xs
xsm
sm
md
lg

AIGขาดทุนย่อยยับ$61,700ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ (เอไอจี) วานนี้(2)แจ้งผลประกอบการไตรมาสก่อน ปรากฏว่าขาดทุนถึง 61,700 ล้านดอลลาร์ สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับภาคบรรษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถทำความตกลงขอรับความช่วยเหลือจากทางการสหรัฐฯก้อนใหม่มูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ โดยต้องทำตามเงื่อนไขหลายๆ ข้อ ซึ่งข้อหนึ่งก็คือการโอนหุ้นของ "เอไอเอ" จำนวนหนึ่งให้แก่รัฐบาลอเมริกัน

การขาดทุนประจำไตรมาสสุดท้ายปี 2008 นี้ ถือเป็นการขาดทุนต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 และทำให้ตลอดทั้งปีที่แล้ว เอไอจีขาดทุนรวม 99,290 ล้านดอลลาร์

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้อัดฉีดเงินช่วยชีวิตเอไอจีมาแล้วราว 150,000 ล้านดอลลาร์ แถลงว่า แพกเกจความช่วยเหลือครั้งใหม่ล่าสุดนี้ เป็นความพยายามที่จะไม่ให้เกิดความหายนะติดตามมา จากการล้มครืนของบริษัทประกันภัยที่เคยใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้

"เมื่อพิจารณาจากความเสี่ยงต่อระบบที่เอไอจียังคงก่อให้เกิดขึ้น ตลอดจนความเปราะบางของตลาดในเวลานี้แล้ว ถ้าหากรัฐบาลไม่ลงมือกระทำอะไรเลย ต้นทุนที่อาจเกิดขึ้น(จากการล้มของเอไอจี)ทั้งของเศรษฐกิจโดยรวม และของผู้เสียภาษี ก็จะอยู่ในระดับที่สูงอย่างยิ่งยวด" คำแถลงร่วมของสองหน่วยงานนี้ระบุ

"การเพิ่มเติมทรัพยากรเข้าไป จะช่วยทำให้บริษัทกลับมีเสถียรภาพ และในการทำเช่นนี้ก็จะช่วยทำให้ระบบการเงินกลับมีเสถียรภาพไปด้วย"

นอกเหนือจากให้ความช่วยเหลือเพิ่มอีก 30,000 ล้านดอลลาร์แล้ว แผนการกู้ชีพครั้งล่าสุดนี้ยังมีข้อตกลงปรับโครงสร้างความช่วยเหลือก้อนเดิมๆ ที่ให้แก่เอไอจี ด้วยการที่รัฐบาลจะแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธิ์ที่ได้รับจากเอไอจี เป็นการตอบแทนที่ทางการเข้าไปช่วยเหลือบริษัทในครั้งก่อนๆ หน้านี้

การแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธิ์เป็นหุ้นสามัญเช่นนี้ จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯถือหุ้นเอไอจีอยู่ 77.9% แต่จะลดภาระทางการเงินที่เอไอจีต้องจ่ายเป็นเงินปันผลในอัตราแน่นอนให้แก่หุ้นบุริมสิทธิ์ที่ทางการถืออยู่

นอกจากนั้น วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน 60,000 ล้านดอลลาร์ที่ทางการให้แก่เอไอจี จะได้รับการลดภาระหนี้ลง โดยที่เอไอจีต้องมอบหุ้นจำนวนหนึ่งของ 2 บริษัทลูก คือ อเมริกัน ไลฟ์ อินชัวรันซ์ คอมปานี (เอลิโก) และ อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวรันซ์ (เอไอเอ) ให้แก่ทางการ

ยังไม่มีรายงานรายละเอียดว่า เอไอจีจะมอบหุ้นของบริษัทลูกทั้งสองนี้ให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯเป็นจำนวนเท่าใด แต่ทั้งเอลิโก และ เอไอเอ ถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากของเอไอจี โดยที่เอลิโกเป็นบริษัทด้านประกันชีวิตในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และสามารถสร้างรายรับกว่าครึ่งหนึ่งที่เอไอจีทำได้จากญี่ปุ่น ขณะที่เอไอเอซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่ฮ่องกง ไปดำเนินกิจการด้านการประกันชีวิตใน 10 ประเทศเอเชีย โดยที่หลายๆ ตลาด เอไอเอสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้เกินครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยด้วย

เอไอจีได้เคยพยายามที่จะขายเอลิโก รวมทั้งหุ้น 49% ของเอไอเอ ทว่าไม่ประสบผลสำเร็จ สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ทำให้พวกที่คิดจะซื้อต่างประสบปัญหาของตัวเอง และภาวะสินเชื่อตึงตัว ก็ทำให้ยากที่จะระดมเงินมาสนับสนุนการซื้อกิจการใหญ่ๆ เช่นนี้

เกี่ยวกับการเข้าถือหุ้นเอไอจีและกิจการในเครือคราวนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯได้ออกคำแถลงระบุว่า "การที่ภาคสาธารณะมีกรรมสิทธิ์ในสถาบันการเงินนั้น ไม่ได้เป็นเป้าหมายทางนโยบายเลย และการที่ภาคสาธารณะจะมีกรรมสิทธิ์ขึ้นมานั้น ก็เป็นผลลัพธ์ของมาตรการของกระทรวงการคลัง ซึ่งในกรณีเอไอจีก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน กระทรวงฯจึงจะดำเนินการเพื่อให้พวกในภาคเอกชนเข้ามาแทนที่ทางรัฐบาล เพื่อสร้างกิจการทางเศรษฐกิจที่มีโฟกัสมากขึ้น มีการปรับโครงสร้างและอยู่ต่อไปได้ โดยจะสร้างขึ้นมาให้เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้"

