เฟสต้าผนึกสมาชิก 8 สมาคมท่องเที่ยวเตรียมจัดสเปเชียลแฟร์ใหญ่สิงหาคมนี้ หวังปลุกกระแสให้คนไทยเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น ต่อลมหายใจให้ผู้ประกอบการไปถึงไฮซีซั่นปีหน้าตั้งเป้าเงินสะพัด พันล้านบาท เหตุธุรกิจโรงแรมระส่ำหนัก อัตราเข้าพักวูบกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมภาคเหนือระบุ หลังสงกรานต์เตรียมปลดพนักงาน 4 พันคน อีก 2 เดือน ปลดอีก 6 พันคน นายกทีเอชเอดิ้นสู้ เสนอคณะกรรมการโครงการช่วยเหลือเงินกู้ฯขอขยายเงื่อนไขปล่อยกู้โรงแรม 5 ดาว เสริมสภาพคล่องก่อนตายหมู่
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) ในฐานะโฆษกสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย(เฟสต้า) เปิดเผยว่า 8 สมาคมในธุรกิจท่องเที่ยวที่เป็นสมาชิกเฟสต้า เช่น สมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย และ สมาคมโรงแรมไทย เป็นต้น มีแนวคิดตรงกันว่าจะจัดงานแกรนด์เซล เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณจัดงานราว 18 ล้านบาท โดยภาคเอกชนจะร่มลงขันกัน 15 ล้านบาทและของบสนับสนุนจาก ททท.อีกราว 3-4 ล้านบาท
โดยรูปแบบจะเป็นงานคอนซูเมอร์แกรนด์เซลขนาดใหญ่กว่าทุกครั้งที่เคยจัดมามีบูทให้ผู้ประกอบการเข้ามานำเสนอขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 2,000 บูท สินค้าที่นำมาจำหน่ายจะร่วมลดราคาลง 50-70% ส่วนสถานที่อยู่ระหว่างเลือกว่าจะจัดที่อิมแพคเมืองทองธานี หรือ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งเป้าหมายงานนี้จะเกิดเงินสะพัดจากการซื้อขายสินค้าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท กระตุ้นคนไทยให้ท่องเที่ยวได้เพิ่มอีก 10%
“งานนี้ จะเป็นสเปเชี่ยลแฟร์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่สมาคมด้านท่องเที่ยวเคยจัดมา และผลจากการจัดงานนี้จะเป็นข้อมูลชี้วัดแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในปีหน้าได้อีกด้วย โดยงานจะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม คาดหวังกระตุ้นการเดินทางตั้งแต่โลว์ซีซั่นปีนี้ถึงไฮซีซั่นในต้นปีหน้า”
**ทีเอชเอเสนอรัฐไฟเขียวปล่อยกู้รายใหญ่***
ด้านนายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) กล่าวว่า ในส่วนของความคืบหน้าโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว ในส่วนของธุรกิจโรงแรมมีผู้ประกอบการยื่นเสนอเข้าร่วมโครงการ 49 ราย รวมวงเงิน 1,021 ล้านบาท โดยทีเอชเอจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการโครงการช่วยเหลือเงินกู้ฯขอขยายเงื่อนไขให้แก่ผู้ประกอบการที่มีวงเงินลงทุนเกิน 200 ล้านบาทได้เข้าร่วมโครงการด้วย เพื่อจะได้ครอบคลุมโรงแรมขนาด 4-5 ดาว ซึ่งขณะนี้กำลังเดือนร้อนขาดสภาพคล่องอย่างหนัก โดยจะเสนอว่าวงเงินที่จะขอกู้น่าจะอยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยให้รัฐบาลช่วยเหลือในส่วนของดอกเบี้ย
***รร.หรูเชียงใหม่จ่อปลดพนง.4พันคน***
ทางด้านนายกนก สุวรรณวิสูตร์ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจโรงแรมในภาคเหนือขณะนี้ค่อนข้างซบเซา สืบเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง โดยอัตราเข้าพักโรงแรมระดับ 3 ,4 และ 5 ดาว ช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมาเฉลี่ยที่ 57% ,73% และ 40% ตามลำดับ ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตราเข้าพักที่ 81% ,84% และ 72% ตามลำดับ จากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นว่า อัตราเข้าพักโรงแรมในระดับ 5 ดาว ลดลงเยอะสุด คือจากปีก่อน 72% ลดเหลือ 40%
สำหรับเดือนมี.ค.เฉพาะโรงแรมที่เชียงใหม่มีอัตราเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยรวมทั้งจังหวัดอยู่ที่ 38% จากปีก่อนเฉลี่ยที่ 60% ส่วนเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าอัตราเข้าพักโรงแรมในเชียงใหม่จะเฉลี่ยที่ 50-55% จากทุกปีจะอยู่ที่ 90-95%
จากตัวเลขดังกล่าวคาดว่าหลังจบเทศกาลสงกรานต์ผู้ประกอบการโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ในเชียงใหม่จะปรับลดพนักงานลงอย่างน้อย 15% หรือราว 4,000 คน จากนั้นอีก 2 เดือนถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นอาจต้องมีการปรับลดพนักงานอีกเป็นครั้งที่สองอีกราว 25% หรือ 6,000 คน แต่หากแย่กว่านั้นผู้ประกอบการที่สายป่านสั้น เงินทุนน้อยอาจต้องขายกิจการ
