รอยเตอร์ - ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ชี้ปีนี้บรรดาเศรษฐกิจกำลังพัฒนาในเอเชีย จะมีอัตราเติบโตเชื่องช้าที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตทางการเงิน 1997-98 แต่เชื่อว่าบรรดาประเทศที่เศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกเหล่านี้ จะสามารถฟื้นตัวได้ในปี 2010
รายงานประจำปีของเอดีบีที่ใช้ชื่อว่า "ทิศทางแนวโน้มการพัฒนาของเอเชีย" (Asian Development Outlook) ฉบับล่าสุดซึ่งนำออกเผยแพร่วานนี้(31) ระบุว่า การพยากรณ์ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเอเชียในปี 2010 นี้ ถึงอย่างไรก็ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการฟื้นตัวบ้างเล็กน้อย ซึ่งเรื่องนี้ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ดี รายงานของเอดีบีได้เรียกร้องให้กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย ใช้วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสในการปรับดุลภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจ จากที่เคยมุ่งเน้นการพึ่งพาภาคการส่งออกเป็นหลัก ก็หันมาเพิ่มน้ำหนักให้แก่การบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
"ทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกนี้ยังคงมีความเสี่ยงสูงมากที่จะทรุดตัวลงอีก" ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานเอดีบีกล่าวไว้ในรายงานฉบับนี้ และเสริมว่า "มาตรการตอบโต้ต่อวิกฤตการณ์จะมีประสิทธิภาพเพียงใดยังไม่เป็นที่ไม่แน่นอน เสียงร่ำร้องหานโยบายกีดกันทางการค้าก็กำลังเป็นประเด็นที่น่าวิตกกังวล เพราะยิ่งเมื่อการสูญเสียตำแหน่งงานในประเทศพัฒนาแล้วยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยโน้มน้าวให้เกิดกระแสกีดกันทางการค้ารุนแรงขึ้นได้"
รายงานของเอดีบีกล่าวว่า บรรดาเศรษฐกิจกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งหมายรวมถึง จีน อินเดีย กลุ่มประเทศในเอเชียอาคเนย์ เกาหลีใต้และเอเชียกลาง ปีนี้จะมีอัตราเติบโตของจีดีพีโดยเฉลี่ยประมาณ 3.4 เปอร์เซ็นต์ ลดลงจาก 6.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว อีกทั้งนับเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1998 ซึ่งตอนนั้นเอดีบีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจกำลังพัฒนาในเอเชียจะมีอัตราเติบโตโดยเฉลี่ยเพียง 0.2 เปอร์เซ็นต์
เอดีบียังคาดการณ์ไว้ในรายงานฉบับนี้ว่า อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียอาจกระเตื้องขึ้นเป็น 6.0 เปอร์เซ็นต์ได้ในปี 2010 หากเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วสามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยขึ้นมาได้
"ความน่ากังวลสำหรับภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศยากจน คือสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอนว่าเศรษฐกิจสหรัฐ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นจะฟื้นตัวขึ้นได้ภายในปีหน้าหรือไม่" จงหว่า ลี รักษาการหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบีกล่าวไว้ตอนหนึ่งในรายงานฉบับนี้
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เอดีบีคาดการณ์ว่า ปี 2009 นี้เศรษฐกิจเอเชียจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยประมาณ 5.8 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ภาวะการส่งออกที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการทรุดตัวของเศรษฐกิจโลก และความซบเซาของอุปสงค์ภายในประเทศอาจทำให้อัตราเติบโตเชื่องช้าลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ได้
ลีแถลงต่อที่ประชุมผู้สื่อข่าวในฮ่องกงเมื่อวานนี้ว่า การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อลดการพึ่งพาภาคการส่งออกให้น้อยลง จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในอนาคตสำหรับกลุ่มประเทศในเอเชีย
"นี่อาจเป็นโอกาสอันดีสำหรับการปรับดุลภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยหันไปเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อุปสงค์ภายในประเทศ แทนการพึ่งอาศัยภาคการส่งออกเป็นหลักเหมือนก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในภาพไร้ความสมดุลเหมือนเดิม แม้ว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้จะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม" ลีกล่าว
รายงานฉบับล่าสุดของเอดีบีคาดการณ์ว่า จีนซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจที่มีอัตราเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก จะขยายตัวได้ประมาณ 7.0 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ จาก 9.0 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2008 ขณะที่อัตราเติบโตของอินเดียปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 5.0 เปอร์เซ็นต์และจะเพิ่มเป็น 6.5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2010
