นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว วานนี้ (17 มี.ค.) ถึงการร่นวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ จากวันที่ 26-27 มี.ค.มาเป็นวันที่ 19-20 มี.ค.ว่า อยู่ที่สภาที่ผ่านมานายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯจะออกวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาเป็นเวลา 2 วัน ถ้าไม่เสร็จ จะขยายเวลาการอภิปรายหรือไม่ ไม่มีปัญหาทุกอย่างแล้วแต่สภาฯ
การร่นเวลาไม่เกี่ยวกับเกมการเมือง เป็นเรื่องของประธานสภาฯ ผมเองก็ต้องเรียนตรงๆ ว่าไม่ค่อยสะดวก เพราะต้องยกเลิกงานต่างๆ ด้วย
ส่วนที่นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็น วิปรัฐบาลระบุว่าจะงดออกเสียงโหวตให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เพราะเป็นจุดอ่อนและเป็นเป้ามากที่สุดของบรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เริ่มต้น อภิปรายกันเลย ขอให้อภิปรายและชี้แจงกันไป เมื่อถามอีกว่า ทางวิปรัฐบาลเอง มีความกังวลเรื่องนี้ จะทำความเข้าใจอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ (17มี.ค.)ในที่ประชุมพรรคใครสงสัยอะไรก็สามารถสอบถามชี้แจงได้ ทางรัฐมนตรีคงจะไปชี้แจงที่พรรคในชั้นหนึ่งก่อน และจะชี้แจงต่อที่ประชุมสภาอีกที
ผู้สื่อข่าวถามว่าการลงมติของพรรคจะเป็นไปในแนวทางเดียวกันใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีมติเรื่องนี้ เมื่อถามว่า ทางพรรคฝ่ายค้านมองว่า จะมีการใช้เงินจำนวน 7 หลัก ล๊อบบี้ฝ่ายค้านให้โหวตหนุนรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีอะไรอย่างนั้น เมื่อถามอีกว่า พอมีกระแสข่าวนี้ออกมาทำให้สอดคล้องกับสิ่งที่ส.ส.ปราจีนบุรี ทำให้ดูเหมือนสร้างราคาให้ตัวเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าแต่ละพรรคคงไปประชุมพรรคกัน ใครติดใจอะไรก็ต้องสอบถามและชี้แจงกัน และต้องไปฟังการอภิปรายในสภา ถือเป็นแนวปฏิบัติอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เวลามีการอภิปรายฯ จะมีข่าวลือเยอะ
ต่อข้อถามว่าการยกมือโหวตถือเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นไปตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ไม่มีการออกมติพรรค หากเป็นไปในทิศทาง เดียวกันก็ไม่เป็นเอกสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจการอภิปรายฯนายกษิต หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่หนักใจ เจ้าตัวเองก็ไม่หนักใจ วันนี้ตนได้สอบถามนายกษิต เจ้าตัวบอกพร้อมชี้แจงทุกอย่าง เมื่อถามว่า จะให้นายกษิต ชี้แจงในที่ประชุมพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าในพรรคมีใครสงสัยก็สอบถาม ก็ชี้แจง ส่วนต้องเขียนบทให้รัฐมนตรีในการชี้แจงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาห้ามอ่าน
สำหรับการเดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชนในจ.ชลบุรีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการอภิปรายว่าจะลงมติแล้วเสร็จทันหรือไม่
นายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลบางคนจะไม่ลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เป็นเรื่องของพรรค ไม่เป็นกังวล ส่วนที่ถูกมองว่าจะเป็นจุดอ่อนรัฐบาลนั้น ตนคิดว่าไม่มีปัญหา
นายวิทยา บูรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ประธาน วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่าพ ฤติกรรมของนายชัย ในการร่นวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ค่อยคำนึงถึงเรื่อง ระเบียบวาระเท่าที่ควร การปล่อยให้สภาถูกฝ่ายบริหาร เข้าครอบงำไม่ถูกต้อง ซึ่งตนเริ่มหวั่นวิตกและไม่มั่นใจในตัวประธานฯ เพราะเราถูกปิดกั้นในหลายอย่าง อย่างไรก็ตามขณะนี้ต่างฝ่ายต่างเตรียมการอยู่และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐบริหาราชการแผ่นดินก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน
นายวิทยา กล่าวว่า จากเดิมที่กำหนดการอภิปรายไว้ 2 วันนั้น น่าจะไม่พอ เพราะมีผู้ประสงค์จะอภิปรายเกิน 40 คน ส่วนข่าวที่ว่ามีการซื้อตัว ส.ส.ฝ่ายค้านให้โหวต หนุนรัฐบาลเป็นตัวเลข 7 หลักนั้น ความจริงมีข่าวมานานแล้ว และก็ยังมีความพยายาม จะทำกันอยู่ แต่อย่าไปพูดเลย เอาไว้ดูตอนโหวตดีกว่า
สำหรับคนที่จะรับเงินเพื่อโหวตสวนมติพรรคนั้น ถ้ายังตาไม่สว่างก็ยินดีให้ไป คนพวกนี้เป็นประเภทพวกหูหนวก ตาบอด อยากจะไปก็ไม่เป็นไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก นายวิทยุ บุรณศิริ ได้ประชุมวิปฝ่ายค้านแล้ว ได้เข้ายื่นหนังสือถึง นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ โดยมีเนื้อหาสรุปว่าการเสนอวาระการประชุมสภาฯ ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นวันที่ 19-20 มี.ค. วิปฝ่ายค้าน เห็นว่าไม่เหมาะสม จึงขอเสนอให้เพิ่มวันอภิปรายฯเป็นอย่างน้อย 3 วัน และหากไม่สะดวกก็ให้เลื่อนวันอภิปรายฯไปเป็นสัปดาห์ถัดไป
นายวิทยา กล่าวว่า การยื่นหนังสือต่อประธานสภาฯครั้งนี้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เป็นเพียงการขอเปลี่ยนแปลงจำนวนวัน จาก 2 วันคือ 19 - 20 มี.ค.เป็น 3 วันคือ 19- 21 มี.ค.แต่หากสัปดาห์นี้ นายชัย ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ ก็ขอให้เป็นสัปดาห์หน้าตามที่ท่านนายกฯ เคยพูดไว้ ทั้งนี้ประธานสภาฯ สามารถ กำหนด และเพิ่มจำนวนวันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า
ต่อมา เวลา 13.30 น.นายวิทยา บุรณศิริ พร้อมด้วยนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยผ่านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ นายกฯหารือกับนายชัย ชิดชอบ ให้กำหนดวันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามที่นายกฯ ได้แจ้งต่อสาธารณชนไว้ก่อนแล้วคือวันที่ 26-27 มี.ค.
