ASTVผู้จัดการรายวัน – บล.บีฟิท ร้อนตัวแจงกรณีหุ้น “ไทยโพลีคอน” ด่วน อ้างเป็นความผิดพลาดของฝ่ายวาณิชธกิจ ที่ปิดดีลไม่สำเร็จ จากโดนเช็คเด้ง-ลูกค้าไม่ยอมจ่าย ส่วนการปล่อยขายหุ้นในวันเฟิร์สเทรด อ้างนโยบายไม่มีการถือหุ้นค้างข้ามคืน ด้านก.ล.ต.หวั่นภาพลักษณ์ตลาดทุนเสียหายจี้สมาคมบล.กำหนดมาตรฐานอันเดอร์ไรท์เตอร์ พร้อมรุกขอข้อมูลเข้าตรวจสอบ แถมซวยซ้ำ! โดนตลท.ขอข้อมูลหลังดีลควบรวมล้มเหตุราคาพุ่งอย่างน่าสงสัย
จากกรณีที่นักลงทุนเตรียมยื่นฟ้องร้องเรื่องการขายหุ้นบริษัท ไทยโพลีคอน จำกัด (มหาชน) (TPOLY) ประมาณ 24 ล้านหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บีฟิท จำกัด (มหาชน) (BSEC) ซึ่งอยู่ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน หรือ FA และแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น ว่าเรื่องนี้ได้สร้างความเสียหายให้แก่ผู้ลงทุนที่ถือหุ้นดังกล่าว อีกทั้งถือเป็นการหลอกลวงประชาชน โดยต้องการให้บล.แห่งนี้ออกมารับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น
ล่าสุด นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. บีฟิท กล่าวชี้แจงว่า เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจาก นายธนกฤต เอื้อสงวนกุล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ (ไอบี) ได้แจ้งกับทางบริษัทเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์2552 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการปิดเสนอขายหุ้นว่าไม่สามารถขายหุ้นไอพีโอของTPOLY ได้หมด โดยมีจำนวนเหลือประมาณ 24 ล้านหุ้นเศษ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งกับบริษัทว่าสามารถขายหุ้นได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) ได้มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผู้บริหารฝ่ายวาณิชธนกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว แต่ปัจจุบันเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลจากกรรมการตรวจสอบที่ตั้งขึ้น ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นใด ทางบริษัทจะใช้เป็นตัวกำหนดทิศทางในการบริหารงานของ BSEC ในหลังจากนี้
“ปกติทาง BSEC สามรถดำเนินการขายหุ้นไอพีโอได้หมดทุกครั้ง ซึ่งในกรณีนี้ทางผู้บริหารฝ่ายวาณิชธนกิจ ได้แจ้งว่าสามารถขายหุ้นหมดแล้ว ทางบริษัทฯจึงได้มีการเซ็นสัญญาอันเดอร์ไรเตอร์หุ้น หลังจากนั้นเพียง 1 วันกลับได้รับแจ้งจาก นายธนกฤต ว่าขายหุ้นดังกล่าวไม่หมด ส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องรับหุ้นที่เหลือนี้เข้าพอร์ตของบริษัท แต่หุ้นในส่วนที่ผมและกรรมการผู้จัดการอีก 2 คน ได้นำไปจัดสรรให้กับลูกค้าขอยืนยันว่าสามารถขายได้ทั้งหมด”นายประสิทธิ์ กล่าว
โดย ทางผู้บริหารฝ่ายวาณิชธกิจได้ให้เหตุผลว่าว่าเกิดจากลูกค้า 2 ราย ซึ่งรายแรกเช็คที่จ่ายชำระค่าหุ้นTPLOY จำนวน 10 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 28 ล้านบาท นั้นมียอดเงินในบัญชีไม่เพียงพอที่จะหัก (เช็คเด้ง) ขณะที่รายที่สองเกิดความไม่มั่นใจในราคาหุ้นดังกล่าวจึงไม่ได้ชำระเงินในการซื้อหุ้นจำนวน 14 ล้านหุ้น มูลค่าประมาณ 39 ล้านบาท
**ลั่นไม่มีนโยบายถือหุ้นข้ามคืน**
สำหรับ เหตุที่บริษัทได้นำหุ้นTPOLY ออกขายตั้งแต่วันแรกที่มีการเทรด นายประสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่จะไม่การถือหุ้นไว้ในพอร์ตจนข้ามวัน ซึ่งบริษัทจะต้องนำออกมาทยอยขาย เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนกลับคืน หรือขายขาดทุนให้น้อยที่สุด โดยในส่วนหุ้น TPLOY บริษัทได้ทำการทยอยขายตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดจนปิดการซื้อขาย และพบว่าบริษัทขาดทุนจากการซื้อขายในครั้งนี้ประมาณ 7 ล้านบาท และเมื่อนำมาหักลบกับรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินจำนวน 5 ล้านบาท พบว่าบริษัทยังประสบปัญหาขาดทุนประมาณ 1.8 ล้านบาท
