ASTVผู้จัดการรายวัน – สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เตรียมเข้าพบรมว.คลัง “กรณ์” เสนอพิจารณา 6 แนวทาง หวังช่วยกระตุ้นตลาดทุนไทยในช่วงขาลง โดยเฉพาะเรื่องการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์-ลดภาษีบริษัทจดทะเบียน ขณะที่นายกสมาคมโบรกเกอร์ เผยตลาดหลักทรัพย์ฯ เชิญโบรกเกอร์เข้าพบพุธนี้ เพื่อหาแนวทางกระตุ้นนักลงทุนซื้อขายหุ้น ด้าน “ทีเอสเอฟซี” เรียกประชุมผู้ถือหุ้นขออนุมัติแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน 23 มี.ค. นี้
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมโบรกเกอร์อยู่ระหว่างการติดต่อขอเข้าพบนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อนำข้อเสนอ 6 แนวทางในการพัฒนาตลาดทุน ประกอบด้วย ประเด็นแรก เสนอให้ทบทวนการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ไลเซ่นส์) 2.เสนอให้มีผู้แทนเข้าร่วมในการดำเนินการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ 3.เสนอให้ยกเว้นการเก็บภาษีของผู้ลงทุนในตราสารหนี้
4. เสนอให้ปรับลดภาษีของบริษัทจดทะเบียนให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ 5. การเสนอให้ปรับหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนให้มีความยืดหยุ่น โดยอนุญาตให้บจ. สามารถนำหุ้นที่ซื้อคืนออกขายหรือยกเลิกได้ก่อนระยะเวลา 6 เดือน และประเด็นสุดท้าย เสนอเรื่องการลดทุน เพื่อให้บจ. ที่แปรรูปเป็นบริษัทมหาชน สามารถเพิ่มทุนต่ำกว่าราคาพาร์ได้โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา
สำหรับข้อเสนอให้ทบทวนการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์นั้น ต้องการให้รัฐมนตรีพิจารณาว่าจังหวะเหมาะสมที่จะมีการเปิดเสรีหรือไม่ หลังจากที่ภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะประเก็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการ แต่เรื่องดังกล่าวจะต้องมีการหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก่อน
ขณะที่เรื่องปรับลดภาษีของบริษัทจดทะเบียนนั้น เป็นเรื่องของสมาคมบริษัทจดทะเบียนเป็นผู้พิจารณาว่าจะเสนอลดเหลือเท่าไร แต่ที่ทางสมาคมบล.เสนอนั้นเพื่อต้องการสนับสนุนงานด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน หากมีการลดภาษีบจ.จะทำให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น และทำให้บล.มีงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินมากขึ้นเช่นกัน รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มสินค้าใหม่ให้กับนักลงทุน
ส่วนเรื่องการลดทุนจดทะเบียน เพื่อให้บริษัทจำกัดที่แปรรูปเป็นมหาชนสามารถเพิ่มทุนต่ำกว่าพาร์ได้ เพื่อต้องการให้มีความยืดหยุ่นและให้บริษัทต่างๆ สามารถลดหรือเพิ่มทุนจดทะเบียนให้มีความเหมาะสมในช่วงภาวะเศรษฐกิจและภาวะตลาดหุ้นไม่ดี เช่น กรณีของบล.เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ หรือ TSFC ที่จะมีการแปลงสภาพเป็นมหาชนให้สามารถที่จดลดทุนและเพิ่มทุนได้ทันทีโดยไม่มีกำหนดเวลา
“จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เชิญกรรมการบริหาร และกรรมการโบรกเกอร์ต่างๆ และสมาคมโบรกเกอร์หารือ ในวันพุธที่ 11 มี.ค.นี้ จะเป็นการหารือถึงปัญหาอุปสรรคจากผู้ประกอบการ เพื่อหารือในการกระตุ้นให้นักลงทุนมีการเข้ามาซื้อขายหุ้นมากขึ้น ในด้านการสร้างกำลังใจ และความเชื่อมั่น ซึ่งอาจจะต้องมีการขอความร่วมมือกับทางสมาคมนักวิเคราะห์ในการออกบทวิเคราะห์แนะนำการลงทุนในหุ้นพื้นฐานจากที่ราคาหุ้นหลายบริษัทปรับตัวลดลงมากและจะเสนอให้มีการลดภาษีกำไรซื้อขายหุ้นแก่บริษัทนิติบุคคลเพื่อเพิ่มฐานนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนมากขึ้น” นายกัมปนาทกล่าว
