ชุมพลลั่นท่องเที่ยวไทยฟื้นใน 6 เดือน ระบุรัฐบาลมาร์คเห็นความสำคัญ เร่งคลอดมาตรการหนุนเอกชน หวังพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวเยียวยาเศรษฐกิจ ล่าสุดเอกชนท่องเที่ยวชักแถวเข้าโครงการขอสินเชื่อ ยาหอมถ้า 5,000 ล้านบาทไม่พอจะเสนอขอครม.ให้ใหม่ นายกแอตต้าแจงธุรกิจนำเที่ยวขอ 1,800 ล้านบาท
นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากมาตรการกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวที่รัฐบาลได้ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องนั้นคาดว่าจะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวได้ภายใน 6 เดือนนับจากนี้ และจะกลับสู่ภาวะปกติได้ภายในสิ้นปี จากปัจจุบันนับแต่ต้นปีเป็นต้นมาจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเฉลี่ย 20% ซึ่งเป็นไปในสัดส่วนเดียวกันกับสถานการณ์นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางลดลง 20% เช่นกัน
โดยนายชุมพล ได้กล่าวกับภาคเอกชนท่องเที่ยว ที่เข้ามารับฟังการชี้แจงโครงการช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า ปัจจัยที่เข้ามากระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีหลายปัจจัย สิ่งที่สำคัญที่สุดขณะนี้คือปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้ 3 ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบ คือ ท่องเที่ยว ลงทุน และ ส่งออก แต่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นสิ่งแรกที่จะฟื้นตัวได้เร็วที่สุด จึงให้การสนับสนุนเต็มที่
มาตรการที่เริ่มทยอยออกมาแล้ว เช่น ฟรีวีซ่า 3 เดือน ,ให้บริษัทที่จัดสัมมนาในประเทศนำมาหักค่าลดหย่อนภาษีคืนได้ 2 เท่า เป็นต้น ล่าสุดคือโครงการช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวฯวงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยรัฐจะช่วยจ่ายดอกเบี้ย 2% เป็นเวลา 2 ปีรวมวงเงิน ที่รัฐบาลจะใช้ช่วยเหลือประมาณ 114 ล้านบาท เน้นช่วยกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่เม็ดเงินลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท
อย่างในวันแรกของการชี้แจงต่อภาคเอกชนอย่างเป็นทางการถึงโครงการเงินกู้ดังกล่าว มีเอกชนท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมโครงการมารับฟังกันคึกคักกว่า 300 ราย โดยนำเอกสารมายื่นต่อสถาบันการเงินที่มาออกบูทในงานด้วย โดยจะทยอยเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการนี้ไปถึง 31 มี.ค.52 หรือจนกว่าวงเงิน 5,000 ล้านบาทจะหมด หากไม่เพียงพอจะนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.ให้พิจารณาให้วงเงินเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้เบื้องต้นภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลช่วยสร้างบรรยากาศความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาโดยเร็ว โดยให้เชิญนายกรัฐมนตรีไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ชวนเที่ยวประเทศไทย พร้อมรับประกันด้านความปลอดภัยเมื่อเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
ด้านนายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวได้ยื่นขอเข้าร่วมโครงการเงินกู้นี้ 450 ราย รวมวงเงิน 1,800 ล้านบาท ส่วนนางปวรวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ระบุว่าผู้ประกอบการธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร ที่สนใจเข้าร่วมโครงการขณะนี้มีประมาณ 20 ราย รวมวงเงิน 200 ล้านบาท ซึ่งมีหลายรายต้องการเข้าร่วมแต่ติดที่เงื่อนไขว่าต้องเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี และมียอดขาย 200 ล้านบาทต่อปี หากแก้เงื่อนไขนี้ได้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 ราย รวมเงินกว่า 500 ล้านบาท
นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากมาตรการกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวที่รัฐบาลได้ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องนั้นคาดว่าจะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวได้ภายใน 6 เดือนนับจากนี้ และจะกลับสู่ภาวะปกติได้ภายในสิ้นปี จากปัจจุบันนับแต่ต้นปีเป็นต้นมาจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเฉลี่ย 20% ซึ่งเป็นไปในสัดส่วนเดียวกันกับสถานการณ์นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางลดลง 20% เช่นกัน
โดยนายชุมพล ได้กล่าวกับภาคเอกชนท่องเที่ยว ที่เข้ามารับฟังการชี้แจงโครงการช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า ปัจจัยที่เข้ามากระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีหลายปัจจัย สิ่งที่สำคัญที่สุดขณะนี้คือปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้ 3 ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบ คือ ท่องเที่ยว ลงทุน และ ส่งออก แต่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นสิ่งแรกที่จะฟื้นตัวได้เร็วที่สุด จึงให้การสนับสนุนเต็มที่
มาตรการที่เริ่มทยอยออกมาแล้ว เช่น ฟรีวีซ่า 3 เดือน ,ให้บริษัทที่จัดสัมมนาในประเทศนำมาหักค่าลดหย่อนภาษีคืนได้ 2 เท่า เป็นต้น ล่าสุดคือโครงการช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวฯวงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยรัฐจะช่วยจ่ายดอกเบี้ย 2% เป็นเวลา 2 ปีรวมวงเงิน ที่รัฐบาลจะใช้ช่วยเหลือประมาณ 114 ล้านบาท เน้นช่วยกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่เม็ดเงินลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท
อย่างในวันแรกของการชี้แจงต่อภาคเอกชนอย่างเป็นทางการถึงโครงการเงินกู้ดังกล่าว มีเอกชนท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมโครงการมารับฟังกันคึกคักกว่า 300 ราย โดยนำเอกสารมายื่นต่อสถาบันการเงินที่มาออกบูทในงานด้วย โดยจะทยอยเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการนี้ไปถึง 31 มี.ค.52 หรือจนกว่าวงเงิน 5,000 ล้านบาทจะหมด หากไม่เพียงพอจะนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.ให้พิจารณาให้วงเงินเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้เบื้องต้นภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลช่วยสร้างบรรยากาศความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาโดยเร็ว โดยให้เชิญนายกรัฐมนตรีไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ชวนเที่ยวประเทศไทย พร้อมรับประกันด้านความปลอดภัยเมื่อเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
ด้านนายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวได้ยื่นขอเข้าร่วมโครงการเงินกู้นี้ 450 ราย รวมวงเงิน 1,800 ล้านบาท ส่วนนางปวรวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ระบุว่าผู้ประกอบการธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร ที่สนใจเข้าร่วมโครงการขณะนี้มีประมาณ 20 ราย รวมวงเงิน 200 ล้านบาท ซึ่งมีหลายรายต้องการเข้าร่วมแต่ติดที่เงื่อนไขว่าต้องเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี และมียอดขาย 200 ล้านบาทต่อปี หากแก้เงื่อนไขนี้ได้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 ราย รวมเงินกว่า 500 ล้านบาท