“ทุกวันนี้ผู้ประกอบการโรงแรมใช้โปรโมชั่นลดราคาห้องพักลงกว่า 70% ของราคาปกติแล้ว ซึ่งไม่สามารถลดลงกว่านี้ได้อีก อย่างโรงแรม 3 ดาวปัจจุบันราคาเหลือคืนละ 900-1,000 บาท หากต่ำกว่านี้กิจการก็อยู่ไม่ได้ “ นายกนก กล่าว
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) ในฐานะโฆษกสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย(เฟสต้า) เปิดเผยว่า 8 สมาคมในธุรกิจท่องเที่ยวที่เป็นสมาชิกเฟสต้า เช่น สมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย และ สมาคมโรงแรมไทย เป็นต้น มีแนวคิดตรงกันว่าจะจัดงานแกรนด์เซล เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณจัดงานราว 18 ล้านบาท โดยภาคเอกชนจะร่มลงขันกัน 15 ล้านบาทและของบสนับสนุนจาก ททท.อีกราว 3-4 ล้านบาท
โดยรูปแบบจะเป็นงานคอนซูเมอร์แกรนด์เซลขนาดใหญ่กว่าทุกครั้งที่เคยจัดมามีบูทให้ผู้ประกอบการเข้ามานำเสนอขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 2,000 บูท สินค้าที่นำมาจำหน่ายจะร่วมลดราคาลง 50-70% ส่วนสถานที่อยู่ระหว่างเลือกว่าจะจัดที่อิมแพคเมืองทองธานี หรือ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งเป้าหมายงานนี้จะเกิดเงินสะพัดจากการซื้อขายสินค้าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท กระตุ้นคนไทยให้ท่องเที่ยวได้เพิ่มอีก 10%
“งานนี้ จะเป็นสเปเชี่ยลแฟร์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่สมาคมด้านท่องเที่ยวเคยจัดมา และผลจากการจัดงานนี้จะเป็นข้อมูลชี้วัดแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในปีหน้าได้อีกด้วย โดยงานจะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม คาดหวังกระตุ้นการเดินทางตั้งแต่โลว์ซีซั่นปีนี้ถึงไฮซีซั่นในต้นปีหน้า”
**ทีเอชเอเสนอรัฐไฟเขียวปล่อยกู้รายใหญ่***
ด้านนายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) กล่าวว่า ในส่วนของความคืบหน้าโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว ในส่วนของธุรกิจโรงแรมมีผู้ประกอบการยื่นเสนอเข้าร่วมโครงการ 49 ราย รวมวงเงิน 1,021 ล้านบาท โดยทีเอชเอจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการโครงการช่วยเหลือเงินกู้ฯขอขยายเงื่อนไขให้แก่ผู้ประกอบการที่มีวงเงินลงทุนเกิน 200 ล้านบาทได้เข้าร่วมโครงการด้วย เพื่อจะได้ครอบคลุมโรงแรมขนาด 4-5 ดาว ซึ่งขณะนี้กำลังเดือนร้อนขาดสภาพคล่องอย่างหนัก โดยจะเสนอว่าวงเงินที่จะขอกู้น่าจะอยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยให้รัฐบาลช่วยเหลือในส่วนของดอกเบี้ย
***รร.หรูเชียงใหม่จ่อปลดพนง.4พันคน***
ทางด้านนายกนก สุวรรณวิสูตร์ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจโรงแรมในภาคเหนือขณะนี้ค่อนข้างซบเซา สืบเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง โดยอัตราเข้าพักโรงแรมระดับ 3 ,4 และ 5 ดาว ช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมาเฉลี่ยที่ 57% ,73% และ 40% ตามลำดับ ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตราเข้าพักที่ 81% ,84% และ 72% ตามลำดับ จากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นว่า อัตราเข้าพักโรงแรมในระดับ 5 ดาว ลดลงเยอะสุด คือจากปีก่อน 72% ลดเหลือ 40%
สำหรับเดือนมี.ค.เฉพาะโรงแรมที่เชียงใหม่มีอัตราเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยรวมทั้งจังหวัดอยู่ที่ 38% จากปีก่อนเฉลี่ยที่ 60% ส่วนเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าอัตราเข้าพักโรงแรมในเชียงใหม่จะเฉลี่ยที่ 50-55% จากทุกปีจะอยู่ที่ 90-95%
จากตัวเลขดังกล่าวคาดว่าหลังจบเทศกาลสงกรานต์ผู้ประกอบการโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ในเชียงใหม่จะปรับลดพนักงานลงอย่างน้อย 15% หรือราว 4,000 คน จากนั้นอีก 2 เดือนถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นอาจต้องมีการปรับลดพนักงานอีกเป็นครั้งที่สองอีกราว 25% หรือ 6,000 คน แต่หากแย่กว่านั้นผู้ประกอบการที่สายป่านสั้น เงินทุนน้อยอาจต้องขายกิจการ
“ทุกวันนี้ผู้ประกอบการโรงแรมใช้โปรโมชั่นลดราคาห้องพักลงกว่า 70% ของราคาปกติแล้ว ซึ่งไม่สามารถลดลงกว่านี้ได้อีก อย่างโรงแรม 3 ดาวปัจจุบันราคาเหลือคืนละ 900-1,000 บาท หากต่ำกว่านี้กิจการก็อยู่ไม่ได้ “ นายกนก กล่าว
