ASTVผู้จัดการรายวัน – ทนายอมาตยกุลเตรียมฟ้องแพ่ง 2-3 วันนี้ เพื่อเรียกร้องใบหุ้นคืน 6.72 แสนหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 222 ล้านบาท หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นปูนซิเมนต์ไทย เมินชดใช้และเยียวยาผู้เสียหายในคดีใบหุ้นปลอม มั่นใจศาลให้ความยุติธรรมได้ “กานต์”ออกโรงปกป้องอดีตผู้บริหารปูนใหญ่เอี่ยวคดีนี้ ชี้เป็นบุคคลที่ได้รับความเสียหายเช่นกัน ยันไม่มีส่วนรู้เห็น
นายพิบูลย์ศักดิ์ สุขพงษ์ ทนายผู้รับผิดชอบคดีใบหุ้นปลอมของตระกูลอมาตยกุล เปิดเผยว่า ได้เตรียมยื่นฟ้องแพ่งนายประพันธิ์ ชูเมืองและผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 9 รายในคดีใบหุ้นปลอมของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ภายใน 2-3 วันนี้ โดยจะฟ้องเรียกขอหุ้นคืนจำนวน 672,000 หุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 222 ล้านบาท ภายหลังจากในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นSCCครั้งที่ 16 วานนี้ (25 มี.ค.) โดยได้ขอให้บริษัทฯบรรจุเรื่องดังกล่าวนี้อยู่ในวาระอื่นๆ เพื่อพิจารณาชดใช้และเยียวยาให้กับผู้เสียหายในกรณีถูกลักและปลอมใบหุ้น ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น 1ใน 3 ของผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด
นายพิบูลย์ศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า เข้าใจอยู่แล้วว่าบริษัทฯและผู้ถือหุ้นจะไม่เห็นด้วยการนำเรื่องนี้เพิ่มเป็นอีกวาระหนึ่ง เพราะอยากให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายเป็นผู้ตัดสินมากกว่า เพื่อเป็นการตอบคำถามเชิงบริหารที่ดีที่สุด ทำให้ต้องมีการดำเนินการยื่นฟ้องศาลแพ่งต่อไป ส่วนคดีอาญานั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินอยู่
“การฟ้องศาลแพ่งครั้งนี้ มีโอกาสที่จะได้หุ้นคืนอยู่แล้วเพราะตามหลักการแล้วเรื่องนี้จำเป็นต้องมีคนรับผิดชอบ เพียงแต่ใครจะรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการฟ้องร้องครั้งนี้จำเลยทั้ง 9 ราย มีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งความรับผิดจะมากน้อยแตกต่างกันไป ส่วนรายชื่อบุคคลที่จะฟ้องนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ ”
นายพิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องรอให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปูนซิเมนต์ไทยก่อนค่อยดำเนินการยื่นฟ้องศาลฯนั้น เพราะต้องการความชัดเจนว่าบริษัทฯและผู้ถือหุ้นจะดูแลเยียวยากรณีนี้อย่างไร ซึ่งจำนวนใบหุ้นปลอมดังกล่าวนี้มี 2 ส่วนคือ ส่วนหนึ่งขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และอีกส่วนหนึ่งเป็นการโอนนอกตลาด จำนวน 5,000 หุ้น โดยตนได้ขอให้บล.ทิสโกระงับการเปลี่ยนแปลงใบหุ้นดังกล่าวก่อน แต่ทางศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ(TSD)แจ้งว่า บล.ทิสโก้ไม่สามารถดำเนินการได้ คงต้องให้ลูกค้ามาถอนหลักทรัพย์ไปเอง
โดยค่าเสียหายคิดจากมูลค่าจากการขายหุ้นของนายประกันครั้งแรกในปี 2547 ประมาณ 82 ล้านบาท และปี 2549 ประมาณ 81 ล้านบาท รวมทั้งดอกเบี้ยที่ผิดนัดชำระอีก 7.5% ต่อปีนับถึงวันฟ้อง ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ คาดว่าจะมีหลายฝ่าย อาทิ บริษัทฯ นายทะเบียน ฯ (TSD) บริษัทหลักทรัพย์