นายสุนัย กล่าวว่า การร่นระยะเวลาการอภิปรายขึ้นมาเป็นวันที่ 19-20 มี.ค.นอกจากจะเป็นการทำขัดข้อบังคับการประชุมสภาที่เป็นการบรรจุวาระซ้อนวาระเดิมที่ได้กำหนดเอาไว้แล้วยังเป็นการขัดต่อประเพณีที่ถือปฎิบัติกันมาในสภาฯที่เมื่อจะกำหนดวาระการประชุมที่สำคัญจะต้องมาจากการหารือร่วมกันระหว่างวิปฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน นอกจากนี้ยังมีข่าวปรากฎทางสาธารณะว่าการกำหนดวันอภิปรายครั้งนี้มาจากการหารืออย่างลับๆระหว่างนายอภิสิทธิ์ นายชัย และบุคคลใกล้ชิดนายชัย ที่ไม่ได้เป็นส.ส.หวังว่าจะเอาเปรียบทางการเมืองฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานชัดเจนหรือไม่ว่ามีการหารือลับๆกันจริง นายสุนัย กล่าวว่า ตนทราบข้อมูลจากการวิเคราะห์ของสื่อมวลชน ซึ่งตนมั่นใจว่าเชื่อนักข่าวได้ เมื่อถามว่า การร่นวันขึ้นมาทำให้ฝ่ายค้านเตรียมข้อมูลไม่ทันหรือไม่ นายสุนัย ยืนยันว่าข้อมูลครบแล้ว แต่ในทางปฎิบัติก็ต้องมีการทำแผ่นซีดี เพื่อฉายพาวเวอร์พอยต์ ก็ต้องใช้เวลาไม่ใช่การอภิปรายโดยใช้เอกสารแผ่นเดียวเหมือนแต่ก่อน แต่หากรัฐบาลยังยืนยันกำหนดการเดิมก็พร้อมจะอภิปราย
ขณะที่นายวิทยา กล่าวปฎิเสธว่าการเรียกร้องให้มีการอภิปรายในวันที่ 26-27 มี.ค.ไม่ได้เป็นการเติมเชื้อไฟให้กลุ่มเสื้อแดงมีน้ำหนักในการชุมนุมแต่อย่างใด เพราะการเคลื่อนไหวของประชาชนเป็นสิทธิเสรีภาพที่จะทำได้พรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวข้อง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ขัดข้องที่วิปฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องต่อนายชัย ชิดชอบ ให้ทบทวนการกำหนดวันอภิปราย แต่เชื่อว่าประธานสภาฯคงไม่เลื่อนตามที่ฝ่ายค้านร้องขอ เพราะตนรู้นิสัยนายชัยดี เหมือนเอาลาขึ้นรถ คือถ้าเราเดินหน้ามันจะถอยหลัง แต่ถ้าเราถอยหลังมันจะเดินหน้า อีกทั้งเขาบรรจุระเบียบวาระการประชุมไปแล้ว ซึ่งที่นายชัยทำนั้นไม่ผิด เพราะไม่มีการเขียนกำหนดไว้ ถ้าประธานถามรัฐบาลแล้วรัฐบาลบอกว่าพร้อมก็บรรจุได้ แต่บังเอิญสิ่งที่นายชัยทำนั้นไม่มีใครเคยทำมาก่อน สำหรับเวลาการอภิปรายที่รัฐบาล กำหนดไว้ 2 วันนั้น ตนคิดว่าเท่านี้ก็เพียงพอที่จะอภิปรายข้อมูลต่างๆได้ครอบคลุม
ขอความกรุณารัฐบาลว่า อย่าใช้อำนาจไปบีบคั้นข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ฝ่ายค้านจะอภิปราย พฤติกรรมที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ในวันนี้และเมื่อวานขอให้หยุดเสีย อย่าใช้อิทธิพลทางการเมืองเข้ามาคุกคาม เพราะไม่แน่ใจว่า มีการดักฟังโทรศัพท์จริงหรือไม่ แต่โทรศัพท์ของผมนั้นโดนดักฟังแน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการข่มขู่คุกคามตัดตอนข้อมูลแต่เชื่อว่าข้าราชการจะไม่ยอม
