทุน โครงการที่ตั้งในนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมในเขต 2 และในจังหวัดระยอง โดยมีนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน และมีเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานร่วมอภิปราย
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการขับเคลื่อนมาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมในช่วงที่ผู้ประกอบการกำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกว่า นอกจากการเดินสายจัดโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนแล้ว การจัดสัมมนาเพื่อประชาสัมพันธ์มาตรการช่วยเหลือต่างๆ ยังจะสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคอุตสาหกรรมในต่างจังหวัด นักลงทุนท้องถิ่นรวมถึงต่างชาติที่ขยายการลงทุนเข้ามาในประเทศให้เดินหน้าลงทุนต่อไป ทั้งนี้ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยใน 2 ทศวรรษที่ผ่านมา พบว่าเมื่อ 5 ปีก่อนภาคตะวันออกมีการขอส่งเสริมการลงทุนกว่า 2 พันโครงการ มีเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนที่มากถึงร้อยละ 53 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด
“วันนี้เราได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก รัฐบาลก็พยายามที่จะหานโยบายในการช่วยเหลือประชาชนและนักลงทุนให้สามารถประคองตัวอยู่ได้ และที่ผ่านมาก็สนับสนุนงบประมาณกว่า 2 พันล้านบาทในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้มีความพร้อมในการขนส่งทางอากาศมากขึ้น ขณะที่การอนุมัติการลงทุนใหม่ก็จะเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศออกไปตรวจสอบการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในท้องถิ่นให้ดำเนินการในเรื่องการกำจัดขยะ กำจัดควันและกลิ่นเพื่อไม่ให้กระทบต่อชุมชน”
**บีโอไอตอ.เชื่อวิกฤตศก.
ทำตัวเลขขอบีโอไอ ลด 10-20%
นายเจษฏา ศรศึก ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 กล่าวถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคตะวันออกในขณะนี้ว่าคือปัญหาความไม่เข้าใจระหว่างลูกจ้างและนายจ้างเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในยุควิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งการลดเวลาการทำงานของนักลงทุนต่างชาติไม่ใช่เป็นการยกเลิกการจ้างงานแต่เป็นเพียงการประคองธุรกิจให้อยู่รอดในภาวะที่คำสั่งซื้อสินค้าลดน้อยลง ขณะที่กลุ่มลูกจ้างบางส่วนก็ยังคงเรียกร้องสวัสดิการต่างๆ จึงจำเป็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการต่างชาติว่าเขาจะได้รับการดูแลด้านความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ อย่างไรก็ดีวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกย่อมส่งผลกระทบต่อตัวเลขคำขอส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกปี 2552 อย่างแน่นอน โดยคาดว่าตัวเลขขอส่งเสริมจะลดลงประมาณ 10-20%
“แม้แนวโน้มการขอส่งเสริมลงทุนจะลดลง แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าฐานผลิตขนาดใหญ่โดยเฉพาะชิ้นส่วนยานยนต์จะไม่ย้ายจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างแน่นอน เพราะประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้านการขนส่งและภูมิประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก ดังนั้นหากภาวะการเมืองของไทยนิ่งและเศรษฐกิจโลกฟื้น การขยายการลงทุนจะมีให้เห็นอย่างแน่นอน ”นายเจษฏา กล่าว
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ได้จัดให้มีการสัมมนาในหัวข้อ “ผลักดันการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจภาคตะวันออก” ณ โรงแรมดุสิตธานีพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติรวมถึงผู้เข้าร่วมสัมมนา ที่ส่วนใหญ่มาจากภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออกเกือบ 600 คน ได้ทราบถึงนโยบายและทิศทางส่งเสริมการลงทุนในอนาคต รวมถึงมาตรการกระตุ้นการลงทุนในปีแห่งการลงทุน 2551-2552 และการขยายหลักเกณฑ์ส่งเสริมการลงทุน โครงการที่ตั้งในนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมในเขต 2 และในจังหวัดระยอง โดยมีนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน และมีเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานร่วมอภิปราย
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการขับเคลื่อนมาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมในช่วงที่ผู้ประกอบการกำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกว่า นอกจากการเดินสายจัดโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนแล้ว การจัดสัมมนาเพื่อประชาสัมพันธ์มาตรการช่วยเหลือต่างๆ ยังจะสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคอุตสาหกรรมในต่างจังหวัด นักลงทุนท้องถิ่นรวมถึงต่างชาติที่ขยายการลงทุนเข้ามาในประเทศให้เดินหน้าลงทุนต่อไป ทั้งนี้ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยใน 2 ทศวรรษที่ผ่านมา พบว่าเมื่อ 5 ปีก่อนภาคตะวันออกมีการขอส่งเสริมการลงทุนกว่า 2 พันโครงการ มีเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนที่มากถึงร้อยละ 53 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด
“วันนี้เราได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก รัฐบาลก็พยายามที่จะหานโยบายในการช่วยเหลือประชาชนและนักลงทุนให้สามารถประคองตัวอยู่ได้ และที่ผ่านมาก็สนับสนุนงบประมาณกว่า 2 พันล้านบาทในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้มีความพร้อมในการขนส่งทางอากาศมากขึ้น ขณะที่การอนุมัติการลงทุนใหม่ก็จะเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศออกไปตรวจสอบการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในท้องถิ่นให้ดำเนินการในเรื่องการกำจัดขยะ กำจัดควันและกลิ่นเพื่อไม่ให้กระทบต่อชุมชน”
**บีโอไอตอ.เชื่อวิกฤตศก.
ทำตัวเลขขอบีโอไอ ลด 10-20%
นายเจษฏา ศรศึก ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 กล่าวถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคตะวันออกในขณะนี้ว่าคือปัญหาความไม่เข้าใจระหว่างลูกจ้างและนายจ้างเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในยุควิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งการลดเวลาการทำงานของนักลงทุนต่างชาติไม่ใช่เป็นการยกเลิกการจ้างงานแต่เป็นเพียงการประคองธุรกิจให้อยู่รอดในภาวะที่คำสั่งซื้อสินค้าลดน้อยลง ขณะที่กลุ่มลูกจ้างบางส่วนก็ยังคงเรียกร้องสวัสดิการต่างๆ จึงจำเป็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการต่างชาติว่าเขาจะได้รับการดูแลด้านความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ อย่างไรก็ดีวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกย่อมส่งผลกระทบต่อตัวเลขคำขอส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกปี 2552 อย่างแน่นอน โดยคาดว่าตัวเลขขอส่งเสริมจะลดลงประมาณ 10-20%
“แม้แนวโน้มการขอส่งเสริมลงทุนจะลดลง แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าฐานผลิตขนาดใหญ่โดยเฉพาะชิ้นส่วนยานยนต์จะไม่ย้ายจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างแน่นอน เพราะประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้านการขนส่งและภูมิประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก ดังนั้นหากภาวะการเมืองของไทยนิ่งและเศรษฐกิจโลกฟื้น การขยายการลงทุนจะมีให้เห็นอย่างแน่นอน ”นายเจษฏา กล่าว