ด้านนายจงรัก ระรวยทรง กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะระบุวันในการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังไม่มีเวลาให้เข้าพบจากมีภารกิจต่างๆ และยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถเข้าพบได้ภายในเดือนนี้หรือไม่ ซึ่งทางสมาคมโบรกเกอร์ได้มีการให้ทางสมาชิกมีการเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมข้อมูล ว่าต้องการที่จะเสนอประเด็นเพิ่มจาก 6 เรื่องเพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีการสนับสนุนการทำธุรกิจหลักทรัพย์ จากภาวะการซื้อขายที่ซบเซาภายในสัปดาห์นี้ หรือก่อนที่จะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
“สมาคมโบรกเกอร์ต้องการเสนอให้มีการทบทวนการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ว่าเหมาะสมกับภาวะตลาดหรือไม่ จากภาวะตลาดที่ซบเซานั้นจะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ แต่ขณะนี้ยังรอความเห็นเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวกับทางบริษัทสมาชิกของสมาคมโบรกเกอร์”นายจงรัก กล่าว
ทั้งนี้ในเรื่องการขอให้มีการลดภาษีบจ.เพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ เพราะตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และมาเลเซียนั้น จะมีแผนที่จะลดภาษีบจ.ซึ่งหากตลาดหุ้นไทยยังไม่มีการทบทวนอาจจะทำให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยน้อย หรือหันไปจดทะเบียนในต่างประเทศแทน รวมถึงการคิดอัตราภาษีบจ.ปัจจุบันนั้นมีการบังคับใช้มานานแล้วจึงมองว่าน่าจะมีการปรับเปลี่ยน แต่จะลดเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
สำหรับการเสนอเรื่องการลดทุนพื่อให้บริษัทจำกัดที่แปรรูปเป็นบริษัทมหาชนฯนั้น ตามเกณฑ์เดิมนั้น บริษัทจำกัดที่มีการขอจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนกับทระทรวงพาณิชย์ จะสามารถดำเนินการลดทุน ได้หลังจากวันจดทะเบียนเป็นมหาชนกับกระทรวงพาณิชย์ 1 ปี โดยทางสมาคมโบรกเกอร์เสนอนั้นต้องการให้สามารถทำได้ทันทีที่มีการจดทะเบียนจากกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี และจะทำให้บริษัทมีการปรับโครงสร้างทางการเงินได้รวดเร็วขึ้น และมีเงินทุนเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม และยังเพื่อที่จะช่วยเหลือบริษัทต่างๆให้สามารถที่จะลดทุนเพื่อล้างความเสียหายและทำให้มีผู้ถือหุ้นมีการเพิ่มทุนเข้ามาใหม่ เพราะหากไม่สามารถลดทุนได้ ก็จะไม่สามารถเพิ่มทุนได้จากไม่มีนักลงทุนใส่เงินเข้ามา ซึ่งหากยังมีกำหนดเวลาดังกล่าวจะปรับโครงสร้างบริษัทได้ล่าช้า เช่นกรณีของTSFC ยังมีปัญหาในเรื่องการลดทุนจากติดเกณฑ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เสนอให้ยกเว้นการเก็บภาษีของผู้ลงทุนในตราสารหนี้ เพื่อให้เหมือนกับการลงทุนในหุ้นที่ไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการลงทุนในหุ้นเพื่อไม่เกิดความลำเอียง และยังเป็นการสนับสนุนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้มากขึ้น
นายจงรัก กล่าวถึงกรณีการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ว่า ในวันที่ 23 มีนาคมนี้ TSFC จะมีการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขอมติในการแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน มีการรับรองงบการเงินปี 2551 และแก้ไขข้อบังคับต่างๆ และหลังจากนั้นจะมีกระบวนการลดทุน ซึงหากรัฐมนตรีเห็นชอบข้อเสนอการลดทุนที่สมาคมโบรกเกอร์ขอฯนั้นก็จะช่วยให้TSFCมีการดำเนินการลดทุนได้ทันที และมีการเพิ่มทุน สำหรับขณะนี้มีโบรกเกอร์จะใส่เงินเพิ่มทุนขณะนี้เกือบจะครบ 150 ล้านบาทตามเป้าหมายแล้วเชื่อว่าการเพิ่มทุนจดสำเร็จเพราะหากมีโบรกเกอร์รายใดไม่ใช้สิทธิก็จะมีนักลงทุนรายใหม่มาใช้สิทธิแทน
