00 “หมาเชื่อง” ใช้ไม่ได้แล้วสำหรับ “เสี่ยแม้ว” ต้องบอกว่า “หมาจนตรอก” มากกว่า และถือว่าหมดฟอร์มอดีตผู้นำประเทศที่เดิมคิดทำอะไรแต่ละทีมีแต่รายการใหญ่ ระดับชาติ ระดับโลก อย่างไรก็ดีจะเป็นด้วยสาเหตุมีคน “รู้ทัน” มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในและต่างประเทศ ไม่ยอมให้หลอกได้อีกต่อไป ทำให้เหลือที่ยืนได้น้อยลง ต้องถอยร่นเข้ามาจนสุดซอยแล้วจริงๆ
00 คิดดูง่ายๆ แล้วกัน อย่างการปาฐกถา หรือขึ้นปราศรัยสมัยก่อนล้วนยิ่งใหญ่อลังการ มีแต่คนยัดทะนานซื้อตั๋วราคาเรือนพันเรือนหมื่นเข้าฟัง แต่ล่าสุดต้องมาแย่งงานโฆษกหนังเร่ โฟนอินตามงานวัด ทั้งในและต่างจังหวัด บางวันเล่นซะสองสามเวลา ส่วนเนื้อหาถ้าคนฟังที่พอมีสติปัญญาหน่อยก็จะรู้ทันทีว่า “ไอ้นี่มันเหลี่ยมจัด” โม้และโกหก อิ๊บอ๋าย !!
00 ฉายแต่หนังเก่าจนเฝือ ขนาดต้องลงโฆษณาในสื่อกันเองอย่าง “มติชนรายวัน” เต็มหน้าใน “หัวข้อวิกฤตเศรษฐกิจโลก-วิกฤตทางปัญญา” คิดจะนำเอาเทปคำพูดที่เคยโฟนลิงก์ในสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่ฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ก่อนมาออกอากาศใหม่ โดยใช้เครือข่ายสื่อโทรทัศน์ดาวเทียมของตัวเอง หวังกำไรหลายเด้ง คือให้คนได้ฟังคำพูดของตัวเองและให้รู้จักสถานีโทรทัศน์กว้างขวาง เพื่อหวังผลในการปลุกระดมงานใหญ่วันข้างหน้า
00 แต่อีกมุมหนึ่งสะท้อนว่า “มนต์แม้ว” เริ่ม"เสื่อม"ลงตามลำดับ ไม่มีเสียงฮือฮาเหมือนเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีชี้ทางออก นอกจากกล่าวร้าย “นายกฯอภิสิทธิ์” ว่าเป็นเด็กไร้ประสบการณ์ ต่างประเทศไม่เชื่อถือ แต่กลับกลายเป็นว่า นายกฯได้รับเชิญจากประเทศยักษ์ใหญ่เป็นว่าเล่น ขณะที่คนกล่าวหา กำลังถูกห้ามเข้าประเทศ
00 เนื้อหาคำพูดก็ชัดเจน แจ่มแจ้งว่า “เสี่ยเหลี่ยม” กำลังผันตัวเองลงมาเป็นหัวหน้าม็อบเสื้อแดงอย่างเต็มภาคภูมิ จากเดิมที่เราเคยเรียก “3 เกลอหัวขวด” ต่อไปก็จะมี “4 เกลอหัวขวด” เพราะต้องเพิ่มเข้าไปอีกคน หลังจากลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับ “วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ” อะไรเทือกนั้นไปแล้ว จะเป็นเพราะเล่นกันมาทุกมุก แต่ก็ยังไม่เร้าใจพอ หลังจากใช้ 3 เกลอ ออกหน้าหลายครั้งก็ไม่ได้ผล ให้เด็กๆในพรรคเพื่อไทยยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาลก็ “ขี้เท่อ” ออกทะเล กู่ไม่กลับ ดูท่าคนที่มันปากอยู่รายเดียวคือ “เป็ดเหลิม” เท่านั้น แผนปลุกระดมทั้งในและนอกสภา นอกประเทศไร้พลัง งานนี้เห็นทีจะขาดทุนย่อยยับ
00 โพลล่าสุดก็พิสูจน์ออกมาชัดว่าไม่มีใครเชื่อน้ำมนต์ และดูแนวโน้มก็ยิ่งไม่มีใคร สนใจ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเริ่มฉีกหนี หลังจากนโยบายประชานิยมเริ่มไหลถึงมือประชาชนตั้งแต่ปลายสัปดาห์นี้ ประเดิมจากเงินค่าตำรา-อุปกรณ์การเรียนก่อน จากนั้นมีเงินโครงการชุมชนพอเพียง เบี้ยยังชีพ อสม.ฯลฯ ทยอยตามมา
00 อย่างไรก็ดี แม้จะเริ่มทำแต้มตีตื้น แต่อย่าได้ “ดูเบา” เป็นอันขาด เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลก็เต็มไปด้วยบาดแผลเปิดช่องให้กระหน่ำได้ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ “เทพเทือก-ก๊วนเนวิน” เรียกได้ว่า “ของร้อน” ประจำวัน หากคิดเล่นเล่ห์คิดฉวยโอกาสช่วงชุลมุน กวาดเสี้ยนหนามให้เหี้ยนโดยไม่แยกแยะ ก็บอกได้คำเดียวว่าจะ
00 คิดดูง่ายๆ แล้วกัน อย่างการปาฐกถา หรือขึ้นปราศรัยสมัยก่อนล้วนยิ่งใหญ่อลังการ มีแต่คนยัดทะนานซื้อตั๋วราคาเรือนพันเรือนหมื่นเข้าฟัง แต่ล่าสุดต้องมาแย่งงานโฆษกหนังเร่ โฟนอินตามงานวัด ทั้งในและต่างจังหวัด บางวันเล่นซะสองสามเวลา ส่วนเนื้อหาถ้าคนฟังที่พอมีสติปัญญาหน่อยก็จะรู้ทันทีว่า “ไอ้นี่มันเหลี่ยมจัด” โม้และโกหก อิ๊บอ๋าย !!
