ASTVผู้จัดการรายวัน- ครม.อนุมัติงบ1,000 ล้านบาท ให้ กอ.รมน. ทำโครงการสู้วิกฤตเศรษฐกิจ ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เสริมศักยภาพกองทัพ สร้างความสมานฉันท์ ปลุกจิตสำนึกปกป้องสถาบันฯ ยันไม่เกี่ยวสลาย "เสื้อแดง" ขณะที่ ผอ.สำนักงานชุมชนพอเพียง เผยความคืบหน้าโครงการชุมชนพอเพียง พร้อมเกณฑ์การคัดเลือก
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบการดำเนินงาน โครงการสู้วิกฤตเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน. เสนอผ่านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นชอบให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น ภายในวงเงิน 1,000 ล้านบาท โดยขอให้ กอ.รมน. และหน่วยงานปฏิบัติทำความตก ลงกับสำนักงบประมาณ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.2548 ต่อไป
"โครงการดังกล่าว มีความมุ่งหมายเพื่อนำศักยภาพของกองทัพไทยในยามปกติมาช่วยเสริมส่วนราชการพลเรือน ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติทุกมิติ และมีแนวโน้มจะดำรงต่อไปอีกเป็นระยะเวลานาน และยังสอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน ที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการฯ รวม 6 เดือน และมีค่าใช้จ่ายต่างๆ จำนวน 8 รายการ ภายในวงเงิน 1,000 ล้านบาท"
ขณะที่สำนักงบประมาณ ระบุว่า ในการจัดสรรงบประมาณที่ผ่านมา ส่วนราชการต่างๆ มีแผนดำเนินงานเพื่อสนับสนุนให้สังคมไทยมีการพัฒนาอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ประชาชนมีความสุขในการดำรงชีพตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นลำดับ
สำหรับ กอ.รมน.ได้จัดทำแผนกการดำเนินโครงการสู้วิกฤตเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนดำเนินการ รวมทั้งเสริมสร้างความเข้าใจ ความสามานฉันท์ของคนในชาติ
"โดยมีสถาบันหลักของชาติเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว และเป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจ อีกทั้งสร้างจิตสำนึกของประชาชนให้มีความจงรักภักดี เทิดทูน ปกป้องสถาบันฯ มิให้มีการล่วงละเมิดพระบรมเดชานุภาพ"
นายปณิธาน กล่าวด้วยว่า การอนุมัติงบประมาณดังกล่าว ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่เป็นการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านในชุมชน และเป็นการสร้างความสามัคคีในชุนชน และไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ทางกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมากล่าวอ้างก่อนหน้านี้ เพราะตรงนี้มีรายละเอียดชัดเจน ซึ่งไม่ว่าเสื้อสีไหน ก็พอใจแน่
แหล่งข่าวในประชุมครม. ระบุว่า นัยยะของโครงการนี้นั้น น่าจะมีการนำไปใช้กับมวลชนให้เข้าใจการทำงานของรัฐบาลโดย กอ.รมน.จะเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งนัยยะของโครงการนี้จะนำไปใช้ทำความเข้าใจกับมวลชนบางส่วน (นปช.และคนเสื้อแดง) ที่ยังต่อต้านรัฐบาลชุดนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งบประมาณ 1 พันล้านบาทนี้ จะนำไปใช้ใน 8 รายการ ประกอบด้วย
1.ค่าใช้จ่ายในการอำนวยการ 27,758,100 บาท 2 .ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ 24,600,000 บาท 3. ค่าใช้จ่ายการติดตามประเมินผล 4.6 ล้านบาท 4. ค่าใช้จ่ายการปฏิบัติการ แบ่งเป็นปฏิบัติหมู่บ้าน 783,593,100 บาท และชุมชนจำนวน 34,428,800 บาท 5.ค่าใช้จ่ายงานสนับสนุนโครงการ 3,440,000 บาท 6. ค่าใช้จ่ายการปฏิบัติงานด้านกิจการพลเรือน แบ่งเป็น งานการฝึกอบรม 5,091,730 บาท งานการจัดกิจกรรมและขยายผลโครงการ 9,908,270 บาท 7. ค่าใช้จ่ายการรณรงค์และเสริมสร้างความเข้าใจหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 100 ล้านบาท และ 8. งบการปฏิบัติการข่าวสาร 3,540,000 บาท
