xs
xsm
sm
md
lg

อัดBSECไร้จรรยาบรรณ รอผลก.ล.ต.ตัดสินไลเซนส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดหลักทรัพย์ฯชี้แจงกรณี L&E-W1 แค่เตือน ยังไม่เชือดมือดีสร้างราคา “ภัทรียา”อัด บล.บีฟิท ปล่อยขายหุ้น “ไทยโพลีคอนส์”ไม่ผิดกฎหมาย แต่ไร้จรรยาบรรณ จะทำให้ความไว้วางใจจากนักลงทุนหดหาย ล่าสุดเหลือเพียงรอ ก.ล.ต.ตัดสินความผิดรวมทั้งพิจารณาเพิกถอนไลน์เซ่นส์ ด้านBSEC ก้นร้อนรีบรายงานผลประชุมบอร์ดครั้งล่าสุด เพื่อตอบรับเพิ่มทุนTSFC พร้อมยืนยันไม่การปลด 4 ผู้บริหาร

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากกรณีนักลงทุนมีการส่งคำสั่งซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิบริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ L&E-W1 เข้าข่ายไม่เหมาะสมนั้น ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการตรวจพบและได้มีการแจ้งเตือนไปยังบริษัทหลักทรัพย์ฯ(บล.)ให้มีการเตือนลูกค้าในเรื่องการส่งคำสั่งซื้อขาย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะยังไม่มีการตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนเท่านั้น

"L&E-W1 ที่มีนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าในกระดานมากนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเตือนเฉยๆยังไม่ได้มีการตรวจสอบเพิ่มเพื่อเอาผิดกับนักลงทุนรายนั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวนั้นที่ผ่านมาก็เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกกรณีจะมีการเอาผิด โดยขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ " นางภัทรียา กล่าว

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่า ได้มีรายการที่ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขาย L&E-W1 ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตจำนวน 100 หุ้น ราคาหุ้นละ 0.88 บาท ในเวลา 10:01 น. ซึ่งทำให้ราคาหุ้นL&E-W1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากราคา 0.03 บาท มาที่ราคา 0.80 บาท โดยเพิ่มขึ้น 2,566.67% โดยในเวลาต่อมา คือ เวลา 10:02 น. ลูกค้ารายดังกล่าวได้ส่งคำสั่งเสนอขายทันที 40,100 หุ้น ที่ราคา 0.19บาท ซึ่งจากพฤติกรรมการส่งคำสั่งดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ถือว่า เข้าข่ายเป็นการส่งคำสั่งที่ไม่เหมาะสม เนื่องจาก ลูกค้ามีเจตนาทำให้ราคาหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะขายหลักทรัพย์ที่ตนเองมีอยู่ก่อนหน้า

ขณะที่กรณี บล. บีฟิท จำกัด (มหาชน) หรือ BSEC ในฐานที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY ได้ขายหุ้นของTPOLY ออกมานั้นในวันแรกที่เปิดซื้อขายในกระดานทั้งที่ยังมีเวลาในการขาย 30 วัน นั้น กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ให้ความเห็นว่า การประทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดจรรยาบรรณในการทำงาน

โดยการกระทำดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนไม่ไว้วางใจและกล้าที่จะมาใช้บริการของบริษัทดังกล่าว ซึ่งฝ่ายบริหารของบล.บีฟิทจะต้องมีการจัดการที่ดี และควรมีการแก้ไข ส่วน BSEC จะมีความผิดในด้านการดำเนินงานหรือไม่นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)จะทำหน้าที่ดูแลว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร รวมถึงขั้นตอนเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินหรือไม่

อย่างไรก็ตามในเรื่องการขายหุ้นไอพีโอของ TPOLY ซึ่งทางบอร์ดของบล.บีฟิท ไม่ทราบเรื่องนั้น นายภัทรียา กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องการขัดแย้งกันภายในซึ่งฝ่ายบริหารจัดการจะต้องมีการดูแลเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนหรือบุคคลอื่น ดังนั้นจะต้องมีการประสานงานกันเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องการเปิดเผยข้อมูล

ส่วนในเรื่องการควบรวมกับบล.ยูโอบี (ประเทศไทย)นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการสอบถามไปและทาง บล.บีฟิท รวมถึง บล.ยูโอบีเคเฮียน (ประเทศไทย) (UOBKH) ได้มีการชี้แจงข้อมูลมาแล้ว โดยตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการลำดับเหตุการณ์ของทั้ง 2 บริษัทไว้แล้วในเว็บไซต์เพื่อให้นักลงทุนมีการพิจารณาในการลงทุน และนักลงทุนควรที่จะมีความระมัดระวังในการลงทุนเช่นกัน

ขณะเดียวกัน วานนี้ บล.บีฟิท ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่มีข่าวปรากฏตามสื่อในวันที่ 19 มีนาคม 2552 ว่าบริษัท จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทด่วน (20มี.ค.) โดยมีวาระการพิจารณาสั่งปลดหรือลงโทษผู้บริหารนั้น บริษัทขอเรียนว่ามีการจัดประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2552 ในวันดังกล่าวจริง โดยเป็นการประชุมเพื่อพิจารณาระเบียบ โดยมีวาระตามปกติ ดังนี้ วาระที่ 1 รับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 2/2552 และรายงานการประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่3/2552

วาระที่ 2 รายงานการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหาร วาระที่ 3 พิจารณาอนุมัติการลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด วาระที่ 4 รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดจำหน่ายหุ้น TPOLY และวาระที่ 5 พิจารณาเรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี)

ทั้งนี้ การจัดประชุมเลื่อนให้เร็วขึ้นจากกําหนดการเดิม เนื่องจากคณะกรรมการเห็นสมควรให้บริษัทจัดประชุมคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำทุกเดือน จากเดิมที่จะจัดให้มีการประชุมไตรมาสละ 1 - 2 ครั้ง อีกทั้งบริษัทจะต้องตอบรับการลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (TSFC) ซึ่งจะได้ต้องได้ข้อสรุปภายในเดือนมีนาคม 2552

โดยจากการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งล่าสุด ที่ประชุมได้มีมติซึ่งบริษัทควรแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบในวาระที่ 4 กล่าวคือ คณะกรรมการบริษัทได้รับทราบรายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของTPOLY อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยยังมีข้อเท็จจริงอื่นที่สำคัญเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทจึงเห็นสมควรให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป

สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาสั่งปลดหรือลงโทษบริหาร 4 ราย ได้แก่ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ นางพรรณี เถกิงเกียรติ นายเดชา แปงคำ และนายธนกฤต เอื้อสงวนกุล นั้น ขณะนี้คณะกรรมการบริษัทยังมิได้มีการพิจารณาลงโทษผู้บริหารทั้ง 4 ราย แต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น