เอเจนซี - ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เบน เบอร์นันกี เมื่อวันอังคาร(3)ออกมากล่าวปกป้องความช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐฯที่ให้แก่เอไอจีที่กำลังใกล้ล้มละลายจากการขาดทุนมหาศาล โดยเขาบอกสมาชิกวุฒิสภาว่าเขาก็รู้สึกโกรธที่ต้องนำเอาเงินภาษีไปอุดรูรั่วเช่นนั้นอีก แต่ก็เห็นว่าหากเอไอจีล้มครืนลงมาจะก่อให้เกิดหายนะภัยสาหัสต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ
ในระหว่างไปให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภา เบอร์นันกีระบุว่าภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯในอนาคตก็ยังคงมัวมน สถานการณ์ในตลาดแรงงานจะย่ำแย่ลงไปอีกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นวิตกกังวลและเทขายหุ้นออกมาในช่วงสั้น ๆของการค้าระหว่างวันเมื่อวันอังคาร
ทางด้านคณะกรรมาธิการกดดันให้เบอร์นันกีประเมินความช่วยเหลือล่าสุดที่รัฐบาลเพิ่มให้แก่อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแน่ล กรุ๊ป(เอไอจี) ซึ่งเบอร์นันกีก็บอกว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แม้ว่าบริษัทจะไม่มีความรับผิดชอบในการดำเนินงานก็ตาม รัฐบาลจำเป็นต้องช่วย
"เรารู้ว่าความล้มเหลวของสถาบันการเงินขนาดใหญ่จากวิกฤตการเงินจะส่งผลหายนะต่อเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้นเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นเลย" เขาบอกต่อคณะกรรมาธิการ
เมื่อวันจันทร์(2)รัฐบาลสหรัฐฯเพิ่งให้เงินช่วยเหลืออีก 30,000 ล้านดอลลาร์แก่เอไอจี โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการช่วยชีวิตและปรับโครงสร้างบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่แห่งนี้ ซึ่งได้กลืนกินเงินภาษีอากรของประชาชนไปก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน เอไอจีก็รายงานผลขาดทุนไตรมาสสี่ของปีที่แล้วถึง 61,700 ล้านดอลลาร์ การขาดทุนส่วนใหญ่ของบริษัทนั้นมาจากการทำเครดิต ดีฟอลต์ สวอปที่ประกันมูลค่าหลักทรัพย์ที่อิงอยู่กับตราสารสินเชื่อที่อยู่อาศัย
บรรดาวุฒิสภาต่างพากันบอกประธานเฟดว่าความอดทนของประชาชนนั้นเริ่มลดน้อยลงทุกทีเพราะเงินที่รัฐบาลให้แก่บริษัทประกันแห่งนี้นั้นเป็นจำนวนมหาศาล แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะพอ ในขณะที่บริษัทเล็ก ๆรวมทั้งครอบครัวอเมริกันก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำด้วยเช่นกัน
"ตอนนี้ ธุรกิจเล็ก ๆทั่วประเทศ ซึ่งเล่นตามกติกาทุกอย่างต้องจ่ายหนี้ของตัวเองให้ตรงเวลา ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อใด ๆ ได้ เทียบกับเอไอจีซึ่งใช้เงินของรัฐเป็นว่าเล่น" วุฒิสมาชิก รอน ไวเดนแห่งเดโมแครตชี้
เบอร์นันกีกล่าวว่าความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างเอไอจีกับธนาคารทั่วโลกทำให้เชื่อได้ว่าหากบริษัทล้มลง วิกฤตจะแพร่ระบาดไปเหมือนโรคร้าย และรัฐบาลก็จะต้องทำงานหนักขึ้นอีกเพื่อแก้ไขภาวะอันตราย
"เราได้ดำเนินการไปหลายอย่างที่สามารถทำได้เพื่อที่จะยุติปัญหาในบริษัทลงโดยสิ้นเชิง เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้อีกต่อไป" เขากล่าว "และหากว่าจะมีช่วงใดในการแก้ไขเศรษฐกิจ 18 เดือนที่ผ่านมาที่ทำให้ผมโกรธอย่างมาก ก็น่าจะเป็นสถานการณ์ของเอไอจีนี่แหละ" เบอร์นันกีกล่าวและเปรียบเทียบพวกธุรกิจด้านการเงินของเอไอจีว่าทำงานเหมือนพวกเฮดจ์ฟันด์ที่เน้นความเสี่ยงสูง ๆเพื่อกำไรมหาศาลโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด
เบอร์นันกีกล่าวต่อไปอีกว่าการฟื้นฟูเสถียรภาพของภาคการเงินที่กำลังอ่อนแอเป็นสิ่งที่จะต้องบรรลุให้ถึง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถทำให้สหรัฐฯฟื้นตัวจากภาวะชะลอตัวอันลึกล้ำยาวนานได้ และรัฐบาลจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้จำนวนมหาศาลได้เลย
"เราควรจะลงมืออย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ" เขากล่าว "เพราะไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจอาจจะเข้าสู่ภาวะไม่เติบโต ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้สถานการณ์ด้านการคลังของสหรัฐฯจะย่ำแย่ลงไปเท่านั้น จะทำให้อุตสาหกรรม การจ้างงานและรายได้ของประชาชนตกต่ำไปในระยะเวลาที่เนิ่นนานขึ้นด้วย"
เบอร์นันกียังได้เตือนด้วยว่าในไม่ช้านี้ สถานการณ์ในตลาดแรงงานจะย่ำแย่ลงมากกว่าเดิมอีก เพราะธุรกิจต่าง ๆจะขายสินค้าไม่ออก ทำให้ต้องลดการผลิต ตามมาด้วยการปลดพนักงานที่จะดำเนินไปในอีกหลายเดือนข้างหน้า
ทางด้าน ดัชนีดาวโจนส์อุตสาหรรมของตลาดวอลล์สตรีท ซึ่งได้ปิดต่ำกว่า 7000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีเมื่อวันจันทร์ ได้ดิ่งลงไปอีกหลังคำพูดเบอร์นันกีต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาถูกรายงานออกมา แต่ก็ดีดขึ้นเมื่อประธานาธิบดีบารัค โอบามาออกมาพูดเกี่ยวกับโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเขาหลังจากนั้นเล็กน้อย