สหพัฒน์ ติงภาครัฐนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท แจกเช็ค 2,000 บาท เกาไม่ถูกที่คัน ชงรัฐควรอุ้มธุรกิจป้องกันคนตกงาน แนะ2ไอเดีย นำเงินประกันคนตกงาน-แมทช์ชิ่งธุรกิจที่ต้องการคนเพิ่ม-ลดพนักงาน มั่นใจรัฐมีน้ำยา อัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยฟื้นไตรมาส 4 ผุดแคมเปญทั้งเครือแจกเพิ่ม 10-50% สนองเช็คช่วยชาติ
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวถึง นโยบายภาครัฐแจกเช็ค 2,000 บาท ให้กับระชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท นับว่าเป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เหมือนเกาไม่ถูกที่ เพราะผู้ที่เดือดร้อนขณะนี้ คือ ผู้ที่ตกงาน จึงอยากให้ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตรงประเด็นมากกว่านี้ โดยนำเงินก้อนใหญ่มาช่วยเหลือธุรกิจหรือบริษัทต่างๆ ที่ประสบภาวะการเงิน ไม่ให้มีการปลดพนักงานออก ส่วนการแจกเช็ค 2,000 บาท ต้องรอดูผลตอบรับ 1 เดือนว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน
โดยเสนอ 2โมเดลแก้ปัญหาการว่างงาน คือ 1.ภาครัฐนำเงินไปช่วยเหลือบริษัทที่จะปลดพนักงาน มีเงื่อนไขประกันการจ้างงานพนักงานต่อ 1ปี และจ่ายเงินเดือนในอัตรา 50% เช่น จาก 3หมื่นบาท เหลือเป็น 1.5หมื่นบาท หรือ 2.ใช้วิธีแมทช์ชิ่ง ระหว่างธุรกิจที่ต้องการพนักงานเพิ่มและธุรกิจที่ต้องการลดพนักงาน ซึ่งแม้เศรษฐกิจตกต่ำแต่ยังมีหลายธุรกิจที่ต้องการรับพนักงานเพิ่ม อาทิ สิ่งทอ ส่วนการจัดโครงการต้นกล้าอาชีพ เ พื่อฝึกอบรมให้กับผู้ตกงาน โอกาสที่ผู้ฝึกจะไปสร้างอาชีพใหม่เป็นเรื่องยาก และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
“ปัญหาคนตกงาน เป็นเรื่องที่ภาครัฐไม่ได้ให้ความสำคัญ ซึ่งหากรัฐนำเงินแจกเช็ค 2,000บาท หรือคิดเป็นเม็ดเงินมูลค่า 1.8หมื่นล้านบาท มาช่วยประกันคนตกงาน เป็นการใช้เม็ดเงินที่คุ้มค่าและทำได้อย่างสบาย แต่การที่ภาครัฐให้เงินสนับสนุนบริษัท ก็จะมีปัญหาตามมา คือ ความไม่ไว้วางใจหรือปัญหาความโปร่งใสซึ่งอาจมีโมเดลและทดลองทำนำร่องไปก่อน”
นายบุญชัย กล่าวว่า ปีนี้จีดีพีอาจติดลบ 1-3% เมื่อเทียบปี 2540 ติดลบ 10% ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นวงจรของภาวะเศรษฐกิจที่มีขึ้นและลง อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยของไทย ส่วนหนึ่งเพราะภาครัฐพึ่งพาการส่งออกมากเกินไป เมื่อเศรษฐกิจโลกมีปัญหา ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบมาก ดังนั้นควรลดการพึ่งพาการส่งออก รณรงค์ประชาชนใช้สินค้าไทย และเชื่อว่าภาครัฐมีมาตรการใหม่ๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นไตรมาส 4 โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้น 5 ปี ไม่มีทางอย่างแน่นอน
ผุดแคมเปญทั้งเครือสนองเช็คช่วยชาติ
