“เทพไท” ออกโรงโต้ปฏิเสธเป็นคนพูด “ทักษิณ” ถูกจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ เผยเป็นเพียงแค่การนำรายงานของสื่อมวลชนที่ได้มาจากแหล่งข่าวสถานทูตมาเปิดเผยเท่านั้น แต่ล่าสุดหลังจากได้ตรวจสอบกับบัวแก้วไทย พบว่าญี่ปุ่นขึ้นบัญชี “ทักษิณ” เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศแล้ว พร้อมตอกกลับหาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยต้องการตอบโต้ปกป้องนายให้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน
วันนี้(12 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โฆษกส่วนตัวนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า นายเทพไทให้ข่าวเท็จเรื่องประเทศญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา ยกเลิกวีซ่าเข้าประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้เริ่มจากสื่อมาถามตน ตนจึงไปหาข้อมูลและพบว่า ญี่ปุ่นมีระเบียบห้ามคนเข้าเมือง 14 ข้อ โดยข้อ 4 ระบุว่า บุคคลที่ต้องโทษอาญาตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ไม่ให้เข้าประเทศ และมีเอกสารจากแหล่งข่าวในกระทรวงการต่างประเทศว่า มีบุคคลระดับสูงและมีชื่อเสียงหลายคนรวมถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ถูกแบล็กลิสต์ห้ามเข้าประเทศ เอกสารนี้แม้ไม่ใช่เอกสารที่เป็นทางการ แต่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้กับทางการ
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ส่วนประเทศจีนนั้นก็มีข้อห้ามเข้าประเทศคล้ายๆกันคือ ห้ามบุคคลที่เคลื่อนไหวทางการเมืองที่อาจทำให้จีนเสียหายเข้าประเทศ ส่วนสหรัฐนั้นเอกอัคราชฑูตได้เข้าพบประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์และให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่มีการยกเลิกวีซ่าพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ อยากถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณกล้าไปสหรัฐหรือไม่ เพราะตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐอาจไม่ให้เข้าก็ได้
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้พูดว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้แบล็กลิสต์จากสหรัฐ สามารถตรวจสอบคำพูดของตนได้ ส่วนที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยปรักปรำตนว่าให้ข่าวไม่จริงนั้น เข้าใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายเขา เป็นเจ้าชีวิต แต่ขอให้ตรวจสอบก่อนออกมาตอบโต้ ตนไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะ แต่เป็นคนที่จับเด็กเลี้ยงแกะในพรรคเพื่อไทยได้หลายคนแล้ว และไม่ต้องถามหาความรับผิดชอบของนายกฯในเรื่องนี้ รวมถึงกรณี 250 ล้านบาทและกรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย เพราะนายกฯมีจุดยืนยึดหลักธรรมาภิบาล ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย เสมอหน้ากัน ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ 2 มาตรฐาน อะไรผิดก็ผิด ถูกก็ถูก
