ทัพสินค้าคอนซูเมอร์ปรับตัวฝุ่นตลบ รับมือวิกฤตเศรษฐกิจลามกระทบของใช้ชีวิตประจำวันหดตัว ไตรมาสแรกกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลวูบ ค่ายไทย-เทศ เปิดศึกชิงกำลังซื้อQ2 ยัน Q4 งัดสารพัดกลยุทธ์ เดินเกมโฟกัสเข้มข้น ขยายไลน์โปรดักส์ล่างยันบน เบนเข็มเจาะกลุ่มวัยรุ่นกำลังซื้อไม่ตก ลดต้นทุนเลือกปั้นสินค้าที่มีศักยภาพ ควงนวัตกรรม –ไซซ์ซิ่ง
ผ่านพ้นไตรมาสแรกปี 2552 ไปแล้ว แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็ดูยังไม่ดีขึ้นมากเท่าใด ตามที่มีการคาดการณ์กันเอาไว้ ขณะที่ผู้ประกอบการอุปโภคบริโภครายใหญ่ ต่างก็ต้องปรับตัวรับมือกับการแข่งขัน
**สหพัฒนฯมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอย การดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตต้องใช้สติปัญญา บริษัทจึงมีการปรับตัวอย่างหนัก โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์การทำตลาด 4P เพื่อไม่ให้การค้าขาดทุน โดยมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ๆ มากกว่าการใช้กลยุทธ์ราคาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่การสื่อสารถึงผู้บริโภคต้องปรับปรุง โดยการสื่อสารต้องมีความชัดเจน เฉพาะเจาะจง และใช้งบน้อยแต่สร้างการรับรู้ได้มาก
“ช่วงเศรษฐกิจขาลง มองในแง่ดีถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะปรับตัวพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของตนเอง เพราะในภาวะเศรษฐกิจดี ทุกรายหันไปโฟกัสยอดขายหมด”
นอกจากนี้บริษัทต้องปรับด้านบริหารจัดการ อาทิ มีการประชุมและรายงานแบบวันต่อวัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ต้องคิดแบบใหม่ ควบคู่กับการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลประกอบการสิ้นปีนี้เติบโต 10% หรือ 20,350 ล้านบาท กำไรเกือบ 900 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 18,350 ล้านบาท เติบโต 10%
***ลีเวอร์ฯแตกไลน์สินค้าบนยันล่าง***
นายบาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวว่า บริษัทวางแผนการจัดการในระยะสั้นๆ เพื่อรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น แต่ระยะยาวก็ไม่ทิ้งและยังคงต้องก้าวเดินต่อไป โดยบริษัทยูนิลีเวอร์ในหลายประเทศ มีโมเดลการดำเนินธุรกิจที่ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายประเทศ และพอเศรษฐกิจดีธุรกิจก็กลับมาการเติบโตได้ดี
สำหรับกลยุทธ์บริษัทเน้นพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย ขยายเซกเมนต์ทั้งตลาดบนและล่าง อีกทั้งมีการเพิ่มขนาดสินค้าให้หลากหลาย ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ รองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคจากภาวะเศรษฐกิจผันผวน นอกจากนี้มุ่งพัฒนาคุณภาพสินค้าควบคู่ราคา เพราะพบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มมองหาสินค้าที่มีคุณภาพนอกเหนือจากการตัดสินใจเรื่องราคาอย่างเดียว
เศรษฐกิจถดถอยในขณะนี้ แต่เชื่อว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคจะไม่หดตัวหรือลดลงไปมากกว่านี้ เพราะเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน โดยปีนี้คาดว่าตลาดเติบโต 4-5% ซึ่งได้ยกตัวอย่างแคธิกอรี่อาหารว่ายังสามารถเติบโตได้ดีอยู่ อาทิ ไอศกรีม หรือกระทั่งผงปรุงรส
***โอสถสภาเจาะวัยรุ่นกำลังซื้อไม่ตก***
นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โอสถสภามาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เบบี้มายด์ เปิดเผยว่า แนวทางการตลาดปีนี้บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อของผู้บริโภค ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย และรองรับกับการแข่งขันตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้กลยุทธ์ลด แลก แจก แถม อย่างรุนแรง อีกทั้งยังจัดแคมเปญมุ่งเน้นกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น เพราะมีกำลังการซื้อ และการตัดสินใจซื้อง่ายเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ อาทิ แป้งเย็นทเวลฟ์พลัส และเด็กเบบี้มายด์ มีการจัดกิจกรรมเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น
***จอห์นสันฯ ชูนวัตกรรมเข็นตลาด***
นางสาวประมวลศรี คงยิ่งยง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คอนซูเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดของใช้ส่วนบุคคลปีนี้เติบโตลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในแง่มูลค่าปีนี้โต 4% จากปีที่ผ่านมาโต 6% (การเติบโตมาจากสินค้าขึ้นราคา) ส่วนในเชิงปริมาณโต 1% จากปีที่ผ่านมาโต 2% ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมการใช้สินค้าที่ลดลง
โดยกลยุทธ์การทำตลาดท่ามกลางภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทมุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมใหม่กระตุ้นตลาด เพราะเชื่อว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคชอบทดลองสินค้าแปลกใหม่ นอกจากนี้ยังหันมาซื้อขนาดใหญ่และเล็กตามกำลังซื้อ ตลอดจนการซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น โดยช่องทางคอมมูนิตี้มอลล์ที่เกิดมากขึ้น