“การเสนอลดการลดทุน เพื่อให้บริษัทจำกัดที่แปรรูปเป็นบริษัทมหาชน สามารถเพิ่มทุนต่ำกว่าพาร์ได้โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา นั้นสมาคมโบรกเกอร์ขอเป็นการทั่วไป จากภาวะที่มีปัญหาเศรษฐกิจเพื่อที่จะเอื้อให้มีการปรับโครงสร้างทุนในช่วงวิกฤตทำได้รวดเร็ว ไม่ได้ขอเรื่องนี้เพื่อTSFCเท่านั้น ” นายจงรัก กล่าว
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมโบรกเกอร์อยู่ระหว่างการติดต่อขอเข้าพบนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อนำข้อเสนอ 6 แนวทางในการพัฒนาตลาดทุน ประกอบด้วย ประเด็นแรก เสนอให้ทบทวนการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ไลเซ่นส์) 2.เสนอให้มีผู้แทนเข้าร่วมในการดำเนินการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ 3.เสนอให้ยกเว้นการเก็บภาษีของผู้ลงทุนในตราสารหนี้
4. เสนอให้ปรับลดภาษีของบริษัทจดทะเบียนให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ 5. การเสนอให้ปรับหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนให้มีความยืดหยุ่น โดยอนุญาตให้บจ. สามารถนำหุ้นที่ซื้อคืนออกขายหรือยกเลิกได้ก่อนระยะเวลา 6 เดือน และประเด็นสุดท้าย เสนอเรื่องการลดทุน เพื่อให้บจ. ที่แปรรูปเป็นบริษัทมหาชน สามารถเพิ่มทุนต่ำกว่าราคาพาร์ได้โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา
สำหรับข้อเสนอให้ทบทวนการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์นั้น ต้องการให้รัฐมนตรีพิจารณาว่าจังหวะเหมาะสมที่จะมีการเปิดเสรีหรือไม่ หลังจากที่ภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะประเก็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการ แต่เรื่องดังกล่าวจะต้องมีการหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก่อน
ขณะที่เรื่องปรับลดภาษีของบริษัทจดทะเบียนนั้น เป็นเรื่องของสมาคมบริษัทจดทะเบียนเป็นผู้พิจารณาว่าจะเสนอลดเหลือเท่าไร แต่ที่ทางสมาคมบล.เสนอนั้นเพื่อต้องการสนับสนุนงานด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน หากมีการลดภาษีบจ.จะทำให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น และทำให้บล.มีงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินมากขึ้นเช่นกัน รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มสินค้าใหม่ให้กับนักลงทุน
ส่วนเรื่องการลดทุนจดทะเบียน เพื่อให้บริษัทจำกัดที่แปรรูปเป็นมหาชนสามารถเพิ่มทุนต่ำกว่าพาร์ได้ เพื่อต้องการให้มีความยืดหยุ่นและให้บริษัทต่างๆ สามารถลดหรือเพิ่มทุนจดทะเบียนให้มีความเหมาะสมในช่วงภาวะเศรษฐกิจและภาวะตลาดหุ้นไม่ดี เช่น กรณีของบล.เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ หรือ TSFC ที่จะมีการแปลงสภาพเป็นมหาชนให้สามารถที่จดลดทุนและเพิ่มทุนได้ทันทีโดยไม่มีกำหนดเวลา
“จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เชิญกรรมการบริหาร และกรรมการโบรกเกอร์ต่างๆ และสมาคมโบรกเกอร์หารือ ในวันพุธที่ 11 มี.ค.นี้ จะเป็นการหารือถึงปัญหาอุปสรรคจากผู้ประกอบการ เพื่อหารือในการกระตุ้นให้นักลงทุนมีการเข้ามาซื้อขายหุ้นมากขึ้น ในด้านการสร้างกำลังใจ และความเชื่อมั่น ซึ่งอาจจะต้องมีการขอความร่วมมือกับทางสมาคมนักวิเคราะห์ในการออกบทวิเคราะห์แนะนำการลงทุนในหุ้นพื้นฐานจากที่ราคาหุ้นหลายบริษัทปรับตัวลดลงมากและจะเสนอให้มีการลดภาษีกำไรซื้อขายหุ้นแก่บริษัทนิติบุคคลเพื่อเพิ่มฐานนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนมากขึ้น” นายกัมปนาทกล่าว
ด้านนายจงรัก ระรวยทรง กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะระบุวันในการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังไม่มีเวลาให้เข้าพบจากมีภารกิจต่างๆ และยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถเข้าพบได้ภายในเดือนนี้หรือไม่ ซึ่งทางสมาคมโบรกเกอร์ได้มีการให้ทางสมาชิกมีการเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมข้อมูล ว่าต้องการที่จะเสนอประเด็นเพิ่มจาก 6 เรื่องเพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีการสนับสนุนการทำธุรกิจหลักทรัพย์ จากภาวะการซื้อขายที่ซบเซาภายในสัปดาห์นี้ หรือก่อนที่จะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
