“บุณยเกียรติ” ชี้เศรษฐกิจไตรมาส 2 ส่งสัญญาณดีขึ้น แต่การขยายตัวยังไม่ดี ระบุ ปัจจัยบวกรัฐแจก 2,000 บาท-เทศกาลสงกรานต์วันหยุดยาว หนุนเงินสะพัดสู่ภาคธุรกิจ ยันไม่จัดโปรโมชันรองรับนโยบายภาครัฐ หวังผู้บริโภคใช้เงินที่เกิดจากความต้องการอย่างแท้จริง รุดปรับตัวด้านบริหารจัดการเร็วขึ้น สิ้นปีประคองตัวรายได้ไม่หด
นายบุณยเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มองว่าไม่ค่อยดีมากนัก ผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ขณะที่ไตรมาส 2 แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจทางภาครัฐโดยให้เงิน 2,000 บาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาท และมีวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ในภาพรวมของเศรษฐกิจก็ยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร แต่ก็เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นอย่างน้อยเงินสะพัดสู่ภาคธุรกิจ
ทั้งนี้การที่ภาครัฐออกมากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ถือว่าดีกว่าไม่ทำอะไรเลย สำหรับบริษัทไอ.ซี.ซี ไม่มีแผนจัดทำแคมเปญโปรโมชันรองรับนโยบายจากทางภาครัฐมอบเงินให้ 2,000 บาท ส่วนหนึ่งเพราะต้องการให้ผู้บริโภคเกิดการจับจ่ายซื้อสินค้าที่เกิดจากความต้องการอย่างแท้จริง มากกว่าการกระตุ้นให้เกิดดีมานด์จากผู้ประกอบการ โดยการที่บริษัทไม่ทำแคมเปญ ไม่ได้เกิดจากนโยบายของทางภาครัฐที่ไม่ชัดเจน และมองว่าในอนาคตภาครัฐคงมีนโยบายต่างๆ ออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก สำหรับประเทศไทยคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะมีสัญญาณดีขึ้นไตรมาส 3 ของปีนี้ ส่วนทิศทางของธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ในปีนี้คาดว่าอัตราการเติบโตของตลาดจะชะลอลง โดยพบว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หรือระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ยอดขายของบริษัทไม่มีอัตราการเติบโต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และทั้งปีประมาณการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัท จะไม่มีการเติบโตหรือมีรายได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
สำหรับแผนการตลาดในปีนี้ บริษัทมุ่งโฟกัสสินค้าทุกแคธิกอรี่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังปรับตัววิธีการทำงาน การทำตลาด การบริหารจัดการให้รวดเร็วขึ้น เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ควบคู่กับการเพิ่มความถี่ในการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง
นายบุณยเกียรติ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังคงมีการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการลงทุนที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ด้านการส่งออก มีบางบริษัทประสบกับปัญหาบ้าง โดยมีออเดอร์จากต่างประเทศลดลง เนื่องจากได้รับกับกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่ก็มีบางบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วด้านการส่งออกของบริษัท ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะสัดส่วนการส่งออกยังมีไม่มากนัก โดยมากเป็นการรับจ้างผลิตเป็นหลัก
สำหรับผลประกอบการปีที่ผ่านมา บริษัทเติบโต 2% ต่ำกว่าเป้าหมายซึ่งตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% ทั้งนี้ นับว่าเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 เพราะสินค้าเรือธงสร้างรายได้หลัก ได้แก่ แบรนด์วาโก้ ลาคอส แอร์โรว์ บีเอสซี การเติบโตชะลอตัวลงในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จากฐานลูกค้าจากนักท่องเที่ยวลดลง โดยสิ้นปี 2551 มีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปี 2550 มีรายได้ 1.1หมื่นล้านบาท
นายบุณยเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มองว่าไม่ค่อยดีมากนัก ผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ขณะที่ไตรมาส 2 แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจทางภาครัฐโดยให้เงิน 2,000 บาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาท และมีวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ในภาพรวมของเศรษฐกิจก็ยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร แต่ก็เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นอย่างน้อยเงินสะพัดสู่ภาคธุรกิจ
ทั้งนี้การที่ภาครัฐออกมากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ถือว่าดีกว่าไม่ทำอะไรเลย สำหรับบริษัทไอ.ซี.ซี ไม่มีแผนจัดทำแคมเปญโปรโมชันรองรับนโยบายจากทางภาครัฐมอบเงินให้ 2,000 บาท ส่วนหนึ่งเพราะต้องการให้ผู้บริโภคเกิดการจับจ่ายซื้อสินค้าที่เกิดจากความต้องการอย่างแท้จริง มากกว่าการกระตุ้นให้เกิดดีมานด์จากผู้ประกอบการ โดยการที่บริษัทไม่ทำแคมเปญ ไม่ได้เกิดจากนโยบายของทางภาครัฐที่ไม่ชัดเจน และมองว่าในอนาคตภาครัฐคงมีนโยบายต่างๆ ออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก สำหรับประเทศไทยคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะมีสัญญาณดีขึ้นไตรมาส 3 ของปีนี้ ส่วนทิศทางของธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ในปีนี้คาดว่าอัตราการเติบโตของตลาดจะชะลอลง โดยพบว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หรือระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ยอดขายของบริษัทไม่มีอัตราการเติบโต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และทั้งปีประมาณการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัท จะไม่มีการเติบโตหรือมีรายได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
สำหรับแผนการตลาดในปีนี้ บริษัทมุ่งโฟกัสสินค้าทุกแคธิกอรี่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังปรับตัววิธีการทำงาน การทำตลาด การบริหารจัดการให้รวดเร็วขึ้น เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ควบคู่กับการเพิ่มความถี่ในการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง
นายบุณยเกียรติ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังคงมีการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการลงทุนที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ด้านการส่งออก มีบางบริษัทประสบกับปัญหาบ้าง โดยมีออเดอร์จากต่างประเทศลดลง เนื่องจากได้รับกับกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่ก็มีบางบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วด้านการส่งออกของบริษัท ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะสัดส่วนการส่งออกยังมีไม่มากนัก โดยมากเป็นการรับจ้างผลิตเป็นหลัก
สำหรับผลประกอบการปีที่ผ่านมา บริษัทเติบโต 2% ต่ำกว่าเป้าหมายซึ่งตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% ทั้งนี้ นับว่าเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 เพราะสินค้าเรือธงสร้างรายได้หลัก ได้แก่ แบรนด์วาโก้ ลาคอส แอร์โรว์ บีเอสซี การเติบโตชะลอตัวลงในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จากฐานลูกค้าจากนักท่องเที่ยวลดลง โดยสิ้นปี 2551 มีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปี 2550 มีรายได้ 1.1หมื่นล้านบาท
