ชุมพล จี้ททท.ส่งข้อมูลอีลิทการ์ดเพิ่ม เน้นตรวจแบบละเอียด หาเหตุผลมัดให้แน่น ก่อนส่ง ครม.ยุบ-ไม่ยุบ ด้านพรศิริ เตรียมใช้เวทีเลือดตั้งกรรมการถกเครียดช่วยหาทางออกก่อนพ้นตำแหน่ง
นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอข้อมูลเชิงลึกของบริษัทไทยแลนด์พริวิเลจคาร์ด เจ้าของโครงการบัตรอีลิท เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจ โดยให้ ททท.ในฐานะผู้ถือหุ้น 100% เป็นผู้ส่งข้อมูลเข้ามา ได้แก่ ยอดสมาชิกตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน พร้อมรายชื่อสมาชิก เพื่อจะรู้ว่าแต่ละคนมีความสำคัญอย่างไร มีการซื้อสมาชิกผ่านใคร บริษัทนำรายได้มาใช้จ่ายอะไรบ้าง รวมค่าใช้จ่ายของบริษัทมีเท่าใด เป็นต้น เพื่อให้ข้อมูลมีความรัดกุมสมเหตุสมผลมากที่สุด โดยยืนยันที่จะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะปิดบริษัทหรือไม่ เพื่อนำเสนอต่อครม.เพื่อทราบพร้อมเหตุผล
ซึ่งการขอข้อมูลอย่างละเอียดนี้เพราะไม่ต้องการตัดสินใจง่ายเกินไป และรัฐบาลไม่ได้เร่งรัดการตัดสินใจ เพียงแต่ระบุว่า ให้ชี้ทางออกมาให้ชัดเจน
ทั้งนี้แหล่งข่าวจาก ททท.ระบุว่า การที่นายชุมพล ขอข้อมูลอย่างละเอียดนี้ มีความเป็นไปได้ว่าเพื่อหาเหตุผลมาประกอบการยุบบริษัท เพราะเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ต้องมีเหตุผลประกอบอย่างรอบคอบ
อย่างไรก็ตามในวันนี้(20 มี.ค.52) จะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น อีลิทการ์ด เพื่อเลือกกรรมการใหม่ 5 ตำแหน่ง มาแทนผู้ที่ครบวาระ และที่ลาออกไป เช่น นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่านางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการททท.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่จะใช้โอกาสนี้หารือกรรมการ เพื่อหาทางออกให้แก่บัตรอีลิท ก่อนที่จะหมดวาระการเป็นผู้ว่าการททท.ในสิ้นเดือนนี้ ไม่ว่าการตัดสินใจของนายชุมพล จะให้ยุบบริษัท หรือดำเนินงานต่อไป เพราะที่ผ่านมามีคำสั่งจากที่ประชุม ครม. โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไปหาข้อสรุปเรื่องอีลิทการ์ดมาเสนอโดยเร็วเพราะเห็นว่าธุรกิจมีผลขาดทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่เปิดดำเนินกิจการ
นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอข้อมูลเชิงลึกของบริษัทไทยแลนด์พริวิเลจคาร์ด เจ้าของโครงการบัตรอีลิท เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจ โดยให้ ททท.ในฐานะผู้ถือหุ้น 100% เป็นผู้ส่งข้อมูลเข้ามา ได้แก่ ยอดสมาชิกตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน พร้อมรายชื่อสมาชิก เพื่อจะรู้ว่าแต่ละคนมีความสำคัญอย่างไร มีการซื้อสมาชิกผ่านใคร บริษัทนำรายได้มาใช้จ่ายอะไรบ้าง รวมค่าใช้จ่ายของบริษัทมีเท่าใด เป็นต้น เพื่อให้ข้อมูลมีความรัดกุมสมเหตุสมผลมากที่สุด โดยยืนยันที่จะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะปิดบริษัทหรือไม่ เพื่อนำเสนอต่อครม.เพื่อทราบพร้อมเหตุผล
ซึ่งการขอข้อมูลอย่างละเอียดนี้เพราะไม่ต้องการตัดสินใจง่ายเกินไป และรัฐบาลไม่ได้เร่งรัดการตัดสินใจ เพียงแต่ระบุว่า ให้ชี้ทางออกมาให้ชัดเจน
ทั้งนี้แหล่งข่าวจาก ททท.ระบุว่า การที่นายชุมพล ขอข้อมูลอย่างละเอียดนี้ มีความเป็นไปได้ว่าเพื่อหาเหตุผลมาประกอบการยุบบริษัท เพราะเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ต้องมีเหตุผลประกอบอย่างรอบคอบ
อย่างไรก็ตามในวันนี้(20 มี.ค.52) จะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น อีลิทการ์ด เพื่อเลือกกรรมการใหม่ 5 ตำแหน่ง มาแทนผู้ที่ครบวาระ และที่ลาออกไป เช่น นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่านางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการททท.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่จะใช้โอกาสนี้หารือกรรมการ เพื่อหาทางออกให้แก่บัตรอีลิท ก่อนที่จะหมดวาระการเป็นผู้ว่าการททท.ในสิ้นเดือนนี้ ไม่ว่าการตัดสินใจของนายชุมพล จะให้ยุบบริษัท หรือดำเนินงานต่อไป เพราะที่ผ่านมามีคำสั่งจากที่ประชุม ครม. โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไปหาข้อสรุปเรื่องอีลิทการ์ดมาเสนอโดยเร็วเพราะเห็นว่าธุรกิจมีผลขาดทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่เปิดดำเนินกิจการ