“สมาคมโบรกเกอร์ต้องการเสนอให้มีการทบทวนการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ว่าเหมาะสมกับภาวะตลาดหรือไม่ จากภาวะตลาดที่ซบเซานั้นจะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ แต่ขณะนี้ยังรอความเห็นเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวกับทางบริษัทสมาชิกของสมาคมโบรกเกอร์”นายจงรัก กล่าว
ทั้งนี้ในเรื่องการขอให้มีการลดภาษีบจ.เพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ เพราะตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และมาเลเซียนั้น จะมีแผนที่จะลดภาษีบจ.ซึ่งหากตลาดหุ้นไทยยังไม่มีการทบทวนอาจจะทำให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยน้อย หรือหันไปจดทะเบียนในต่างประเทศแทน รวมถึงการคิดอัตราภาษีบจ.ปัจจุบันนั้นมีการบังคับใช้มานานแล้วจึงมองว่าน่าจะมีการปรับเปลี่ยน แต่จะลดเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
สำหรับการเสนอเรื่องการลดทุนพื่อให้บริษัทจำกัดที่แปรรูปเป็นบริษัทมหาชนฯนั้น ตามเกณฑ์เดิมนั้น บริษัทจำกัดที่มีการขอจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนกับทระทรวงพาณิชย์ จะสามารถดำเนินการลดทุน ได้หลังจากวันจดทะเบียนเป็นมหาชนกับกระทรวงพาณิชย์ 1 ปี โดยทางสมาคมโบรกเกอร์เสนอนั้นต้องการให้สามารถทำได้ทันทีที่มีการจดทะเบียนจากกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี และจะทำให้บริษัทมีการปรับโครงสร้างทางการเงินได้รวดเร็วขึ้น และมีเงินทุนเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม และยังเพื่อที่จะช่วยเหลือบริษัทต่างๆให้สามารถที่จะลดทุนเพื่อล้างความเสียหายและทำให้มีผู้ถือหุ้นมีการเพิ่มทุนเข้ามาใหม่ เพราะหากไม่สามารถลดทุนได้ ก็จะไม่สามารถเพิ่มทุนได้จากไม่มีนักลงทุนใส่เงินเข้ามา ซึ่งหากยังมีกำหนดเวลาดังกล่าวจะปรับโครงสร้างบริษัทได้ล่าช้า เช่นกรณีของTSFC ยังมีปัญหาในเรื่องการลดทุนจากติดเกณฑ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เสนอให้ยกเว้นการเก็บภาษีของผู้ลงทุนในตราสารหนี้ เพื่อให้เหมือนกับการลงทุนในหุ้นที่ไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการลงทุนในหุ้นเพื่อไม่เกิดความลำเอียง และยังเป็นการสนับสนุนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้มากขึ้น
นายจงรัก กล่าวถึงกรณีการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ว่า ในวันที่ 23 มีนาคมนี้ TSFC จะมีการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขอมติในการแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน มีการรับรองงบการเงินปี 2551 และแก้ไขข้อบังคับต่างๆ และหลังจากนั้นจะมีกระบวนการลดทุน ซึงหากรัฐมนตรีเห็นชอบข้อเสนอการลดทุนที่สมาคมโบรกเกอร์ขอฯนั้นก็จะช่วยให้TSFCมีการดำเนินการลดทุนได้ทันที และมีการเพิ่มทุน สำหรับขณะนี้มีโบรกเกอร์จะใส่เงินเพิ่มทุนขณะนี้เกือบจะครบ 150 ล้านบาทตามเป้าหมายแล้วเชื่อว่าการเพิ่มทุนจดสำเร็จเพราะหากมีโบรกเกอร์รายใดไม่ใช้สิทธิก็จะมีนักลงทุนรายใหม่มาใช้สิทธิแทน
“การเสนอลดการลดทุน เพื่อให้บริษัทจำกัดที่แปรรูปเป็นบริษัทมหาชน สามารถเพิ่มทุนต่ำกว่าพาร์ได้โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา นั้นสมาคมโบรกเกอร์ขอเป็นการทั่วไป จากภาวะที่มีปัญหาเศรษฐกิจเพื่อที่จะเอื้อให้มีการปรับโครงสร้างทุนในช่วงวิกฤตทำได้รวดเร็ว ไม่ได้ขอเรื่องนี้เพื่อTSFCเท่านั้น ” นายจงรัก กล่าว