สำหรับฮ่องกง เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสิงคโปร์นั้น เอดีบีคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะยังคงทรุดตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากทั้งหมดล้วนพึ่งอาศัยภาคการส่งออกเป็นหลัก
รายงานประจำปีของเอดีบีที่ใช้ชื่อว่า "ทิศทางแนวโน้มการพัฒนาของเอเชีย" (Asian Development Outlook) ฉบับล่าสุดซึ่งนำออกเผยแพร่วานนี้(31) ระบุว่า การพยากรณ์ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเอเชียในปี 2010 นี้ ถึงอย่างไรก็ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการฟื้นตัวบ้างเล็กน้อย ซึ่งเรื่องนี้ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ดี รายงานของเอดีบีได้เรียกร้องให้กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย ใช้วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสในการปรับดุลภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจ จากที่เคยมุ่งเน้นการพึ่งพาภาคการส่งออกเป็นหลัก ก็หันมาเพิ่มน้ำหนักให้แก่การบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
"ทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกนี้ยังคงมีความเสี่ยงสูงมากที่จะทรุดตัวลงอีก" ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานเอดีบีกล่าวไว้ในรายงานฉบับนี้ และเสริมว่า "มาตรการตอบโต้ต่อวิกฤตการณ์จะมีประสิทธิภาพเพียงใดยังไม่เป็นที่ไม่แน่นอน เสียงร่ำร้องหานโยบายกีดกันทางการค้าก็กำลังเป็นประเด็นที่น่าวิตกกังวล เพราะยิ่งเมื่อการสูญเสียตำแหน่งงานในประเทศพัฒนาแล้วยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยโน้มน้าวให้เกิดกระแสกีดกันทางการค้ารุนแรงขึ้นได้"
รายงานของเอดีบีกล่าวว่า บรรดาเศรษฐกิจกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งหมายรวมถึง จีน อินเดีย กลุ่มประเทศในเอเชียอาคเนย์ เกาหลีใต้และเอเชียกลาง ปีนี้จะมีอัตราเติบโตของจีดีพีโดยเฉลี่ยประมาณ 3.4 เปอร์เซ็นต์ ลดลงจาก 6.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว อีกทั้งนับเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1998 ซึ่งตอนนั้นเอดีบีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจกำลังพัฒนาในเอเชียจะมีอัตราเติบโตโดยเฉลี่ยเพียง 0.2 เปอร์เซ็นต์
เอดีบียังคาดการณ์ไว้ในรายงานฉบับนี้ว่า อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียอาจกระเตื้องขึ้นเป็น 6.0 เปอร์เซ็นต์ได้ในปี 2010 หากเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วสามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยขึ้นมาได้
"ความน่ากังวลสำหรับภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศยากจน คือสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอนว่าเศรษฐกิจสหรัฐ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นจะฟื้นตัวขึ้นได้ภายในปีหน้าหรือไม่" จงหว่า ลี รักษาการหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบีกล่าวไว้ตอนหนึ่งในรายงานฉบับนี้
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เอดีบีคาดการณ์ว่า ปี 2009 นี้เศรษฐกิจเอเชียจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยประมาณ 5.8 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ภาวะการส่งออกที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการทรุดตัวของเศรษฐกิจโลก และความซบเซาของอุปสงค์ภายในประเทศอาจทำให้อัตราเติบโตเชื่องช้าลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ได้
ลีแถลงต่อที่ประชุมผู้สื่อข่าวในฮ่องกงเมื่อวานนี้ว่า การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อลดการพึ่งพาภาคการส่งออกให้น้อยลง จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในอนาคตสำหรับกลุ่มประเทศในเอเชีย
"นี่อาจเป็นโอกาสอันดีสำหรับการปรับดุลภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยหันไปเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อุปสงค์ภายในประเทศ แทนการพึ่งอาศัยภาคการส่งออกเป็นหลักเหมือนก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในภาพไร้ความสมดุลเหมือนเดิม แม้ว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้จะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม" ลีกล่าว
รายงานฉบับล่าสุดของเอดีบีคาดการณ์ว่า จีนซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจที่มีอัตราเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก จะขยายตัวได้ประมาณ 7.0 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ จาก 9.0 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2008 ขณะที่อัตราเติบโตของอินเดียปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 5.0 เปอร์เซ็นต์และจะเพิ่มเป็น 6.5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2010
สำหรับฮ่องกง เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสิงคโปร์นั้น เอดีบีคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะยังคงทรุดตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากทั้งหมดล้วนพึ่งอาศัยภาคการส่งออกเป็นหลัก