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.บีฟิท ยืนยันว่าหลังจากที่ได้ทยอยขายหุ้น TPOLY ไปแล้ว ตนได้มีการติดต่อไปยังนายเจริญ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการของTPOLY ด้วยซึ่งการพูดคุยครั้งนี้ได้ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี เพราะบริษัทใช้วิธีทยอยปล่อยขายหุ้น เพื่อไม่ให้มีผลกรระทบต่อราคาซื้อขาย โดยมีการขายล็อตใหญ่เพียงช่วงเวลา 16.00น.ของวันที่4มีนาคม เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามผู้บริหารบล.บีฟิท ยอมรับว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทในด้านธุรกิจไอบีและน่าจะทำให้ไม่มีลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการกับทางบริษัท ขณะที่ในส่วนงานด้านหลักทรัพย์คาดว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์อันดีกับพนักงานและผู้บริหารของบริษัท อยู่แล้ว
**ก.ล.ต.จี้ข้อมูลหุ้นช่วงวันเทรด**
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) กล่าวว่า ทาง ก.ล.ต. ได้มีการขอข้อมูลหุ้น TPOLY อย่างไม่เป็นทางการ หลังเกิดเหตุการณ์ที่ บล.บีฟิท รับหุ้น TPOLY เข้าพอร์ตจำนวน 24 ล้านหุ้นเศษ จากหุ้นที่เสนอขายทั้งหมดจำนวน 60 ล้านหุ้น และเทขายหุ้นออกมาจนหมดตั้งแต่วันแรก(4 มี.ค.52) ที่เริ่มเปิดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)เป็นวันแรก
โดยรายละเอียดที่ทาง ก.ล.ต ขอในครั้งนี้ จะรวมไปถึงขั้นตอนการนำหุ้นเข้าจดทะเบียน และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ฯลฯ ซึ่งได้มีการติดต่อเพื่อขอข้อมูลจากทาง BSEC เพิ่มเติมไปอีกครั้งเมื่อวันที่ 9 มี.ค. และกำหนดให้บริษัทต้องนำส่งข้อมูลทั้งหมดส่งให้เสร็จสิ้นภายในวานนี้ (12 มี.ค.)
**จี้กำหนดมาตรฐานอันเดอร์ไรท์เตอร์**
ในวันเดียวกัน ก.ล.ต.ระบุว่าที่ปรากฏข่าวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แห่งหนึ่งในฐานะผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (อันเดอร์ไรท์เตอร์) ได้ทำการขายหลักทรัพย์ที่บริษัทซื้อไว้เองอันเนื่องจากไม่สามารถจัดจำหน่ายได้หมด โดยขายหลักทรัพย์ดังกล่าวทั้งหมดในวันแรกที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเหมาะสมของการกระทำในฐานะผู้ปฏิบัติงานเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนเสียหายและกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัทที่มีแผนจะระดมทุนในตลาดทุน
ทั้งนี้ ทาง ก.ล.ต. เห็นว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบธุรกิจไม่เคยมีแนวปฏิบัติหรือมาตรฐานการปฏิบัติงานในเรื่องนี้จึงทำให้มีวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันและอาจทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่บริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ผู้ลงทุน และบริษัทหลักทรัพย์เอง มีความคาดหวังที่ไม่ตรงกันอันเป็นเหตุให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้น จึงแจ้งให้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์หารือกับสมาชิกในการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานหรือจรรยาบรรณในการปฏิบัติงานเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์
วานนี้(12มี.ค.) หุ้นTPOLY ปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1.67 บาท ต่ำสุด 1.61บาท ก่อนปิดที่ 1.63 บาท เพิ่มขึ้น0.02บาท หรือ1.24% มูลค่าการซื้อขาย40.643 ล้านบาท
**ตลท.เร่งช่วยหุ้นช่วงข่าวควบรวม**
ด้านแหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลท.ได้มีการขอข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของบล.บีฟิท เช่นกัน โดยเป็นการขอข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการเพื่อนำมาตรวจสอบความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วงการควบรวมกิจการกับบล.ยูโอบีเคเฮียน จำกัด (มหาชน) (UOBKH) เป็นอันยกเลิก แต่ไม่ได้ขอข้อมูลในส่วนของ TPOLY แต่อย่างใด และขณะนี้ก็ได้รับข้อมูลดังกล่าวแล้ว