นายบุญชัย กล่าวว่า เพื่อสนองนโยบายภาครัฐโครงการเช็คช่วยชาติกระตุ้นเศรษฐกิจ เครือสหพัฒน์ร่วมจัดแคมเปญ “เครือสหพัฒน์สนับสนุนโครงการเช็คช่วยชาติ” โดยมีกว่า 200 บริษัท หรือมีสินค้ากว่า 50-60 แบรนด์ร่วมแคมเปญดังกล่าว โดยร้าน 108 ชอป มีสาขาที่เข้าร่วมโครงการ 200 สาขาจาก 700 สาขา โดยจัดเช็ตกระเช้าซูเปอร์เซ็ตเมื่อซื้อ 2,000 บาท ให้เพิ่มขึ้น 25% หรือ 500 บาท กระเช้า 500 บาท มอบมูลค่าเพิ่ม 54 บาท และ 41 บาท นอกจากนี้ยังทอนเงินสดให้สำหรับผู้ที่ซื้อสินค้า 500 บาทขึ้นไป
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แบรนด์ลาครอส บีเอสซี แอร์โรว์ กล่าวว่า ได้ร่วมกับห้างสรรพสินค้า อาทิ เดอะมอลล์ และจุดจำหน่ายกว่า 80 แห่ง ตามพลาซ่าของศูนย์การค้า และชอปฮีสแอนด์เฮอร์ 40 แห่ง โดยนำเช็ค 2,000 บาท ซื้อสินค้าได้มูลค่าเป็น 3,000 บาท และบริษัทโอ.ซี.ซี.ฯ ผู้ผลิตเครื่องสำอาง อาทิ คัฟเวอร์มาร์ค เป็นต้น จัดรายการซื้อ 2,000 บาท รับมูลค่าเพิ่ม 2,500 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม- 30 เมษายน นี้
และภายในงานกาชาดที่จะมีขึ้นวันที่ 30 มีนาคม-7 เมษายน นี้ ไอ.ซี.ซี.รับเช็ค 2,000 บาท และเพิ่มมูลค่า 10% หรือเป็น 2,200 บาท อย่างไรก็ตามจากแคมเปญเช็ค 2,000 บาท สินค้าอุปโภคบริโภคคาดว่าได้รับการตอบรับที่ดี เพราะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อเทียบกับสินค้ากลุ่มอื่นๆ อาทิ เสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า ฯลฯ
สำหรับผลประกอบการของบริษัทสหพัฒนพิบูล ปีนี้ตั้งเป้าโต 10% หรือ 20,350ล้านบาท กำไรเกือบ 900 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 18,350 ล้านบาท โต10% ส่วนกำไรโต 20% หรือ 800ล้านบาท โดย 2 เดือนที่ผ่านมา รายได้เติบโต 7% คาดว่าไตรมาสแรกเติบโตเกือบ 10% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนเดือนเมษายน ปีที่ผ่านมาโต 10% ซึ่งจากการทำแคมเปญเช็คช่วยชาติ สหพัฒน์ไม่ได้คาดหวังยอดขาย
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวถึง นโยบายภาครัฐแจกเช็ค 2,000 บาท ให้กับระชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท นับว่าเป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เหมือนเกาไม่ถูกที่ เพราะผู้ที่เดือดร้อนขณะนี้ คือ ผู้ที่ตกงาน จึงอยากให้ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตรงประเด็นมากกว่านี้ โดยนำเงินก้อนใหญ่มาช่วยเหลือธุรกิจหรือบริษัทต่างๆ ที่ประสบภาวะการเงิน ไม่ให้มีการปลดพนักงานออก ส่วนการแจกเช็ค 2,000 บาท ต้องรอดูผลตอบรับ 1 เดือนว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน
โดยเสนอ 2โมเดลแก้ปัญหาการว่างงาน คือ 1.ภาครัฐนำเงินไปช่วยเหลือบริษัทที่จะปลดพนักงาน มีเงื่อนไขประกันการจ้างงานพนักงานต่อ 1ปี และจ่ายเงินเดือนในอัตรา 50% เช่น จาก 3หมื่นบาท เหลือเป็น 1.5หมื่นบาท หรือ 2.ใช้วิธีแมทช์ชิ่ง ระหว่างธุรกิจที่ต้องการพนักงานเพิ่มและธุรกิจที่ต้องการลดพนักงาน ซึ่งแม้เศรษฐกิจตกต่ำแต่ยังมีหลายธุรกิจที่ต้องการรับพนักงานเพิ่ม อาทิ สิ่งทอ ส่วนการจัดโครงการต้นกล้าอาชีพ เ พื่อฝึกอบรมให้กับผู้ตกงาน โอกาสที่ผู้ฝึกจะไปสร้างอาชีพใหม่เป็นเรื่องยาก และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