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ที่สื่อพยายามตีข่าวว่าจะอภิปรายเรื่องเงินบริจาค เข้าพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งส.ส.ประชาธิปัตย์ออกมาท้าต่างๆ นานานั้น รู้หรือว่า ตนจะพูดเรื่องอะไร เก็งข้อสอบผิดหมด มันไม่ใช่เงินบริจาค แต่เป็นเงินที่ปล้นออกมา จากตลาดหลักทรัพย์ คดโกงประชาชนเอาเงินมาผลาญ ย้ำอีกครั้งว่า ถ้าตนอภิปรายไปแล้วไม่เข้าท่าก็ขอลาออกจากประธานส.ส. แต่ที่ข้องใจก็คือข่าวที่ว่าจะให้ตนเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น ตนพูดไปแล้วว่าไม่เอา ถ้าใครเสนอมาก็จะถอนตัว ขอเป็นส.ส.ธรรมดาพอแล้ว วันนี้อายุ 62 ปีแล้ว 65 ปี อาจจะเลิกเล่นการเมือง คงไม่คิดเล่นการเมืองไปจนตาย
การร่นเวลาไม่เกี่ยวกับเกมการเมือง เป็นเรื่องของประธานสภาฯ ผมเองก็ต้องเรียนตรงๆ ว่าไม่ค่อยสะดวก เพราะต้องยกเลิกงานต่างๆ ด้วย
ส่วนที่นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็น วิปรัฐบาลระบุว่าจะงดออกเสียงโหวตให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เพราะเป็นจุดอ่อนและเป็นเป้ามากที่สุดของบรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เริ่มต้น อภิปรายกันเลย ขอให้อภิปรายและชี้แจงกันไป เมื่อถามอีกว่า ทางวิปรัฐบาลเอง มีความกังวลเรื่องนี้ จะทำความเข้าใจอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ (17มี.ค.)ในที่ประชุมพรรคใครสงสัยอะไรก็สามารถสอบถามชี้แจงได้ ทางรัฐมนตรีคงจะไปชี้แจงที่พรรคในชั้นหนึ่งก่อน และจะชี้แจงต่อที่ประชุมสภาอีกที
ผู้สื่อข่าวถามว่าการลงมติของพรรคจะเป็นไปในแนวทางเดียวกันใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีมติเรื่องนี้ เมื่อถามว่า ทางพรรคฝ่ายค้านมองว่า จะมีการใช้เงินจำนวน 7 หลัก ล๊อบบี้ฝ่ายค้านให้โหวตหนุนรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีอะไรอย่างนั้น เมื่อถามอีกว่า พอมีกระแสข่าวนี้ออกมาทำให้สอดคล้องกับสิ่งที่ส.ส.ปราจีนบุรี ทำให้ดูเหมือนสร้างราคาให้ตัวเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าแต่ละพรรคคงไปประชุมพรรคกัน ใครติดใจอะไรก็ต้องสอบถามและชี้แจงกัน และต้องไปฟังการอภิปรายในสภา ถือเป็นแนวปฏิบัติอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เวลามีการอภิปรายฯ จะมีข่าวลือเยอะ
ต่อข้อถามว่าการยกมือโหวตถือเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นไปตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ไม่มีการออกมติพรรค หากเป็นไปในทิศทาง เดียวกันก็ไม่เป็นเอกสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจการอภิปรายฯนายกษิต หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่หนักใจ เจ้าตัวเองก็ไม่หนักใจ วันนี้ตนได้สอบถามนายกษิต เจ้าตัวบอกพร้อมชี้แจงทุกอย่าง เมื่อถามว่า จะให้นายกษิต ชี้แจงในที่ประชุมพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าในพรรคมีใครสงสัยก็สอบถาม ก็ชี้แจง ส่วนต้องเขียนบทให้รัฐมนตรีในการชี้แจงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาห้ามอ่าน
สำหรับการเดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชนในจ.ชลบุรีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการอภิปรายว่าจะลงมติแล้วเสร็จทันหรือไม่
นายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลบางคนจะไม่ลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เป็นเรื่องของพรรค ไม่เป็นกังวล ส่วนที่ถูกมองว่าจะเป็นจุดอ่อนรัฐบาลนั้น ตนคิดว่าไม่มีปัญหา
นายวิทยา บูรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ประธาน วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่าพ ฤติกรรมของนายชัย ในการร่นวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ค่อยคำนึงถึงเรื่อง ระเบียบวาระเท่าที่ควร การปล่อยให้สภาถูกฝ่ายบริหาร เข้าครอบงำไม่ถูกต้อง ซึ่งตนเริ่มหวั่นวิตกและไม่มั่นใจในตัวประธานฯ เพราะเราถูกปิดกั้นในหลายอย่าง อย่างไรก็ตามขณะนี้ต่างฝ่ายต่างเตรียมการอยู่และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐบริหาราชการแผ่นดินก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน
นายวิทยา กล่าวว่า จากเดิมที่กำหนดการอภิปรายไว้ 2 วันนั้น น่าจะไม่พอ เพราะมีผู้ประสงค์จะอภิปรายเกิน 40 คน ส่วนข่าวที่ว่ามีการซื้อตัว ส.ส.ฝ่ายค้านให้โหวต หนุนรัฐบาลเป็นตัวเลข 7 หลักนั้น ความจริงมีข่าวมานานแล้ว และก็ยังมีความพยายาม จะทำกันอยู่ แต่อย่าไปพูดเลย เอาไว้ดูตอนโหวตดีกว่า
สำหรับคนที่จะรับเงินเพื่อโหวตสวนมติพรรคนั้น ถ้ายังตาไม่สว่างก็ยินดีให้ไป คนพวกนี้เป็นประเภทพวกหูหนวก ตาบอด อยากจะไปก็ไม่เป็นไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก นายวิทยุ บุรณศิริ ได้ประชุมวิปฝ่ายค้านแล้ว ได้เข้ายื่นหนังสือถึง นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ โดยมีเนื้อหาสรุปว่าการเสนอวาระการประชุมสภาฯ ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นวันที่ 19-20 มี.ค. วิปฝ่ายค้าน เห็นว่าไม่เหมาะสม จึงขอเสนอให้เพิ่มวันอภิปรายฯเป็นอย่างน้อย 3 วัน และหากไม่สะดวกก็ให้เลื่อนวันอภิปรายฯไปเป็นสัปดาห์ถัดไป
นายวิทยา กล่าวว่า การยื่นหนังสือต่อประธานสภาฯครั้งนี้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เป็นเพียงการขอเปลี่ยนแปลงจำนวนวัน จาก 2 วันคือ 19 - 20 มี.ค.เป็น 3 วันคือ 19- 21 มี.ค.แต่หากสัปดาห์นี้ นายชัย ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ ก็ขอให้เป็นสัปดาห์หน้าตามที่ท่านนายกฯ เคยพูดไว้ ทั้งนี้ประธานสภาฯ สามารถ กำหนด และเพิ่มจำนวนวันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า
ต่อมา เวลา 13.30 น.นายวิทยา บุรณศิริ พร้อมด้วยนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยผ่านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ นายกฯหารือกับนายชัย ชิดชอบ ให้กำหนดวันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามที่นายกฯ ได้แจ้งต่อสาธารณชนไว้ก่อนแล้วคือวันที่ 26-27 มี.ค.
