ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักงานตำรวจแห่งชาติมุ่งพัฒนาด่านตรวจคนเข้าเมืองให้ได้มาตรฐานสากลทำระบบเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน พัฒนาทั้งอาคารสถานที่ บุคลากรรับมือต่างชาติเข้าพื้นที่ พร้อมคัดกรองบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ ทุ่มงบกว่า 12 ล้านสร้างอาคาร สนง.ตม.ใหม่ที่ภูเก็ต
พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดอาคารที่ทำการสำนักงานด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต หลังหลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติอนุมัติงบประมาณกว่า 12 ล้านบาทสร้างใหม่ ทดแทนอาคารหลังเก่าที่มีสภาพทรุดโทรมเนื่องจากสร้างมานาน เพื่อรองรับและพัฒนาการให้บริการที่ได้มาตรฐานแก่ชาวต่างประเทศที่เข้ามาใช้บริการว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆทำให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจ เศรษฐกิจและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาจำนวนมาก และการเดินทางเข้ามาจำนวนมากของชาวต่างชาติอาจจะมีกลุ่มบุคคลแอบแฝงเข้ามาทำผิดได้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างที่ทำการด่านตรวจคนเข้าเมืองของจังหวัดภูเก็ตให้ได้มาตรฐานสากลเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว อำนวยความสะดวก และคัดกรองกลุ่มบุคคลที่แอบแฝงเข้ามา
ประกอบกับด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2471 บนที่ดินราชพัสดุ และมีสภาพทรุดโทรม ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดสรรงบประมาณก่อสร้างอาคารหลังใหม่เป็นอาคารคอนกรีต 3 ชั้นยกพื้น รูปทรงชิโนโปรตุกีสโดยใช้งบประมาณจำนวน 12,169,000 บาท และหลังจากสร้างอาคารดังกล่าวเสร็จสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ดียิ่งขึ้น และสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มาติดต่อราชการ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของงานด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ได้มาตรฐานสากล
พล.ต.อ.วิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า งานตรวจคนเข้าเมืองนั้นเป็นหนึ่งใน 6งานหลักที่เป็นนโยบายของผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็น 1 ใน 9 งานเร่งด่วน ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีนโยบายที่จะพัฒนางานตรวจคนเข้าเมืองมีทันสมัยมีมาตรฐานระดับสากลโดยเน้นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้
รวมทั้งพัฒนาด่านตรวจคนเข้าเมืองที่มีอยู่ให้มีความพร้อมทั้งอาคารสถานที่และบุคคลการ ในการป้องกันตรวจสอบคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้ามาในประเทศประเทศผ่านการตรวจสอบไม่ให้เข้ามาทำรายประเทศไทย และป้องกันการลักลอบเข้าเมือง การป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ สำหรับด่านตรวจคนเข้าเมืองนั้นเป็นด่านแรกในการคัดครองบุคคลต้องห้าม
ส่วนกรณีการเฝ้าระวังกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาก่อการร้ายหรือสร้างปัญหาในประเทศไทยนั้นได้มีการติดตามทางด้านการข่าวตลอด มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่อย่างต่อเนื่องแต่จนถึงขณะนี้ยังมีไม่กระแสข่าวเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น ขณะที่เรื่องการขึ้นบัญชีดำชาวต่างชาตินั้นมีเหมือนกันแต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจำนวนมากน้อยแค่ไหน แต่มีการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง