xs
xsm
sm
md
lg

NVLรุกหารายได้ค่าธรรมเนียม หันขายประกัน-ซื้อหนี้เน่าบริหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดาการรายวัน - นวลีสซิ่งพลิกกลยุทธสู้วิกฤตเศรษฐกิจ รุกหันซื้อเอ็นพีแอลมาบริหาร-ขายประกัน แทนรับจำนำทะเบียนรถ ระบุขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อหนี้จากแบงก์แห่งหนึ่ง คาดเริ่มติดตามหนี้ได้ภายใน 1 เม.ย.นี้ ปลอบใจผู้ถือหุ้นยันปีนี้มีกำไรแน่ พร้อมหารือจ่ายปันผลให้

นายรัตนชัย นันทปราโมทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)(NVL) เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจรับจำนำทะเบียนรถยนต์น้อยลง และหันมาให้น้ำหนักกับการเข้าร่วมประมูลหนี้เสียมาบริหารมากขึ้น เนื่องจากพบว่าผลตอบแทนจากการเข้าไปรับบริหารหนี้ดีกว่าการรับจำนำทะเบียนรถ และในอนาคตหากบริหารหนี้ได้ดี ก็อาจจะยกเลิกธุรกิจรับจำนำทะเบียนรถยนต์ก็ได้ โดยขณะนี้บริษัทได้เตรียมเงินสด500-600 ล้านบาทในการเข้าไปรับซื้อหนี้มาบริหาร

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ดำเนินธุรกิจดังกล่าวผ่านบริษัท เบลสซิ่ง แอสเสท เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของนวลิสซิ่ง ทำหน้าที่รับจ้างบริหารหนี้ให้กับสถาบันการเงินทั่วไป แต่ในปีนี้นวลิสซิ่ง เข้ามาลงทุนเอง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกลุ่มลูกหนี้ และเตรียมทำบันทึกข้อตกลงกับธนาคารแห่งหนึ่ง คาดว่าจะเริ่มเข้าไปบริหารหนี้ดังกล่าวได้ก่อน 1 เม.ย.นี้ และบริษัทจะถือว่าธุรกิจบริหารหนี้นั้นเป็นธุรกิจหลักในปีนี้

"เราสมมุติว่าหนี้ที่ซื้อมาในราคา 20% หากตามเก็บหนี้มาได้ 40% ก็ได้กำไรแล้ว ซึ่งเราทำมาได้กว่า 1 ปีแล้วรู้ว่ายังมีศักยภาพที่ดีมากและจะทำได้อีกเยอะ และการขายประกันก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ทำได้ดี ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจนี้จะเข้ามาชดเชยรายได้จากธุรกิจเช่าซื้อที่หายไปกับรับจำนำทะเบียนรถที่แนวโน้มลดลงเพราะเศรษฐกิจไม่ดี"

นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับการขายประกันชีวิตที่ร่วมกับบริษัทกรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต โดยได้จัดโครงการ NVL LIFE ขึ้น ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก เห็นได้จากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สามารถส่งพนักงานและผู้บริหารเข้าไปอบรมและได้รับในอนุญาตตัวแทนแล้วกว่า 100 คน และมียอดขายประกันชีวิตได้เบี้ยเข้ามาแล้วกว่า 2 ล้านบาท

สำหรับในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดเบี้ยประกันไว้ที่ระดับ 30 ล้านบาท ขณะที่ในปีหน้าตั้งเป้าเบี้ยประกันไว้ที่ 50 ล้านบาท จากการที่บริษัทได้ทำสัญญาทางการตลาดกับบริษัทกรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิตเอาไว้ 2 ปี โดยช่องทางการขายนั้นจะใช้สาขาของนวเอ็กเพรส ทั้ง 350 แห่งทั่วประเทศ พร้อมกันนั้น ก็จะต้องเดินสายฝึกอบรมให้ตัวแทนนวเอ็กเพรสทั้งหมด

"ในส่วนของการขายประกันนั้น ยังไม่มีความร่วมมือใหม่ๆ เพราบริษัทได้ทำสัญญาไว้กับกรุงไทย-แอกซ่า 2 ปี นั่นหมายความว่าภายใน 2 ปีนี้นวลิสซิ่งจะต้องไม่ขายประกันให้กับบริษัทอื่น"

นายรัตนชัย กล่าวว่า ในช่วง 1-2ปีนี้ ธุรกิจลิสซิ่งต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจใหม่ เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤตที่เกิดขึ้น โดยหันมาดำเนินธุรกิจในสิ่งที่สามารถควบคุมได้ อย่างกรณีของนวลิสซิ่งถือว่าได้ปรับรูปแบบแล้ว ด้วยการหันมาให้น้ำหนักกับการซื้อหนี้มาบริหาร และขายประกันชีวิต เพื่อให้รายได้ค่าธรรมเนียมในปีนี้เพิ่มเป็น 30% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 9% ที่เหลือเป็นรายได้ดอกเบี้ย70% และในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดสินเชื่อคงค้างสิ้นปีนี้เอาไว้ที่ 2,600 ล้านบาทจากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,200 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะมีกำไรแน่นอนเพราะได้ปรับยุทธศาสตร์การทำธุรกิจใหม่ หลังจากปีที่ผ่านมาบริษัทขาดทุน 120.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญของลูกหนี้รายใหญ่บริษัท ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC จำนวน 149.1 ล้านบาท แต่หากไม่นับการสำรองความเสี่ยงดังกล่าวแล้ว บริษัทจะมีกำไรสุทธิประมาณ 16 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2550 และในวันที่ 24 เม.ย.นี้ก็จะทำการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา และจะหารือกับผู้ถือหุ้นในเรื่องการจ่ายเงินปันผลด้วย เพราะปีที่ผ่านมาขาดทุนจึงไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้
กำลังโหลดความคิดเห็น