นายสุนัย กล่าวว่า การร่นระยะเวลาการอภิปรายขึ้นมาเป็นวันที่ 19-20 มี.ค.นอกจากจะเป็นการทำขัดข้อบังคับการประชุมสภาที่เป็นการบรรจุวาระซ้อนวาระเดิมที่ได้กำหนดเอาไว้แล้วยังเป็นการขัดต่อประเพณีที่ถือปฎิบัติกันมาในสภาฯที่เมื่อจะกำหนดวาระการประชุมที่สำคัญจะต้องมาจากการหารือร่วมกันระหว่างวิปฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน นอกจากนี้ยังมีข่าวปรากฎทางสาธารณะว่าการกำหนดวันอภิปรายครั้งนี้มาจากการหารืออย่างลับๆระหว่างนายอภิสิทธิ์ นายชัย และบุคคลใกล้ชิดนายชัย ที่ไม่ได้เป็นส.ส.หวังว่าจะเอาเปรียบทางการเมืองฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานชัดเจนหรือไม่ว่ามีการหารือลับๆกันจริง นายสุนัย กล่าวว่า ตนทราบข้อมูลจากการวิเคราะห์ของสื่อมวลชน ซึ่งตนมั่นใจว่าเชื่อนักข่าวได้ เมื่อถามว่า การร่นวันขึ้นมาทำให้ฝ่ายค้านเตรียมข้อมูลไม่ทันหรือไม่ นายสุนัย ยืนยันว่าข้อมูลครบแล้ว แต่ในทางปฎิบัติก็ต้องมีการทำแผ่นซีดี เพื่อฉายพาวเวอร์พอยต์ ก็ต้องใช้เวลาไม่ใช่การอภิปรายโดยใช้เอกสารแผ่นเดียวเหมือนแต่ก่อน แต่หากรัฐบาลยังยืนยันกำหนดการเดิมก็พร้อมจะอภิปราย
ขณะที่นายวิทยา กล่าวปฎิเสธว่าการเรียกร้องให้มีการอภิปรายในวันที่ 26-27 มี.ค.ไม่ได้เป็นการเติมเชื้อไฟให้กลุ่มเสื้อแดงมีน้ำหนักในการชุมนุมแต่อย่างใด เพราะการเคลื่อนไหวของประชาชนเป็นสิทธิเสรีภาพที่จะทำได้พรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวข้อง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ขัดข้องที่วิปฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องต่อนายชัย ชิดชอบ ให้ทบทวนการกำหนดวันอภิปราย แต่เชื่อว่าประธานสภาฯคงไม่เลื่อนตามที่ฝ่ายค้านร้องขอ เพราะตนรู้นิสัยนายชัยดี เหมือนเอาลาขึ้นรถ คือถ้าเราเดินหน้ามันจะถอยหลัง แต่ถ้าเราถอยหลังมันจะเดินหน้า อีกทั้งเขาบรรจุระเบียบวาระการประชุมไปแล้ว ซึ่งที่นายชัยทำนั้นไม่ผิด เพราะไม่มีการเขียนกำหนดไว้ ถ้าประธานถามรัฐบาลแล้วรัฐบาลบอกว่าพร้อมก็บรรจุได้ แต่บังเอิญสิ่งที่นายชัยทำนั้นไม่มีใครเคยทำมาก่อน สำหรับเวลาการอภิปรายที่รัฐบาล กำหนดไว้ 2 วันนั้น ตนคิดว่าเท่านี้ก็เพียงพอที่จะอภิปรายข้อมูลต่างๆได้ครอบคลุม
ขอความกรุณารัฐบาลว่า อย่าใช้อำนาจไปบีบคั้นข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ฝ่ายค้านจะอภิปราย พฤติกรรมที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ในวันนี้และเมื่อวานขอให้หยุดเสีย อย่าใช้อิทธิพลทางการเมืองเข้ามาคุกคาม เพราะไม่แน่ใจว่า มีการดักฟังโทรศัพท์จริงหรือไม่ แต่โทรศัพท์ของผมนั้นโดนดักฟังแน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการข่มขู่คุกคามตัดตอนข้อมูลแต่เชื่อว่าข้าราชการจะไม่ยอม
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ที่สื่อพยายามตีข่าวว่าจะอภิปรายเรื่องเงินบริจาค เข้าพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งส.ส.ประชาธิปัตย์ออกมาท้าต่างๆ นานานั้น รู้หรือว่า ตนจะพูดเรื่องอะไร เก็งข้อสอบผิดหมด มันไม่ใช่เงินบริจาค แต่เป็นเงินที่ปล้นออกมา จากตลาดหลักทรัพย์ คดโกงประชาชนเอาเงินมาผลาญ ย้ำอีกครั้งว่า ถ้าตนอภิปรายไปแล้วไม่เข้าท่าก็ขอลาออกจากประธานส.ส. แต่ที่ข้องใจก็คือข่าวที่ว่าจะให้ตนเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น ตนพูดไปแล้วว่าไม่เอา ถ้าใครเสนอมาก็จะถอนตัว ขอเป็นส.ส.ธรรมดาพอแล้ว วันนี้อายุ 62 ปีแล้ว 65 ปี อาจจะเลิกเล่นการเมือง คงไม่คิดเล่นการเมืองไปจนตาย