ทั้งนี้ในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปรากฎว่า ผู้ถือหุ้นได้แสดงความเห็นใจ แต่ก็เตือนบอร์ดฯว่าหากอนุมัติในการออกใบหุ้นคืนก่อน ทางกรรมการจะต้องรับผิดชอบ เพราะบอร์ดฯต้องดูแลผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นทุกคน ซึ่งผู้ถือหุ้นเห็นว่าควรให้เป็นไปตามกระบวนการของศาล แล้วค่อยปฏิบัติตามนั้น
ปกป้องอดีตผู้บริหารไม่มีเอี่ยวคดีใบหุ้นปลอม
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC กล่าวชี้แจงกรณีที่มีอดีตผู้บริหารปูนซิเมนต์ไทยเกี่ยวข้องกับกรณีปลอมใบหุ้นว่า จากการตรวจสอบพบว่าอดีตผู้บริหารรายดังกล่าวเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับความเสียหายจากการปลอมใบหุ้นเช่นกัน ซึ่งอดีตผู้บริหารรายนี้ได้เกษียณอายุเมื่อ 1ก.ค.2546 แต่ภรรยาอดีตผู้บริหารท่านนั้นต้องการซื้อหุ้นSCC แต่ไม่มีพอร์ตลงทุน จึงได้ติดต่อสำนักเลขา และได้ถูกแนะนำให้นายประพันธิ์มาซื้อหุ้นให้ จำนวน5 พันหุ้น โดยมีการจ่ายเงินค่าหุ้น แต่นายประพันธิ์ก็ไม่ได้มีการส่งมอบใบหุ้นให้ ทั้งที่มีการทวงถามหลายครั้ง
จนกระทั่งเมื่อก.พ. 2547 ได้นำใบหุ้นมามอบให้ผู้บริหารท่านนั้น คาดว่ามาจากนายประพันธิ์ นำใบหุ้นที่ได้มีการแตกใบหุ้นมาหลังจากมาขอเปลี่ยนที่ บริษัท ศูนย์รับฝากฯเมื่อปี 2547 โดยไม่เคยรู้เลยว่าใบหุ้นที่ได้รับเป็นใบหุ้นปลอม จึงยืนยันได้ว่าอดีตผู้บริหารรายดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ทำการสอบสวนเป็นการภายในว่ามีผู้เกี่ยวข้องร่วมกระทำผิดอีกหรือไม่ แต่จนขณะนี้ยังไม่พบผู้กระทำผิดเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าในอนาคตหากพบก็จะเอาผิดให้ถึงที่สุดตามกระบวนการทางกฎหมาย
สำหรับการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯวานนี้ ที่ประชุมฯได้พิจารณาวาระต่างๆตามที่กำหนด โดยได้ชี้แจงกรณีการทุจริตของพนักงานในการปลอมใบหุ้นว่าการปลอมใบหุ้นนั้นเป็นเรื่องการทุจริตของพนักงานที่ทำการโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ เพราะบริษัทไม่มีการอำนาจในการออกใบหุ้น ซึ่งหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนหุ้นเป็นของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ ซึ่งบริษัทฯมอบหมายให้TSDเป็นนายทะเบียนหุ้นมาตั้งแต่ปี 2520 ซึ่งภายหลังบริษัทฯได้รับแจ้งว่ามีการปลอมใบหุ้นก็ได้มีการดำเนินการแจ้งความทันที รวมทั้งเร่งตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องทำนองนี้กับผู้ถือหุ้นรายอื่น รวมทั้งประสานงานกับผู้จัดการมรดกและทายาทเจ้าของหุ้นเพื่อหาข้อเท็จจริงและติดตามทรัพย์สินของนายประพันธิ์ต่อไป
สำหรับมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหาเรื่องการทุจริตการปลอมแปลงใบหุ้นในอนาคตนั้น คณะกรรมการตรวจสอบได้มีมติจัดทำประกาศแจ้งผู้ถือหุ้นเพื่อทำความเข้าใจเรื่องการให้บริการงานทะเบียนผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นต้องติดต่อกับTSDโดยตรง บริษัทฯไม่ได้มอบหมายให้พนักงานบริษัทฯเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นในการติดต่องานทะเบียนหลักทรัพย์กับTSD และจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบภายในมากขึ้น