“ปัญหาคนตกงาน เป็นเรื่องที่ภาครัฐไม่ได้ให้ความสำคัญ ซึ่งหากรัฐนำเงินแจกเช็ค 2,000บาท หรือคิดเป็นเม็ดเงินมูลค่า 1.8หมื่นล้านบาท มาช่วยประกันคนตกงาน เป็นการใช้เม็ดเงินที่คุ้มค่าและทำได้อย่างสบาย แต่การที่ภาครัฐให้เงินสนับสนุนบริษัท ก็จะมีปัญหาตามมา คือ ความไม่ไว้วางใจหรือปัญหาความโปร่งใสซึ่งอาจมีโมเดลและทดลองทำนำร่องไปก่อน”
นายบุญชัย กล่าวว่า ปีนี้จีดีพีอาจติดลบ 1-3% เมื่อเทียบปี 2540 ติดลบ 10% ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นวงจรของภาวะเศรษฐกิจที่มีขึ้นและลง อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยของไทย ส่วนหนึ่งเพราะภาครัฐพึ่งพาการส่งออกมากเกินไป เมื่อเศรษฐกิจโลกมีปัญหา ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบมาก ดังนั้นควรลดการพึ่งพาการส่งออก รณรงค์ประชาชนใช้สินค้าไทย และเชื่อว่าภาครัฐมีมาตรการใหม่ๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นไตรมาส 4 โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้น 5 ปี ไม่มีทางอย่างแน่นอน
ผุดแคมเปญทั้งเครือสนองเช็คช่วยชาติ
นายบุญชัย กล่าวว่า เพื่อสนองนโยบายภาครัฐโครงการเช็คช่วยชาติกระตุ้นเศรษฐกิจ เครือสหพัฒน์ร่วมจัดแคมเปญ “เครือสหพัฒน์สนับสนุนโครงการเช็คช่วยชาติ” โดยมีกว่า 200 บริษัท หรือมีสินค้ากว่า 50-60 แบรนด์ร่วมแคมเปญดังกล่าว โดยร้าน 108 ชอป มีสาขาที่เข้าร่วมโครงการ 200 สาขาจาก 700 สาขา โดยจัดเช็ตกระเช้าซูเปอร์เซ็ตเมื่อซื้อ 2,000 บาท ให้เพิ่มขึ้น 25% หรือ 500 บาท กระเช้า 500 บาท มอบมูลค่าเพิ่ม 54 บาท และ 41 บาท นอกจากนี้ยังทอนเงินสดให้สำหรับผู้ที่ซื้อสินค้า 500 บาทขึ้นไป
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แบรนด์ลาครอส บีเอสซี แอร์โรว์ กล่าวว่า ได้ร่วมกับห้างสรรพสินค้า อาทิ เดอะมอลล์ และจุดจำหน่ายกว่า 80 แห่ง ตามพลาซ่าของศูนย์การค้า และชอปฮีสแอนด์เฮอร์ 40 แห่ง โดยนำเช็ค 2,000 บาท ซื้อสินค้าได้มูลค่าเป็น 3,000 บาท และบริษัทโอ.ซี.ซี.ฯ ผู้ผลิตเครื่องสำอาง อาทิ คัฟเวอร์มาร์ค เป็นต้น จัดรายการซื้อ 2,000 บาท รับมูลค่าเพิ่ม 2,500 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม- 30 เมษายน นี้
และภายในงานกาชาดที่จะมีขึ้นวันที่ 30 มีนาคม-7 เมษายน นี้ ไอ.ซี.ซี.รับเช็ค 2,000 บาท และเพิ่มมูลค่า 10% หรือเป็น 2,200 บาท อย่างไรก็ตามจากแคมเปญเช็ค 2,000 บาท สินค้าอุปโภคบริโภคคาดว่าได้รับการตอบรับที่ดี เพราะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อเทียบกับสินค้ากลุ่มอื่นๆ อาทิ เสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า ฯลฯ
สำหรับผลประกอบการของบริษัทสหพัฒนพิบูล ปีนี้ตั้งเป้าโต 10% หรือ 20,350ล้านบาท กำไรเกือบ 900 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 18,350 ล้านบาท โต10% ส่วนกำไรโต 20% หรือ 800ล้านบาท โดย 2 เดือนที่ผ่านมา รายได้เติบโต 7% คาดว่าไตรมาสแรกเติบโตเกือบ 10% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนเดือนเมษายน ปีที่ผ่านมาโต 10% ซึ่งจากการทำแคมเปญเช็คช่วยชาติ สหพัฒน์ไม่ได้คาดหวังยอดขาย