**AIAไทยยังคงขยายธุรกิจร่วมSCIB**
นายโทมัส เจมสื ไวท์ รองประธานบริหารระดับสูงและผู้บริหารอาวุโส เอไอเอ ภูมิภาค เอเชีย เปิดเผยว่า เอไอเอได้ลงนามกับธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ในการพันธมิตรทางธุรกิจดำเนินโครงการ "สคืบ แพลททินั่ม แบงก์แอสชัวรันส์ (SCIB Platinum Bancassurance)" โดยการขายกรมธรรม์ประกันชีวิต 2 แบบ ได้แก่ SCIB PLATINUM Savings และ SCIB PLATINUM Life ผ่านสาขาธนาคารนครหลวงไทย 407 แห่ง ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของทั้งสองฝ่ายได้รับความสะดวกสบายและมีทางเลือกในการออมและการสร้างหลักประกันทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของกันและกันด้วย
สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิต 2 แบบ ได้แก่ SCIB Platinum Life Single Premium เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว โดยให้ความคุ้มครองต่อเนื่องตลอดชีพหรือถึงอายุ 99 ปี พร้อมรับเงินปันผลทุกปี เริ่มตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 2 เป็นต้นไป อัตราเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 257 บาทต่อทุนประกันภัย 1,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถแปรเป็นเงินช่วยเหลือในกรณีที่ประสบเหตุฉุกเฉิน ด้วยการกู้มูลค่าเงินสดในอัตราดอกเบี้ยปีละ 5.75% พร้อมรับสิทธิในการลดหย่อนภาษี โดยผู้ถือกรมธรรม์สามารถนำใบเสร็จรับเงินเบี้ยประกันชีวิตไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ตามที่ชำระจริงในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
และ SCIB Platinum Savings 21/7 เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ชำระเบี้ยประกันภัย 7 ปี ให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 210% ของทุนประกันภัยนาน 21 ปี นอกจากนี้ผู้ถือกรมธรรม์ยังจะได้รับผลประโยชน์คืนรายงวดปีละ 2% ของทุนประกันภัยตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 2-14 สำหรับปีกรมธรรม์ที่ 15-21 รับผลประโยชน์คืนรายงวดเพิ่มเป็น 30% ของทุนประกันภัย พร้อมรับเงินปันผลอีก 5% รวมรับผลประโยชน์ทั้งสิ้น 271% ของทุนประกัน
ทั้งนี้ การร่วมมือกับธนาคารนครหลวงไทยในครั้งนี้ ถือว่าสอดคล้องกับนโยบายของเอไอเอที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการขายประกันผ่านช่องทางอื่นที่ไม่ใช่การขายผ่านตัวแทน โดยในปีนี้เอไอเอได้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขยายผ่านช่องทางอื่นรวมถึงแบงก์แอสชัวรันส์ไว้ที่ระดับ 10% จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 5%
“ปัจจุบัน 40%ของผลผลิตเบี้ยประกันรับปีแรกของธุรกิจประกันชีวิตจะมาจากช่องทางการตลาดอื่นที่ไม่ใช่ตัวแทน การขายประกันชีวิตผ่านธนาคารนครหลวงไทย นอกจากจะช่วยอำนวยสะดวกให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการประกันชีวิตได้ง่ายขึ้น ยังเป็นการสร้างฐานลูกค้าให้แก่เอไอเอและช่วยขยายช่องทางการตลาดผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารของเอไอเอให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น”นายโทมัส ไวท์กล่าว
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า การร่วมพันธมิตรกับเอไอเอนั้น ไม่ถือว่าเป็นการดำเนินธุรกิจที่ซ้ำซ้อนกับบริษัทประกันชีวิตในเครือของธนาคารคือบริษัทประกันชีวิตนครหลวงไทย เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์คนละตัวกัน ขณะที่การเป็นพันธมิตรดังกล่าวก็จะถือจะเป็นพัฒนาบุคลากรของธนาคารด้วย เนื่องจากทางเอไอเออบรมบุคลากรก่อนที่จะขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยธนาคารได้ตั้งเป้าเบี้ยประกันจากโครงการดังกล่าวไว้ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท และตั้งเป้าเบี้ยประกันจากบริษัทประกันชีวิตนครหลวงไทยไว้ที่ 500 ล้านบาท
"การร่วมมือดังกล่าวถือว่าไม่ซ้ำซ้อนกับบริษัทประกันชีวิตของธนาคาร เพราะผลิตภัณฑ์เป็นคนละอย่างกัน แต่ที่สำคัญคือการร่วมมือกับเอไอเอครั้งนี้ จะเป็นการพัฒนาคุณภาพของพนักงานของบริษัทประกันรวมถึงพนักงานของแบงก์ไปในตัวที่จะสามารถเรียนรู้งานจากมืออาชีพอย่างเอไอเอ และธนาคารก็ยังเชื่อมั่นในฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของเอไอเอด้วย"นายชัยวัฒน์กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น