นายกานต์ กล่าวว่า ที่ประชุมฯได้รายงานข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งผุ้ถือหุ้นส่วนใหญ่มีความเข้าใจและเชื่อมั่นในการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งการชดใช้ค่าเสียหายนั้น คณะกรรมการบริษัทฯเห็นว่าต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่สามารถสรุปเรื่องได้ คงต้องรอผลสอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายก่อน เพื่อความโปร่งใสเป็นธรรมต่อเจ้าของหุ้น และผุ้ถือหุ้นทุกคนตามหลักธรรมาภิบาล
ถอนวาระ คุ้มครองกรรมการ
นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการบริษัท กล่าวว่า เห็นใจผู้ถือหุ้นที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากผู้ถือหุ้นทุกคนถือเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ตามหลักธรรมาภิบาล แล้ว การรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นควรจะให้คดีถึงที่สุดก่อน ซึ่งทางบริษัทก็พร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ในการพิจารณาวาระที่ 7 เพื่ออนุมัติการให้ความคุ้มครองการปฏิบัติงานของกรรมการนั้น โดยบริษัทฯจะให้ความคุ้มครองและรับผิดชอบแทนกรรมการที่ถูกเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหาย หรือถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งแพ่ง อาญา ล้มละลาย หรือกรณีอื่นใด เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และเป็นประโยชน์ต่อบริษัท เว้นแต่ความเสียหายเกิดจากการทุจริต หรือจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ปรากฏว่า ผู้ถือหุ้นได้มีการซักถามในวาะดังกล่าวค่อนข้างมาก แต่เนื่องจากมีความผิดพลาดในเอกสารที่แจกให้กับผู้ถือหุ้นต่างจากที่บอร์ดฯได้รับ ดังนั้นนายจิรายุ จึงได้ถอนวาระดังกล่าวออกไป แล้วจะนำมาเสนอใหม่ในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งหน้า โดยยืนยันว่าไม่มีวาระซ่อนเร้น แต่บริษัทฯชั้นนำอย่าง บมจ.ปตท.สผ.ก็ให้การคุ้มครองการทำงานของกรรมการเช่นกัน
นายพิบูลย์ศักดิ์ สุขพงษ์ ทนายผู้รับผิดชอบคดีใบหุ้นปลอมของตระกูลอมาตยกุล เปิดเผยว่า ได้เตรียมยื่นฟ้องแพ่งนายประพันธิ์ ชูเมืองและผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 9 รายในคดีใบหุ้นปลอมของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ภายใน 2-3 วันนี้ โดยจะฟ้องเรียกขอหุ้นคืนจำนวน 672,000 หุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 222 ล้านบาท ภายหลังจากในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นSCCครั้งที่ 16 วานนี้ (25 มี.ค.) โดยได้ขอให้บริษัทฯบรรจุเรื่องดังกล่าวนี้อยู่ในวาระอื่นๆ เพื่อพิจารณาชดใช้และเยียวยาให้กับผู้เสียหายในกรณีถูกลักและปลอมใบหุ้น ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น 1ใน 3 ของผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด
นายพิบูลย์ศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า เข้าใจอยู่แล้วว่าบริษัทฯและผู้ถือหุ้นจะไม่เห็นด้วยการนำเรื่องนี้เพิ่มเป็นอีกวาระหนึ่ง เพราะอยากให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายเป็นผู้ตัดสินมากกว่า เพื่อเป็นการตอบคำถามเชิงบริหารที่ดีที่สุด ทำให้ต้องมีการดำเนินการยื่นฟ้องศาลแพ่งต่อไป ส่วนคดีอาญานั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินอยู่