***ตรางูงัดไซซ์ซิ่งดันยอด***
นายสมชาย นิธิเสถียรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและขายภายในประเทศ บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งเย็นตรางู เปิดเผยว่า วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อกำลังการซื้อของผู้บริโภคไตรมาสแรกลดลง 2-3% และมีแนวโน้มว่าไตรมาส 2 ลดลง 4% ขณะที่กลุ่มสินค้าของใช้ส่วนบุคคล การซื้อสินค้าเริ่มได้รับผลกระทบ จากปกติผู้บริโภคให้ความสำคัญการซื้อสินค้าในสัดส่วน 35-40% ลดลง 5-10% หรือเพียง 30% โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ คือ ของใช้ส่วนบุคคลสำหรับผู้ชายลดลง 50% หรือสินค้าที่เจาะตลาดนิชมาร์เก็ตและมีจุดขายอีโมชันนัล
การทำตลาดใช้กลยุทธ์ไซซ์ซิ่ง อาทิ การเปิดตัวแป้งเย็นโดยเพิ่มขนาด 100 กรัม ราคา 25 บาท หรือกระทั่งเปิดตัวครีมอาบน้ำบรรจุภัณฑ์ชนิดเติม และบรรจุภัณฑ์ขวดปั๊ม เจาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัว เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังการซื้อของผู้บริโภค อีกทั้งยังได้ส่งสินค้ารุ่นลิมิเต็ด เอดิชันขนาด 100 กรัม จำหน่ายร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังหันมาโฟกัสกลุ่มสินค้านอกเหนือจากแป้งเย็น อาทิ โลชั่น และสบู่ หลังจากได้แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเมื่อปีที่ผ่านมา
***ไบโอฯเลือกปั้นสินค้าศักยภาพ**
นางสาวศิริสุภา อาจสัญจร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไบโอ คอนซูเมอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กดีนี่ เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดของบริษัทไบโอฯ โดยรวมปีนี้ มีการวางแผนอย่างรัดกุมและรอบคอบมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อต่อการทำตลาด หรือแม้กระทั่งการเปิดตัวสินค้าใหม่มากนัก โดยบริษัทมีการวางแผนล่วงหน้าสำหรับปีนี้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้มีสินค้าบางแคธิกอรี่ที่บริษัทลดงบในการทำตลาดลง และเพิ่มงบในกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพหรือมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ จากปัจจุบันมีทั้งหมด 9 กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าสำหรับเด็ก เป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตในท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากพ่อแม่ประหยัดค่ายใช้จ่ายของตัวเอง เพื่อให้ลูกใช้สินค้าที่มีคุณภาพ
ผ่านพ้นไตรมาสแรกปี 2552 ไปแล้ว แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็ดูยังไม่ดีขึ้นมากเท่าใด ตามที่มีการคาดการณ์กันเอาไว้ ขณะที่ผู้ประกอบการอุปโภคบริโภครายใหญ่ ต่างก็ต้องปรับตัวรับมือกับการแข่งขัน
**สหพัฒนฯมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอย การดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตต้องใช้สติปัญญา บริษัทจึงมีการปรับตัวอย่างหนัก โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์การทำตลาด 4P เพื่อไม่ให้การค้าขาดทุน โดยมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ๆ มากกว่าการใช้กลยุทธ์ราคาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่การสื่อสารถึงผู้บริโภคต้องปรับปรุง โดยการสื่อสารต้องมีความชัดเจน เฉพาะเจาะจง และใช้งบน้อยแต่สร้างการรับรู้ได้มาก
“ช่วงเศรษฐกิจขาลง มองในแง่ดีถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะปรับตัวพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของตนเอง เพราะในภาวะเศรษฐกิจดี ทุกรายหันไปโฟกัสยอดขายหมด”
นอกจากนี้บริษัทต้องปรับด้านบริหารจัดการ อาทิ มีการประชุมและรายงานแบบวันต่อวัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ต้องคิดแบบใหม่ ควบคู่กับการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลประกอบการสิ้นปีนี้เติบโต 10% หรือ 20,350 ล้านบาท กำไรเกือบ 900 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 18,350 ล้านบาท เติบโต 10%
***ลีเวอร์ฯแตกไลน์สินค้าบนยันล่าง***
นายบาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวว่า บริษัทวางแผนการจัดการในระยะสั้นๆ เพื่อรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น แต่ระยะยาวก็ไม่ทิ้งและยังคงต้องก้าวเดินต่อไป โดยบริษัทยูนิลีเวอร์ในหลายประเทศ มีโมเดลการดำเนินธุรกิจที่ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายประเทศ และพอเศรษฐกิจดีธุรกิจก็กลับมาการเติบโตได้ดี
สำหรับกลยุทธ์บริษัทเน้นพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย ขยายเซกเมนต์ทั้งตลาดบนและล่าง อีกทั้งมีการเพิ่มขนาดสินค้าให้หลากหลาย ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ รองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคจากภาวะเศรษฐกิจผันผวน นอกจากนี้มุ่งพัฒนาคุณภาพสินค้าควบคู่ราคา เพราะพบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มมองหาสินค้าที่มีคุณภาพนอกเหนือจากการตัดสินใจเรื่องราคาอย่างเดียว
