นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.สรรหา แถลงหลังการประชุม กลุ่ม 40 ส.ว.ว่า ทางกลุ่มมีมติร่วมกันว่าไม่เห็นด้วยกับร่างพ .ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ เนื่องจากการศึกษาในเนื้อหาพบว่าจะมีการนิรโทรษกรรมล่วงหน้าไปจนถึง 5 พ.ค. ร่วมไปถึงนิโทษกรรมย้อนหลังไปถึงก่อน 19 ก.ย. 2549 โดยไม่ระบุวันที่ชัดเจน ซึ่งอดคิดไม่ได้ว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จะจงใจนิรโทษกรรมในส่วนของความผิดทั้งในส่วนการตรวจสอบขององค์กรอิสระ โดย คตส. ที่จะมีการเพิกถอนคำพิพากษา ของศาลที่ตัดสินไปแล้วในส่วนของคดีที่ดินย่านรัชดา และรวมไปถึงคดีที่ตตส. ได้ตรวจสอบ และได้ส่งไปยังศาลแล้ว ซึ่งจะทำให้เสียการถ่วงดุลระหว่างนิติบัญญัติและตุลาการ
นอกจากนี้ยังนิรโทษไปยังอดีตนายกฯ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รวมถึงตำรวจ ที่สลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ซึ่งประเด็นที่ว่านี้ ถ้าหากมีการนิโทรษขึ้นจริงสังคมจะยอมรับได้หรือไม่ จะเกิดความขัดแย้งต่อสังคมไทยในวงกว้างหรือไม่ตนของฝากเตือนไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังชุมนุมล้อมทำเนียบอยู่ว่า กลุ่ม 40 ส.ว. ขอคัดค้านร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้อย่างเต็มที่ และขออย่าให้กลุ่มเสื้อแดงพลั้งเผลอก่อเหตุความรุนแรง เพราะจะไม่ได้รับประโยชน์จากการนิรโทษกรรมจากกฎหมายฉบับนี้แน่นอน
นายสาย กังกะเวคิน ส.ว.ระยอง กล่าวว่า มั่นใจว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ คงไม่ผ่านสภาได้ง่ายๆ เพราะเนื้อหาขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนหรือถ้าผ่านสภมาได้ และเข้ามาสู่วุฒิสมาชิก กฎหมายฉบับนี้ก็คงไม่ได้ได้รับความเห็นชอบผ่านการกลั่นกรองแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่ม 40 ส.ว.ไม่เห็นด้วยแน่นอน
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่พรรคเพื่อไทย ยื่นร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ เข้าสู่สภาถือเป็นการกดดันเพื่อจะต่อรองกับรัฐบาล โดยอาศัยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบีบให้สภาผู้แทนฯ พิจารณาร่างกฎหมาย ซึ่งสาระอยู่ที่ 3 ข้อคือ ให้คดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งหมดเป็นโมฆะ ให้เครือข่ายทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ คืนสู่อำนาจ และให้ทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบได้กลับคืนมา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันตามมติวิปรัฐบาลว่า ไม่สามารถรับกฎหมายดังกล่าวได้ เพราะไม่ได้ปรองดองอย่างแท้จริง แต่กลับเพิ่มความขัดแย้งกับคนในประเทศ
อยากร้องขอไปยังทุกฝ่ายว่า ไม่ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะดำเนินการไปในทิศทางใด ต้องถือว่าเป็นการที่สังคมต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกัน และทางออกของประเทศอยู่ที่คนไทยทุกคน ซึ่งคนส่วนใหญ่อยากเห็นบ้านเมือง เดินหน้าต่อไปได้ และพรรคยืนยันในภารกิจที่ต้องแก้ปัญหาของประชาชนต่อไป
นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่าจะไม่เอาผิดกับผู้กระทำผิดถึงวันที่ 5 พ.ค.ซึ่งเป็นการนิรโทษผู้ทำผิดล่วงหน้านั้นส่ออะไรบางอย่าง ไม่ใช่ทำเพื่อประชาชน ทั้งนี้หาก พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดเคลื่อนไหว ก็ถือเป็นการปรองดองอย่างดีที่สุดแล้ว หรือยอมรับกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้ยังนิรโทษไปยังอดีตนายกฯ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รวมถึงตำรวจ ที่สลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ซึ่งประเด็นที่ว่านี้ ถ้าหากมีการนิโทรษขึ้นจริงสังคมจะยอมรับได้หรือไม่ จะเกิดความขัดแย้งต่อสังคมไทยในวงกว้างหรือไม่ตนของฝากเตือนไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังชุมนุมล้อมทำเนียบอยู่ว่า กลุ่ม 40 ส.ว. ขอคัดค้านร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้อย่างเต็มที่ และขออย่าให้กลุ่มเสื้อแดงพลั้งเผลอก่อเหตุความรุนแรง เพราะจะไม่ได้รับประโยชน์จากการนิรโทษกรรมจากกฎหมายฉบับนี้แน่นอน
นายสาย กังกะเวคิน ส.ว.ระยอง กล่าวว่า มั่นใจว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ คงไม่ผ่านสภาได้ง่ายๆ เพราะเนื้อหาขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนหรือถ้าผ่านสภมาได้ และเข้ามาสู่วุฒิสมาชิก กฎหมายฉบับนี้ก็คงไม่ได้ได้รับความเห็นชอบผ่านการกลั่นกรองแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่ม 40 ส.ว.ไม่เห็นด้วยแน่นอน
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่พรรคเพื่อไทย ยื่นร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ เข้าสู่สภาถือเป็นการกดดันเพื่อจะต่อรองกับรัฐบาล โดยอาศัยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบีบให้สภาผู้แทนฯ พิจารณาร่างกฎหมาย ซึ่งสาระอยู่ที่ 3 ข้อคือ ให้คดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งหมดเป็นโมฆะ ให้เครือข่ายทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ คืนสู่อำนาจ และให้ทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบได้กลับคืนมา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันตามมติวิปรัฐบาลว่า ไม่สามารถรับกฎหมายดังกล่าวได้ เพราะไม่ได้ปรองดองอย่างแท้จริง แต่กลับเพิ่มความขัดแย้งกับคนในประเทศ
อยากร้องขอไปยังทุกฝ่ายว่า ไม่ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะดำเนินการไปในทิศทางใด ต้องถือว่าเป็นการที่สังคมต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกัน และทางออกของประเทศอยู่ที่คนไทยทุกคน ซึ่งคนส่วนใหญ่อยากเห็นบ้านเมือง เดินหน้าต่อไปได้ และพรรคยืนยันในภารกิจที่ต้องแก้ปัญหาของประชาชนต่อไป
นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่าจะไม่เอาผิดกับผู้กระทำผิดถึงวันที่ 5 พ.ค.ซึ่งเป็นการนิรโทษผู้ทำผิดล่วงหน้านั้นส่ออะไรบางอย่าง ไม่ใช่ทำเพื่อประชาชน ทั้งนี้หาก พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดเคลื่อนไหว ก็ถือเป็นการปรองดองอย่างดีที่สุดแล้ว หรือยอมรับกระบวนการยุติธรรม
