xs
xsm
sm
md
lg

ประธานเฟดเห็น"หน่ออ่อน"ศก.ฟื้น แต่ห่วงสภาไม่ทุ่มเทแก้ระบบการเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เบน เบอร์นันกี กล่าวในการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ครั้งแรกว่า เศรษฐกิจถดถอยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของประเทศ น่าจะสิ้นสุดในปีนี้ ก่อนที่การฟื้นตัวจะเริ่มขึ้นในปีหน้า พร้อมกันนั้น เขาบอกด้วยว่า ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด อยู่ที่เรื่องฝ่ายการเมืองอาจจะไม่มีเจตนารมณ์อันจำเป็นสำหรับการแก้ไขระบบการเงินที่ขาดวิ่นเสียหายอยู่

เบอร์นันกีกล่าวกับรายการ ซิกตี้มินิตส์ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ซึ่งนำออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์(15)ว่า หน่ออ่อนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ซีบีเอสโฆษณาว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ของผู้ที่อยู่ในตำแหน่งประธานเฟดทีเดียว

การประเมินเช่นนี้ของเบอร์นันกี สอดคล้องกับน้ำเสียงของพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ออกมาพูดในช่วงใกล้ๆ กันนี้

"ตอนนี้เราอาจบอกได้ว่าเป็นสงครามเศรษฐกิจ แม้เราจะยังไม่ชนะแต่ก็สามารถสู้ศึกได้สวยงาม" คริสตินา โรเมอร์ ประธานสภาที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจทำเนียบข่าวกล่าวในระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายการ มีท เดอะ เพรส ของเอ็นบีซี

ส่วนลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส ประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติที่รายงานตรงต่อประธานาธิบดีโอบามา ก็พูดในทำนองเดียวกันนี้

โรเมอร์กล่าวด้วยว่ารัฐมนตรีคลัง ทิโมธี ไกธ์เนอร์ กำลังจะเสนอมาตรการต่างๆในการสางหนี้เสียออกจากภาคการธนาคาร "ออกมาในไม่ช้านี้"

สำหรับเบอร์นันกี เขาคาดว่าจะไม่มีธนาคารใหญ่ล้มละลายอีกแล้ว และเขาก็เรียกร้องให้พวกนักการเมืองในวอชิงตัน แสดงความเจตนารมณ์ที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ประธานเฟดบอกว่า เรื่องที่เขารู้สึกวิตกที่สุดคือ พวกสมาชิกรัฐสภาและสาธารณชนจะเลิกให้การสนับสนุนความพยายามที่จะสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบการเงินซึ่งกำลังอยู่ในอาการขาดวิ่นย่ำแย่

"ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดก็คือ เราไม่มีเจตนารมณ์ทางการเมือง" เขากล่าว "เราไม่ได้มีความมุ่งมั่นผูกพันที่จะแก้ไขปัญหานี้ และเราก็แค่ปล่อยให้มันเดินหน้าไปเรื่อยๆ เท่านั้น"

เบอร์นันกียังได้กล่าวอีกว่าโลก "เข้าใกล้" ภาวะล้มละลายทางการเงินเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก่อนที่รัฐบาลจะเข้าแทรกแซง

ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯซึ่งให้สัมภาษณ์บันทึกเทปรายการคราวนี้เอาไว้ตั้งแต่เมื่อวันพุธ(11) กล่าวอีกว่า จะต้องแก้ไขปัญหาในภาคการธนาคารให้ได้ก่อน จึงจะสามารถทำเรื่องอื่นๆ ต่อไปได้อีกมากมาย

"ตอนนี้เรากำลังเร่งมือกัน ผมคิดว่าเราจะทำให้ภาคการธนาคารมีเสถียรภาพได้ และเราจะเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายในปีนี้" เบอร์นันกีกล่าว "และจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวในปีหน้า จากนั้นทุกอย่างก็จะเร่งตัวขึ้น"

เมื่อถูกถามว่าสหรัฐฯสามารถที่จะหลุดพ้นจากการซ้ำรอยของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ของทศวรรษที่ 1930 ได้แล้วหรือยัง เบอร์นันกีกล่าวว่า "ผมคิดว่าเราพ้นจากความเสี่ยงนั้นแล้ว"

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ดีดขึ้นจากภาวะต่ำสุดในรอบ 12 ปี จากความหวังที่ว่าภาคการเงินที่ย่ำแย่ กำลังมีสัญญาณแห่งเสถียรภาพ ซึ่งในรายงานเศรษฐกิจหลายฉบับก็หยิบยกขึ้นมาพูด

"ผมก็คิดว่าหน่ออ่อนพวกนั้นเริ่มปรากฏขึ้นในตลาดหลายที่ และความเชื่อมั่นบางประการก็เริ่มกลับมาแล้ว ซึ่งจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนในแง่บวกที่จะนำเอาเศรษฐกิจของเรากลับมา" เขากล่าว

นอกจากนี้เบอร์นันกีก็ยังเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบกำกับตรวจสอบภาคการเงินการธนาคารให้เข้มข้นกว่าเดิม เพื่อแก้ไขความเสี่ยงที่มีอยู่ในระบบ โดยพฤติกรรมของสถาบันการเงินหนึ่ง ๆ ซึ่งอาจจะใหญ่เกินไปกว่าที่รัฐบาลจะปล่อยให้ล้มลงมา เขายังได้กล่าวตำหนิ "การเสี่ยงอย่างไร้สามัญสำนึก" ของอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่อย่างรุนแรง

"เรื่องนี้ทำให้ผมโมโหมาก ผมกระแทกหูโทรศัพท์หลายครั้งเมื่อคุยกับใครเรื่องเอไอจี" เบอร์นันกีกล่าว

รัฐบาลกำลังบีบให้เอไอจีขายบริษัทลูกออกไปและใช้กำไรที่ได้มาจ่ายเงินกู้ที่ได้รับจากรัฐ อันเป็นรูปแบบที่เบอร์นันกีกล่าวว่า จะนำเอามาใช้กับธนาคารขนาดใหญ่ที่ได้เงินภาษีของประชาชนไปกู้สถานการณ์อันย่ำแย่ด้วย

ตอนนี้บรรดาธนาคารต่าง ๆกำลังถูกทีมจากกระทรวงการคลังตรวจสอบเพื่อเป็นหลักประกันว่า พวกเขามีเม็ดเงินเพียงพอที่ฝ่าฟันวิกฤตการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
"พวกเขาจะไม่ล้มลงมาแน่นอน" เบอร์นันกีรับประกัน

"แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้ และเป็นเรื่องที่น่าจะจำเป็นก็คือ พยายามลดขนาดลงมาด้วยวิธีการที่ปลอดภัย" เบอร์นันกีกล่าว รวมทั้งอธิบายความพยายามที่จะเพิ่มสัดส่วนเงินกองทุนของธนาคารให้มากขึ้นและการเอาหนี้เสียออกไปด้วยความเชื่อเหลือจากรัฐบาล
กำลังโหลดความคิดเห็น