นอกจากนี้ ในเอกสารครม.ยังระบุถึงความเร่งด่วนของเรื่องนี้ด้วยว่า เนื่องจากระยะเวลาการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2552 คงเหลือเพียง 6 เดือน ซึ่งมีผลกระทบต่อการช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาพรวม
**สนง.ชุมชนพอเพียงเปิดให้ชุมชนยื่นของบ
ดร.สุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชุมชนพอเพียง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานชุมชนพอเพียงได้ดำเนินโครงการเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อยกระดับชุมชน (ศพช.) หรือ โครงการชุมชนพอเพียง เพื่อพิจารณาคัดเลือกโครงการที่ทำกิจกรรมอยู่ในชุมชนทั่วประเทศ รับการอุดหนุนงบประมาณจาก ศพช. โดยแบ่งขนาดของชุมชนออกเป็น 7 ขนาด ได้แก่ 1. ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 1-50 คน วงเงิน 100,000 บาท 2. ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 51-150 คน วงเงิน 200,000 บาท 3.ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 151-250 คน วงเงิน 300,000 บาท 4.ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 251-500 คน วงเงิน 400,000 บาท 5.ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 501-1,000 คน วงเงิน 500,000 บาท 6. ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 1,001-1,500 คน วงเงิน 600,000 บาท และ 7. ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 1,500 คนขึ้นไป วงเงิน 700,000 บาท
สำหรับโครงการที่จะยื่นขอรับงบประมาณอุดหนุน ต้องมีความยั่งยืนของการดำเนินโครงการ มีผลต่อเนื่องไม่สิ้นสุดในครั้งเดียว โดยคณะกรรมการคัดเลือก จะพิจารณาโครงการที่เข้าหลักเกณฑ์ ซึ่งต้องเป็นโครงการที่สามารถรองรับผู้ด้อยโอกาส และผู้ว่างงานในชุมชนให้สามารถพัฒนาไปสู่ความพออยู่ พอกิน พอใช้ หรือเป็นโครงการที่สนับสนุน และส่งเสริมการลดต้นทุนและปัจจัยการผลิตด้านต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการประกอบอาชีพพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานราก หรือเป็นโครงการที่สนับสนุนและส่งเสริมการใช้ และอนุรักษ์พลังงาน หรือพลังงานทดแทน หรือพลังงานทางเลือก หรือเป็นโครงการที่สนับสนุนและส่งเสริมการอนุรักษ์ และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ชุมชนที่จะรับงบฯ สามารถส่งโครงการที่ทำอยู่มายังสำนักชุมชนพอเพียงได้โดยตรง โดยต้องมีหนังสือรับรองจากทางอำเภอ หรือเทศบาลว่ามีการดำเนินโครงการดังกล่าวอยู่จริง
"การพิจารณาคัดเลือกโครงการจะดำเนินการโดยคณะบุคคลซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ โดยจะให้เฉพาะโครงการที่มีความยั่งยืนสามารถทำกิจกรรมได้ต่อเนื่อง และหลังจากได้รับงบประมาณแล้ว จะมีการติดตามประเมินผลด้วย ซึ่งโครงการ ศพช.นี้ ต้องการจัดสรรงบประมาณโดยตรงไปยังชุมชนทั่วประเทศ ให้ทุกชุมชนได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งงบประมาณของภาครัฐอย่างรวดเร็ว เพราะหากต้องผ่านกลไกต่างๆ มากเท่าไร เม็ดเงินก็จะยิ่งมีการตกหล่นรั่วไหล โดยในปีงบประมาณนี้ รัฐบาลได้อนุมัติเงินสำหรับดำเนินโครงการทั้งสิ้น 2 หมื่นกว่าล้าน ตั้งเป้าว่าโครงการดังกล่าวจะเข้าถึงชุมชน 80,800 ชุมชนทั่วประเทศ เพื่อให้ชุมชนต่างๆ สามารถพึ่งพาตนเอง และเป็นเครือข่ายช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงได้ต่อไปในอนาคต" ดร.สุมิทกล่าว