จากกรณีที่นักลงทุนเตรียมยื่นฟ้องร้องเรื่องการขายหุ้นบริษัท ไทยโพลีคอน จำกัด (มหาชน) (TPOLY) ประมาณ 24 ล้านหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บีฟิท จำกัด (มหาชน) (BSEC) ซึ่งอยู่ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน หรือ FA และแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น ว่าเรื่องนี้ได้สร้างความเสียหายให้แก่ผู้ลงทุนที่ถือหุ้นดังกล่าว อีกทั้งถือเป็นการหลอกลวงประชาชน โดยต้องการให้บล.แห่งนี้ออกมารับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น
ล่าสุด นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. บีฟิท กล่าวชี้แจงว่า เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจาก นายธนกฤต เอื้อสงวนกุล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ (ไอบี) ได้แจ้งกับทางบริษัทเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์2552 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการปิดเสนอขายหุ้นว่าไม่สามารถขายหุ้นไอพีโอของTPOLY ได้หมด โดยมีจำนวนเหลือประมาณ 24 ล้านหุ้นเศษ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งกับบริษัทว่าสามารถขายหุ้นได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) ได้มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผู้บริหารฝ่ายวาณิชธนกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว แต่ปัจจุบันเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลจากกรรมการตรวจสอบที่ตั้งขึ้น ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นใด ทางบริษัทจะใช้เป็นตัวกำหนดทิศทางในการบริหารงานของ BSEC ในหลังจากนี้
“ปกติทาง BSEC สามรถดำเนินการขายหุ้นไอพีโอได้หมดทุกครั้ง ซึ่งในกรณีนี้ทางผู้บริหารฝ่ายวาณิชธนกิจ ได้แจ้งว่าสามารถขายหุ้นหมดแล้ว ทางบริษัทฯจึงได้มีการเซ็นสัญญาอันเดอร์ไรเตอร์หุ้น หลังจากนั้นเพียง 1 วันกลับได้รับแจ้งจาก นายธนกฤต ว่าขายหุ้นดังกล่าวไม่หมด ส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องรับหุ้นที่เหลือนี้เข้าพอร์ตของบริษัท แต่หุ้นในส่วนที่ผมและกรรมการผู้จัดการอีก 2 คน ได้นำไปจัดสรรให้กับลูกค้าขอยืนยันว่าสามารถขายได้ทั้งหมด”นายประสิทธิ์ กล่าว
โดย ทางผู้บริหารฝ่ายวาณิชธกิจได้ให้เหตุผลว่าว่าเกิดจากลูกค้า 2 ราย ซึ่งรายแรกเช็คที่จ่ายชำระค่าหุ้นTPLOY จำนวน 10 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 28 ล้านบาท นั้นมียอดเงินในบัญชีไม่เพียงพอที่จะหัก (เช็คเด้ง) ขณะที่รายที่สองเกิดความไม่มั่นใจในราคาหุ้นดังกล่าวจึงไม่ได้ชำระเงินในการซื้อหุ้นจำนวน 14 ล้านหุ้น มูลค่าประมาณ 39 ล้านบาท
**ลั่นไม่มีนโยบายถือหุ้นข้ามคืน**
สำหรับ เหตุที่บริษัทได้นำหุ้นTPOLY ออกขายตั้งแต่วันแรกที่มีการเทรด นายประสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่จะไม่การถือหุ้นไว้ในพอร์ตจนข้ามวัน ซึ่งบริษัทจะต้องนำออกมาทยอยขาย เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนกลับคืน หรือขายขาดทุนให้น้อยที่สุด โดยในส่วนหุ้น TPLOY บริษัทได้ทำการทยอยขายตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดจนปิดการซื้อขาย และพบว่าบริษัทขาดทุนจากการซื้อขายในครั้งนี้ประมาณ 7 ล้านบาท และเมื่อนำมาหักลบกับรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินจำนวน 5 ล้านบาท พบว่าบริษัทยังประสบปัญหาขาดทุนประมาณ 1.8 ล้านบาท