เศรษฐกิจถดถอยในขณะนี้ แต่เชื่อว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคจะไม่หดตัวหรือลดลงไปมากกว่านี้ เพราะเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน โดยปีนี้คาดว่าตลาดเติบโต 4-5% ซึ่งได้ยกตัวอย่างแคธิกอรี่อาหารว่ายังสามารถเติบโตได้ดีอยู่ อาทิ ไอศกรีม หรือกระทั่งผงปรุงรส
***โอสถสภาเจาะวัยรุ่นกำลังซื้อไม่ตก***
นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โอสถสภามาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เบบี้มายด์ เปิดเผยว่า แนวทางการตลาดปีนี้บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อของผู้บริโภค ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย และรองรับกับการแข่งขันตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้กลยุทธ์ลด แลก แจก แถม อย่างรุนแรง อีกทั้งยังจัดแคมเปญมุ่งเน้นกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น เพราะมีกำลังการซื้อ และการตัดสินใจซื้อง่ายเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ อาทิ แป้งเย็นทเวลฟ์พลัส และเด็กเบบี้มายด์ มีการจัดกิจกรรมเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น
***จอห์นสันฯ ชูนวัตกรรมเข็นตลาด***
นางสาวประมวลศรี คงยิ่งยง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คอนซูเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดของใช้ส่วนบุคคลปีนี้เติบโตลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในแง่มูลค่าปีนี้โต 4% จากปีที่ผ่านมาโต 6% (การเติบโตมาจากสินค้าขึ้นราคา) ส่วนในเชิงปริมาณโต 1% จากปีที่ผ่านมาโต 2% ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมการใช้สินค้าที่ลดลง
โดยกลยุทธ์การทำตลาดท่ามกลางภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทมุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมใหม่กระตุ้นตลาด เพราะเชื่อว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคชอบทดลองสินค้าแปลกใหม่ นอกจากนี้ยังหันมาซื้อขนาดใหญ่และเล็กตามกำลังซื้อ ตลอดจนการซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น โดยช่องทางคอมมูนิตี้มอลล์ที่เกิดมากขึ้น
***ตรางูงัดไซซ์ซิ่งดันยอด***
นายสมชาย นิธิเสถียรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและขายภายในประเทศ บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งเย็นตรางู เปิดเผยว่า วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อกำลังการซื้อของผู้บริโภคไตรมาสแรกลดลง 2-3% และมีแนวโน้มว่าไตรมาส 2 ลดลง 4% ขณะที่กลุ่มสินค้าของใช้ส่วนบุคคล การซื้อสินค้าเริ่มได้รับผลกระทบ จากปกติผู้บริโภคให้ความสำคัญการซื้อสินค้าในสัดส่วน 35-40% ลดลง 5-10% หรือเพียง 30% โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ คือ ของใช้ส่วนบุคคลสำหรับผู้ชายลดลง 50% หรือสินค้าที่เจาะตลาดนิชมาร์เก็ตและมีจุดขายอีโมชันนัล
การทำตลาดใช้กลยุทธ์ไซซ์ซิ่ง อาทิ การเปิดตัวแป้งเย็นโดยเพิ่มขนาด 100 กรัม ราคา 25 บาท หรือกระทั่งเปิดตัวครีมอาบน้ำบรรจุภัณฑ์ชนิดเติม และบรรจุภัณฑ์ขวดปั๊ม เจาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัว เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังการซื้อของผู้บริโภค อีกทั้งยังได้ส่งสินค้ารุ่นลิมิเต็ด เอดิชันขนาด 100 กรัม จำหน่ายร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังหันมาโฟกัสกลุ่มสินค้านอกเหนือจากแป้งเย็น อาทิ โลชั่น และสบู่ หลังจากได้แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเมื่อปีที่ผ่านมา
***ไบโอฯเลือกปั้นสินค้าศักยภาพ**
นางสาวศิริสุภา อาจสัญจร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไบโอ คอนซูเมอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กดีนี่ เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดของบริษัทไบโอฯ โดยรวมปีนี้ มีการวางแผนอย่างรัดกุมและรอบคอบมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อต่อการทำตลาด หรือแม้กระทั่งการเปิดตัวสินค้าใหม่มากนัก โดยบริษัทมีการวางแผนล่วงหน้าสำหรับปีนี้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้มีสินค้าบางแคธิกอรี่ที่บริษัทลดงบในการทำตลาดลง และเพิ่มงบในกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพหรือมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ จากปัจจุบันมีทั้งหมด 9 กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าสำหรับเด็ก เป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตในท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากพ่อแม่ประหยัดค่ายใช้จ่ายของตัวเอง เพื่อให้ลูกใช้สินค้าที่มีคุณภาพ