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบการดำเนินงาน โครงการสู้วิกฤตเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน. เสนอผ่านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นชอบให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น ภายในวงเงิน 1,000 ล้านบาท โดยขอให้ กอ.รมน. และหน่วยงานปฏิบัติทำความตก ลงกับสำนักงบประมาณ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.2548 ต่อไป
"โครงการดังกล่าว มีความมุ่งหมายเพื่อนำศักยภาพของกองทัพไทยในยามปกติมาช่วยเสริมส่วนราชการพลเรือน ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติทุกมิติ และมีแนวโน้มจะดำรงต่อไปอีกเป็นระยะเวลานาน และยังสอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน ที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการฯ รวม 6 เดือน และมีค่าใช้จ่ายต่างๆ จำนวน 8 รายการ ภายในวงเงิน 1,000 ล้านบาท"
ขณะที่สำนักงบประมาณ ระบุว่า ในการจัดสรรงบประมาณที่ผ่านมา ส่วนราชการต่างๆ มีแผนดำเนินงานเพื่อสนับสนุนให้สังคมไทยมีการพัฒนาอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ประชาชนมีความสุขในการดำรงชีพตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นลำดับ
สำหรับ กอ.รมน.ได้จัดทำแผนกการดำเนินโครงการสู้วิกฤตเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนดำเนินการ รวมทั้งเสริมสร้างความเข้าใจ ความสามานฉันท์ของคนในชาติ
"โดยมีสถาบันหลักของชาติเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว และเป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจ อีกทั้งสร้างจิตสำนึกของประชาชนให้มีความจงรักภักดี เทิดทูน ปกป้องสถาบันฯ มิให้มีการล่วงละเมิดพระบรมเดชานุภาพ"
นายปณิธาน กล่าวด้วยว่า การอนุมัติงบประมาณดังกล่าว ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่เป็นการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านในชุมชน และเป็นการสร้างความสามัคคีในชุนชน และไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ทางกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมากล่าวอ้างก่อนหน้านี้ เพราะตรงนี้มีรายละเอียดชัดเจน ซึ่งไม่ว่าเสื้อสีไหน ก็พอใจแน่
แหล่งข่าวในประชุมครม. ระบุว่า นัยยะของโครงการนี้นั้น น่าจะมีการนำไปใช้กับมวลชนให้เข้าใจการทำงานของรัฐบาลโดย กอ.รมน.จะเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งนัยยะของโครงการนี้จะนำไปใช้ทำความเข้าใจกับมวลชนบางส่วน (นปช.และคนเสื้อแดง) ที่ยังต่อต้านรัฐบาลชุดนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งบประมาณ 1 พันล้านบาทนี้ จะนำไปใช้ใน 8 รายการ ประกอบด้วย
1.ค่าใช้จ่ายในการอำนวยการ 27,758,100 บาท 2 .ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ 24,600,000 บาท 3. ค่าใช้จ่ายการติดตามประเมินผล 4.6 ล้านบาท 4. ค่าใช้จ่ายการปฏิบัติการ แบ่งเป็นปฏิบัติหมู่บ้าน 783,593,100 บาท และชุมชนจำนวน 34,428,800 บาท 5.ค่าใช้จ่ายงานสนับสนุนโครงการ 3,440,000 บาท 6. ค่าใช้จ่ายการปฏิบัติงานด้านกิจการพลเรือน แบ่งเป็น งานการฝึกอบรม 5,091,730 บาท งานการจัดกิจกรรมและขยายผลโครงการ 9,908,270 บาท 7. ค่าใช้จ่ายการรณรงค์และเสริมสร้างความเข้าใจหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 100 ล้านบาท และ 8. งบการปฏิบัติการข่าวสาร 3,540,000 บาท