“การฟ้องศาลแพ่งครั้งนี้ มีโอกาสที่จะได้หุ้นคืนอยู่แล้วเพราะตามหลักการแล้วเรื่องนี้จำเป็นต้องมีคนรับผิดชอบ เพียงแต่ใครจะรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการฟ้องร้องครั้งนี้จำเลยทั้ง 9 ราย มีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งความรับผิดจะมากน้อยแตกต่างกันไป ส่วนรายชื่อบุคคลที่จะฟ้องนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ ”
นายพิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องรอให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปูนซิเมนต์ไทยก่อนค่อยดำเนินการยื่นฟ้องศาลฯนั้น เพราะต้องการความชัดเจนว่าบริษัทฯและผู้ถือหุ้นจะดูแลเยียวยากรณีนี้อย่างไร ซึ่งจำนวนใบหุ้นปลอมดังกล่าวนี้มี 2 ส่วนคือ ส่วนหนึ่งขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และอีกส่วนหนึ่งเป็นการโอนนอกตลาด จำนวน 5,000 หุ้น โดยตนได้ขอให้บล.ทิสโกระงับการเปลี่ยนแปลงใบหุ้นดังกล่าวก่อน แต่ทางศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ(TSD)แจ้งว่า บล.ทิสโก้ไม่สามารถดำเนินการได้ คงต้องให้ลูกค้ามาถอนหลักทรัพย์ไปเอง
โดยค่าเสียหายคิดจากมูลค่าจากการขายหุ้นของนายประกันครั้งแรกในปี 2547 ประมาณ 82 ล้านบาท และปี 2549 ประมาณ 81 ล้านบาท รวมทั้งดอกเบี้ยที่ผิดนัดชำระอีก 7.5% ต่อปีนับถึงวันฟ้อง ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ คาดว่าจะมีหลายฝ่าย อาทิ บริษัทฯ นายทะเบียน ฯ (TSD) บริษัทหลักทรัพย์
ทั้งนี้ในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปรากฎว่า ผู้ถือหุ้นได้แสดงความเห็นใจ แต่ก็เตือนบอร์ดฯว่าหากอนุมัติในการออกใบหุ้นคืนก่อน ทางกรรมการจะต้องรับผิดชอบ เพราะบอร์ดฯต้องดูแลผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นทุกคน ซึ่งผู้ถือหุ้นเห็นว่าควรให้เป็นไปตามกระบวนการของศาล แล้วค่อยปฏิบัติตามนั้น
ปกป้องอดีตผู้บริหารไม่มีเอี่ยวคดีใบหุ้นปลอม
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC กล่าวชี้แจงกรณีที่มีอดีตผู้บริหารปูนซิเมนต์ไทยเกี่ยวข้องกับกรณีปลอมใบหุ้นว่า จากการตรวจสอบพบว่าอดีตผู้บริหารรายดังกล่าวเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับความเสียหายจากการปลอมใบหุ้นเช่นกัน ซึ่งอดีตผู้บริหารรายนี้ได้เกษียณอายุเมื่อ 1ก.ค.2546 แต่ภรรยาอดีตผู้บริหารท่านนั้นต้องการซื้อหุ้นSCC แต่ไม่มีพอร์ตลงทุน จึงได้ติดต่อสำนักเลขา และได้ถูกแนะนำให้นายประพันธิ์มาซื้อหุ้นให้ จำนวน5 พันหุ้น โดยมีการจ่ายเงินค่าหุ้น แต่นายประพันธิ์ก็ไม่ได้มีการส่งมอบใบหุ้นให้ ทั้งที่มีการทวงถามหลายครั้ง
จนกระทั่งเมื่อก.พ. 2547 ได้นำใบหุ้นมามอบให้ผู้บริหารท่านนั้น คาดว่ามาจากนายประพันธิ์ นำใบหุ้นที่ได้มีการแตกใบหุ้นมาหลังจากมาขอเปลี่ยนที่ บริษัท ศูนย์รับฝากฯเมื่อปี 2547 โดยไม่เคยรู้เลยว่าใบหุ้นที่ได้รับเป็นใบหุ้นปลอม จึงยืนยันได้ว่าอดีตผู้บริหารรายดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ทำการสอบสวนเป็นการภายในว่ามีผู้เกี่ยวข้องร่วมกระทำผิดอีกหรือไม่ แต่จนขณะนี้ยังไม่พบผู้กระทำผิดเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าในอนาคตหากพบก็จะเอาผิดให้ถึงที่สุดตามกระบวนการทางกฎหมาย
สำหรับการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯวานนี้ ที่ประชุมฯได้พิจารณาวาระต่างๆตามที่กำหนด โดยได้ชี้แจงกรณีการทุจริตของพนักงานในการปลอมใบหุ้นว่าการปลอมใบหุ้นนั้นเป็นเรื่องการทุจริตของพนักงานที่ทำการโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ เพราะบริษัทไม่มีการอำนาจในการออกใบหุ้น ซึ่งหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนหุ้นเป็นของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ ซึ่งบริษัทฯมอบหมายให้TSDเป็นนายทะเบียนหุ้นมาตั้งแต่ปี 2520 ซึ่งภายหลังบริษัทฯได้รับแจ้งว่ามีการปลอมใบหุ้นก็ได้มีการดำเนินการแจ้งความทันที รวมทั้งเร่งตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องทำนองนี้กับผู้ถือหุ้นรายอื่น รวมทั้งประสานงานกับผู้จัดการมรดกและทายาทเจ้าของหุ้นเพื่อหาข้อเท็จจริงและติดตามทรัพย์สินของนายประพันธิ์ต่อไป
สำหรับมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหาเรื่องการทุจริตการปลอมแปลงใบหุ้นในอนาคตนั้น คณะกรรมการตรวจสอบได้มีมติจัดทำประกาศแจ้งผู้ถือหุ้นเพื่อทำความเข้าใจเรื่องการให้บริการงานทะเบียนผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นต้องติดต่อกับTSDโดยตรง บริษัทฯไม่ได้มอบหมายให้พนักงานบริษัทฯเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นในการติดต่องานทะเบียนหลักทรัพย์กับTSD และจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบภายในมากขึ้น
นายกานต์ กล่าวว่า ที่ประชุมฯได้รายงานข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งผุ้ถือหุ้นส่วนใหญ่มีความเข้าใจและเชื่อมั่นในการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งการชดใช้ค่าเสียหายนั้น คณะกรรมการบริษัทฯเห็นว่าต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่สามารถสรุปเรื่องได้ คงต้องรอผลสอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายก่อน เพื่อความโปร่งใสเป็นธรรมต่อเจ้าของหุ้น และผุ้ถือหุ้นทุกคนตามหลักธรรมาภิบาล
ถอนวาระ คุ้มครองกรรมการ
นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการบริษัท กล่าวว่า เห็นใจผู้ถือหุ้นที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากผู้ถือหุ้นทุกคนถือเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ตามหลักธรรมาภิบาล แล้ว การรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นควรจะให้คดีถึงที่สุดก่อน ซึ่งทางบริษัทก็พร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ในการพิจารณาวาระที่ 7 เพื่ออนุมัติการให้ความคุ้มครองการปฏิบัติงานของกรรมการนั้น โดยบริษัทฯจะให้ความคุ้มครองและรับผิดชอบแทนกรรมการที่ถูกเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหาย หรือถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งแพ่ง อาญา ล้มละลาย หรือกรณีอื่นใด เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และเป็นประโยชน์ต่อบริษัท เว้นแต่ความเสียหายเกิดจากการทุจริต หรือจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ปรากฏว่า ผู้ถือหุ้นได้มีการซักถามในวาะดังกล่าวค่อนข้างมาก แต่เนื่องจากมีความผิดพลาดในเอกสารที่แจกให้กับผู้ถือหุ้นต่างจากที่บอร์ดฯได้รับ ดังนั้นนายจิรายุ จึงได้ถอนวาระดังกล่าวออกไป แล้วจะนำมาเสนอใหม่ในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งหน้า โดยยืนยันว่าไม่มีวาระซ่อนเร้น แต่บริษัทฯชั้นนำอย่าง บมจ.ปตท.สผ.ก็ให้การคุ้มครองการทำงานของกรรมการเช่นกัน