ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง ธนาคารกสิกรไทย กลุ่มโฟร์ทิส และเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งถือว่าไม่เป็นกลุ่มใหม่ที่จะต้องมาทำความรู้จักกัน เพราะ ทั้ง 3 แห่ง ได้ร่วมกันทำธุรกิจประกันชีวิตมาก่อนแล้ว เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของการถือหุ้นเท่านั้นเอง โดยธนาคารกสิกรไทยได้เข้าไปลงทุนเพิ่มใน บริษัท เมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด เป็น 51 % จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่แล้วในสัดส่วน 10 % ใช้เงินในการซื้อหุ้นประมาณ 6.5-7.5 พันล้านบาท โดยจะมีการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 เมษายน 2552 และการซื้อขายหุ้นน่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2
ในการแถลงข่าวความร่วมมือนั้น นักข่าวให้ความสนใจถึงโครงสร้างของผู้ถือหุ้น ผู้บริหารและ กรรมการ ในเมืองไทยประกันชีวิต จะเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็ได้คำตอบจาก คุณประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นให้ธนาคารเป็นศูนย์กลางในการให้บริการทางการเงินที่ครบวงจร เต็มรูปแบบ ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า และมุ่งเน้นการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม ที่การขายประกันผ่านช่องทางแบงก์ เป็นธุรกิจที่เกื้อหนุนกับธนาคารมาก และมีแนวโน้มที่เติบโตสูง
ส่วนผลตอบแทนในเชิงธุรกิจนั้น จากเดิมที่ ธนาคารได้ถือหุ้นในบริษัท บริษัท เมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด ในสัดส่วน 10 % นั้น ธนาคารได้ผลตอบแทนในเชิงธุรกิจจากเมืองไทยประกันชีวิตประมาณ 7.5 % และเมื่อเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น เป็น 51 % ผลตอบแทนในเชิงธุรกิจก็เพิ่มขึ้นเป็น 39 % ถือว่าเป็นผลตอบแทนที่น่าพอใจ ส่วนโครงสร้างกรรมการและผู้บริหารน่าจะเปลี่ยนตามสัดส่วนการถือหุ้น ที่อยู่ใน โฟร์ทิสโฮลดิ้ง พอถึงคำตอบตรงนี้ คุณสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย ประกันชีวิต ขยับตัวขออนุญาตตอบน้องๆนักข่าวเอง
การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนั้น "ผมเชื่อว่า ผมยังไม่ตกงานแน่นอน" เพราะ บริษัท บริษัท เมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด ที่ถือหุ้นอยู่ใน บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต 70 % ยังคงมีสัดส่วนของตระกูลล่ำซำ อยู่ในจำนวนที่เท่ากับ โฟร์ทิส ของต่างชาติ และที่สำคัญ เมืองไทยประกันชีวิต ยังเป็นบริษัทที่เข้มแข็ง มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 3 ของธุรกิจประกัน ปี 2551 เบี้ยประกันรวม 17,243 ล้านบาท เติบโต 26 % เงินกองทุนสูง 6,510 ล้านบาท สูง 670 % ของเกณฑ์ที่กำหนด
แหม คุณป้องคะ มะจังเชื่อแล้วละค่ะว่า ไม่ตกงานแน่ ก็ผลงานที่บริหาร เมืองไทยประกันชีวิตที่เติบโตก้าวกระโดดมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่าจะก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรม มะจังเชื่อว่า ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ค่ะ
ในการแถลงข่าวความร่วมมือนั้น นักข่าวให้ความสนใจถึงโครงสร้างของผู้ถือหุ้น ผู้บริหารและ กรรมการ ในเมืองไทยประกันชีวิต จะเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็ได้คำตอบจาก คุณประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นให้ธนาคารเป็นศูนย์กลางในการให้บริการทางการเงินที่ครบวงจร เต็มรูปแบบ ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า และมุ่งเน้นการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม ที่การขายประกันผ่านช่องทางแบงก์ เป็นธุรกิจที่เกื้อหนุนกับธนาคารมาก และมีแนวโน้มที่เติบโตสูง
ส่วนผลตอบแทนในเชิงธุรกิจนั้น จากเดิมที่ ธนาคารได้ถือหุ้นในบริษัท บริษัท เมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด ในสัดส่วน 10 % นั้น ธนาคารได้ผลตอบแทนในเชิงธุรกิจจากเมืองไทยประกันชีวิตประมาณ 7.5 % และเมื่อเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น เป็น 51 % ผลตอบแทนในเชิงธุรกิจก็เพิ่มขึ้นเป็น 39 % ถือว่าเป็นผลตอบแทนที่น่าพอใจ ส่วนโครงสร้างกรรมการและผู้บริหารน่าจะเปลี่ยนตามสัดส่วนการถือหุ้น ที่อยู่ใน โฟร์ทิสโฮลดิ้ง พอถึงคำตอบตรงนี้ คุณสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย ประกันชีวิต ขยับตัวขออนุญาตตอบน้องๆนักข่าวเอง
การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนั้น "ผมเชื่อว่า ผมยังไม่ตกงานแน่นอน" เพราะ บริษัท บริษัท เมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด ที่ถือหุ้นอยู่ใน บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต 70 % ยังคงมีสัดส่วนของตระกูลล่ำซำ อยู่ในจำนวนที่เท่ากับ โฟร์ทิส ของต่างชาติ และที่สำคัญ เมืองไทยประกันชีวิต ยังเป็นบริษัทที่เข้มแข็ง มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 3 ของธุรกิจประกัน ปี 2551 เบี้ยประกันรวม 17,243 ล้านบาท เติบโต 26 % เงินกองทุนสูง 6,510 ล้านบาท สูง 670 % ของเกณฑ์ที่กำหนด
แหม คุณป้องคะ มะจังเชื่อแล้วละค่ะว่า ไม่ตกงานแน่ ก็ผลงานที่บริหาร เมืองไทยประกันชีวิตที่เติบโตก้าวกระโดดมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่าจะก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรม มะจังเชื่อว่า ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ค่ะ