00 ฉายแต่หนังเก่าจนเฝือ ขนาดต้องลงโฆษณาในสื่อกันเองอย่าง “มติชนรายวัน” เต็มหน้าใน “หัวข้อวิกฤตเศรษฐกิจโลก-วิกฤตทางปัญญา” คิดจะนำเอาเทปคำพูดที่เคยโฟนลิงก์ในสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่ฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ก่อนมาออกอากาศใหม่ โดยใช้เครือข่ายสื่อโทรทัศน์ดาวเทียมของตัวเอง หวังกำไรหลายเด้ง คือให้คนได้ฟังคำพูดของตัวเองและให้รู้จักสถานีโทรทัศน์กว้างขวาง เพื่อหวังผลในการปลุกระดมงานใหญ่วันข้างหน้า
00 แต่อีกมุมหนึ่งสะท้อนว่า “มนต์แม้ว” เริ่ม"เสื่อม"ลงตามลำดับ ไม่มีเสียงฮือฮาเหมือนเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีชี้ทางออก นอกจากกล่าวร้าย “นายกฯอภิสิทธิ์” ว่าเป็นเด็กไร้ประสบการณ์ ต่างประเทศไม่เชื่อถือ แต่กลับกลายเป็นว่า นายกฯได้รับเชิญจากประเทศยักษ์ใหญ่เป็นว่าเล่น ขณะที่คนกล่าวหา กำลังถูกห้ามเข้าประเทศ
00 เนื้อหาคำพูดก็ชัดเจน แจ่มแจ้งว่า “เสี่ยเหลี่ยม” กำลังผันตัวเองลงมาเป็นหัวหน้าม็อบเสื้อแดงอย่างเต็มภาคภูมิ จากเดิมที่เราเคยเรียก “3 เกลอหัวขวด” ต่อไปก็จะมี “4 เกลอหัวขวด” เพราะต้องเพิ่มเข้าไปอีกคน หลังจากลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับ “วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ” อะไรเทือกนั้นไปแล้ว จะเป็นเพราะเล่นกันมาทุกมุก แต่ก็ยังไม่เร้าใจพอ หลังจากใช้ 3 เกลอ ออกหน้าหลายครั้งก็ไม่ได้ผล ให้เด็กๆในพรรคเพื่อไทยยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาลก็ “ขี้เท่อ” ออกทะเล กู่ไม่กลับ ดูท่าคนที่มันปากอยู่รายเดียวคือ “เป็ดเหลิม” เท่านั้น แผนปลุกระดมทั้งในและนอกสภา นอกประเทศไร้พลัง งานนี้เห็นทีจะขาดทุนย่อยยับ
00 โพลล่าสุดก็พิสูจน์ออกมาชัดว่าไม่มีใครเชื่อน้ำมนต์ และดูแนวโน้มก็ยิ่งไม่มีใคร สนใจ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเริ่มฉีกหนี หลังจากนโยบายประชานิยมเริ่มไหลถึงมือประชาชนตั้งแต่ปลายสัปดาห์นี้ ประเดิมจากเงินค่าตำรา-อุปกรณ์การเรียนก่อน จากนั้นมีเงินโครงการชุมชนพอเพียง เบี้ยยังชีพ อสม.ฯลฯ ทยอยตามมา
00 อย่างไรก็ดี แม้จะเริ่มทำแต้มตีตื้น แต่อย่าได้ “ดูเบา” เป็นอันขาด เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลก็เต็มไปด้วยบาดแผลเปิดช่องให้กระหน่ำได้ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ “เทพเทือก-ก๊วนเนวิน” เรียกได้ว่า “ของร้อน” ประจำวัน หากคิดเล่นเล่ห์คิดฉวยโอกาสช่วงชุลมุน กวาดเสี้ยนหนามให้เหี้ยนโดยไม่แยกแยะ ก็บอกได้คำเดียวว่าจะ