นอกจากนี้ ในเอกสารครม.ยังระบุถึงความเร่งด่วนของเรื่องนี้ด้วยว่า เนื่องจากระยะเวลาการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2552 คงเหลือเพียง 6 เดือน ซึ่งมีผลกระทบต่อการช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาพรวม
**สนง.ชุมชนพอเพียงเปิดให้ชุมชนยื่นของบ
ดร.สุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชุมชนพอเพียง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานชุมชนพอเพียงได้ดำเนินโครงการเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อยกระดับชุมชน (ศพช.) หรือ โครงการชุมชนพอเพียง เพื่อพิจารณาคัดเลือกโครงการที่ทำกิจกรรมอยู่ในชุมชนทั่วประเทศ รับการอุดหนุนงบประมาณจาก ศพช. โดยแบ่งขนาดของชุมชนออกเป็น 7 ขนาด ได้แก่ 1. ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 1-50 คน วงเงิน 100,000 บาท 2. ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 51-150 คน วงเงิน 200,000 บาท 3.ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 151-250 คน วงเงิน 300,000 บาท 4.ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 251-500 คน วงเงิน 400,000 บาท 5.ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 501-1,000 คน วงเงิน 500,000 บาท 6. ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 1,001-1,500 คน วงเงิน 600,000 บาท และ 7. ชุมชนที่มีชื่อชาวบ้านตามทะเบียนบ้าน 1,500 คนขึ้นไป วงเงิน 700,000 บาท
สำหรับโครงการที่จะยื่นขอรับงบประมาณอุดหนุน ต้องมีความยั่งยืนของการดำเนินโครงการ มีผลต่อเนื่องไม่สิ้นสุดในครั้งเดียว โดยคณะกรรมการคัดเลือก จะพิจารณาโครงการที่เข้าหลักเกณฑ์ ซึ่งต้องเป็นโครงการที่สามารถรองรับผู้ด้อยโอกาส และผู้ว่างงานในชุมชนให้สามารถพัฒนาไปสู่ความพออยู่ พอกิน พอใช้ หรือเป็นโครงการที่สนับสนุน และส่งเสริมการลดต้นทุนและปัจจัยการผลิตด้านต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการประกอบอาชีพพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานราก หรือเป็นโครงการที่สนับสนุนและส่งเสริมการใช้ และอนุรักษ์พลังงาน หรือพลังงานทดแทน หรือพลังงานทางเลือก หรือเป็นโครงการที่สนับสนุนและส่งเสริมการอนุรักษ์ และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ชุมชนที่จะรับงบฯ สามารถส่งโครงการที่ทำอยู่มายังสำนักชุมชนพอเพียงได้โดยตรง โดยต้องมีหนังสือรับรองจากทางอำเภอ หรือเทศบาลว่ามีการดำเนินโครงการดังกล่าวอยู่จริง
"การพิจารณาคัดเลือกโครงการจะดำเนินการโดยคณะบุคคลซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ โดยจะให้เฉพาะโครงการที่มีความยั่งยืนสามารถทำกิจกรรมได้ต่อเนื่อง และหลังจากได้รับงบประมาณแล้ว จะมีการติดตามประเมินผลด้วย ซึ่งโครงการ ศพช.นี้ ต้องการจัดสรรงบประมาณโดยตรงไปยังชุมชนทั่วประเทศ ให้ทุกชุมชนได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งงบประมาณของภาครัฐอย่างรวดเร็ว เพราะหากต้องผ่านกลไกต่างๆ มากเท่าไร เม็ดเงินก็จะยิ่งมีการตกหล่นรั่วไหล โดยในปีงบประมาณนี้ รัฐบาลได้อนุมัติเงินสำหรับดำเนินโครงการทั้งสิ้น 2 หมื่นกว่าล้าน ตั้งเป้าว่าโครงการดังกล่าวจะเข้าถึงชุมชน 80,800 ชุมชนทั่วประเทศ เพื่อให้ชุมชนต่างๆ สามารถพึ่งพาตนเอง และเป็นเครือข่ายช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงได้ต่อไปในอนาคต" ดร.สุมิทกล่าว