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.บีฟิท ยืนยันว่าหลังจากที่ได้ทยอยขายหุ้น TPOLY ไปแล้ว ตนได้มีการติดต่อไปยังนายเจริญ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการของTPOLY ด้วยซึ่งการพูดคุยครั้งนี้ได้ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี เพราะบริษัทใช้วิธีทยอยปล่อยขายหุ้น เพื่อไม่ให้มีผลกรระทบต่อราคาซื้อขาย โดยมีการขายล็อตใหญ่เพียงช่วงเวลา 16.00น.ของวันที่4มีนาคม เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามผู้บริหารบล.บีฟิท ยอมรับว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทในด้านธุรกิจไอบีและน่าจะทำให้ไม่มีลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการกับทางบริษัท ขณะที่ในส่วนงานด้านหลักทรัพย์คาดว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์อันดีกับพนักงานและผู้บริหารของบริษัท อยู่แล้ว
**ก.ล.ต.จี้ข้อมูลหุ้นช่วงวันเทรด**
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) กล่าวว่า ทาง ก.ล.ต. ได้มีการขอข้อมูลหุ้น TPOLY อย่างไม่เป็นทางการ หลังเกิดเหตุการณ์ที่ บล.บีฟิท รับหุ้น TPOLY เข้าพอร์ตจำนวน 24 ล้านหุ้นเศษ จากหุ้นที่เสนอขายทั้งหมดจำนวน 60 ล้านหุ้น และเทขายหุ้นออกมาจนหมดตั้งแต่วันแรก(4 มี.ค.52) ที่เริ่มเปิดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)เป็นวันแรก
โดยรายละเอียดที่ทาง ก.ล.ต ขอในครั้งนี้ จะรวมไปถึงขั้นตอนการนำหุ้นเข้าจดทะเบียน และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ฯลฯ ซึ่งได้มีการติดต่อเพื่อขอข้อมูลจากทาง BSEC เพิ่มเติมไปอีกครั้งเมื่อวันที่ 9 มี.ค. และกำหนดให้บริษัทต้องนำส่งข้อมูลทั้งหมดส่งให้เสร็จสิ้นภายในวานนี้ (12 มี.ค.)
**จี้กำหนดมาตรฐานอันเดอร์ไรท์เตอร์**
ในวันเดียวกัน ก.ล.ต.ระบุว่าที่ปรากฏข่าวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แห่งหนึ่งในฐานะผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (อันเดอร์ไรท์เตอร์) ได้ทำการขายหลักทรัพย์ที่บริษัทซื้อไว้เองอันเนื่องจากไม่สามารถจัดจำหน่ายได้หมด โดยขายหลักทรัพย์ดังกล่าวทั้งหมดในวันแรกที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเหมาะสมของการกระทำในฐานะผู้ปฏิบัติงานเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนเสียหายและกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัทที่มีแผนจะระดมทุนในตลาดทุน
ทั้งนี้ ทาง ก.ล.ต. เห็นว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบธุรกิจไม่เคยมีแนวปฏิบัติหรือมาตรฐานการปฏิบัติงานในเรื่องนี้จึงทำให้มีวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันและอาจทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่บริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ผู้ลงทุน และบริษัทหลักทรัพย์เอง มีความคาดหวังที่ไม่ตรงกันอันเป็นเหตุให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้น จึงแจ้งให้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์หารือกับสมาชิกในการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานหรือจรรยาบรรณในการปฏิบัติงานเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์
วานนี้(12มี.ค.) หุ้นTPOLY ปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1.67 บาท ต่ำสุด 1.61บาท ก่อนปิดที่ 1.63 บาท เพิ่มขึ้น0.02บาท หรือ1.24% มูลค่าการซื้อขาย40.643 ล้านบาท
**ตลท.เร่งช่วยหุ้นช่วงข่าวควบรวม**
ด้านแหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลท.ได้มีการขอข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของบล.บีฟิท เช่นกัน โดยเป็นการขอข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการเพื่อนำมาตรวจสอบความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วงการควบรวมกิจการกับบล.ยูโอบีเคเฮียน จำกัด (มหาชน) (UOBKH) เป็นอันยกเลิก แต่ไม่ได้ขอข้อมูลในส่วนของ TPOLY แต่อย่างใด และขณะนี้ก็ได้รับข้อมูลดังกล่าวแล้ว