คนไทยแห่เที่ยวนอกพุ่งรับวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ ระบุเดสติเนชั่นยอดฮิต ยังเกาะติดระยะใกล้ย่านเอเชีย คาดทั้งปียอดตกเพียง 15% แต่ด้านรายได้หดเกือบ 25% เหตุผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์ราคาจูงใจ ทีทีเอเอเผย คนไทยปรับตัวหลังกระเป๋าแฟบ ชอปปิ้งลดลง เป็นเหตุทัวร์ต้องพลิกเป็นเพิ่มโปรแกรมนำเที่ยวมากขึ้น
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดยาว มีจำนวนคนไทยจองแพกเกจทัวร์ไปเที่ยวจำนวนมาก เกือบเต็ม 100% โดยเดสติเนชั่นยอดนิยม ๆ ยังคงเป็นระยะทางใกล้ๆ เช่น ฮ่องกง พม่า บาหลี สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี และ มาเลเซีย จากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่า กำลังซื้อของตลาดคนไทยช่วงไตรมาส 4 ในการเดินทางไปเที่ยวต่างวประเทศเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
จากสถานการร์ที่ดีขึ้น ทำให้คาดว่า ตลอดทั้งปี คนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจะติดลบจากปีก่อนเพียง 15 % โดยมีรายได้เข้าบริษัทนำเที่ยวเฉพาะที่ทำทัวร์ออกไปต่างประเทศ(เอาต์บาวนด์) ราว 200,000 ล้านบาท ลดลง เกือบ 25% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 250,000 ล้านบาท สาเหตุที่รายได้ลดลงมากกว่าจะนวน เป็นเพราะ บริษัททัวร์ต่างจัดแคมเปญแพเกจทัวร์ราคาประหยัดเสนอขายแก่นักท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดให้ลูกค้ามาใช้บริการ
“การที่คนไทยเริ่มเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้นก็เพราะ ความมั่นใจเริ่มกลับคืนมา จึงเริ่มมาจับจ่ายเพื่อการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ หลังจากที่อัดอั้นกันมานานเกือบปี ตอนนี้เศรษบกิจทุกอย่างเริ่มดีขึ้น การเมืองก็เริ่มทรงตัว ประกอบกับช่วงปีใหม่มีวันหยุดยาวติดต่อกัน แพกเกจทัวร์ก็ราคาไม่แพง เหมาะกับการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งช่วงนี้องค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวของหลายๆประเทศต่างก็จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ”
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทัวร์ภายในประเทศหรือโดเมสติก ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ หลายจังหวัดอย่างภาคเหนือ และ พื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น เริ่มมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปจำนวนมากขึ้น เพื่อไปสัมผัสอากาศหนาว เช่น แหล่งท่องเที่ยวตามยอดดอย และภูเขาสูง ต่างๆ ทางภาคเหนือ และ เขาใหญ่ นครราชสีมา โดยมีรายงานว่าอัตราเข้าพักช่วงปีใหม่ มียอดจองเกือบเต็ม100%
นายเจริญ กล่าวอีกว่า ล่าสุด บริษัทนำเที่ยวมีการปรับเปลี่ยนโปรแกรมนำเที่ยวไปต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคซึ่งมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป กล่าวคือ ลดโปรแกรมการชอปปิ้งให้น้อยลง แต่ไปเพิ่มเวลาให้กับการเที่ยวชมความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวให้มากขึ้น ทั้งนี้เพราะปัจจุบัน การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย มีปริมาณการชอปปิ้งที่ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดยาว มีจำนวนคนไทยจองแพกเกจทัวร์ไปเที่ยวจำนวนมาก เกือบเต็ม 100% โดยเดสติเนชั่นยอดนิยม ๆ ยังคงเป็นระยะทางใกล้ๆ เช่น ฮ่องกง พม่า บาหลี สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี และ มาเลเซีย จากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่า กำลังซื้อของตลาดคนไทยช่วงไตรมาส 4 ในการเดินทางไปเที่ยวต่างวประเทศเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
จากสถานการร์ที่ดีขึ้น ทำให้คาดว่า ตลอดทั้งปี คนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจะติดลบจากปีก่อนเพียง 15 % โดยมีรายได้เข้าบริษัทนำเที่ยวเฉพาะที่ทำทัวร์ออกไปต่างประเทศ(เอาต์บาวนด์) ราว 200,000 ล้านบาท ลดลง เกือบ 25% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 250,000 ล้านบาท สาเหตุที่รายได้ลดลงมากกว่าจะนวน เป็นเพราะ บริษัททัวร์ต่างจัดแคมเปญแพเกจทัวร์ราคาประหยัดเสนอขายแก่นักท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดให้ลูกค้ามาใช้บริการ
“การที่คนไทยเริ่มเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้นก็เพราะ ความมั่นใจเริ่มกลับคืนมา จึงเริ่มมาจับจ่ายเพื่อการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ หลังจากที่อัดอั้นกันมานานเกือบปี ตอนนี้เศรษบกิจทุกอย่างเริ่มดีขึ้น การเมืองก็เริ่มทรงตัว ประกอบกับช่วงปีใหม่มีวันหยุดยาวติดต่อกัน แพกเกจทัวร์ก็ราคาไม่แพง เหมาะกับการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งช่วงนี้องค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวของหลายๆประเทศต่างก็จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ”
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทัวร์ภายในประเทศหรือโดเมสติก ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ หลายจังหวัดอย่างภาคเหนือ และ พื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น เริ่มมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปจำนวนมากขึ้น เพื่อไปสัมผัสอากาศหนาว เช่น แหล่งท่องเที่ยวตามยอดดอย และภูเขาสูง ต่างๆ ทางภาคเหนือ และ เขาใหญ่ นครราชสีมา โดยมีรายงานว่าอัตราเข้าพักช่วงปีใหม่ มียอดจองเกือบเต็ม100%
นายเจริญ กล่าวอีกว่า ล่าสุด บริษัทนำเที่ยวมีการปรับเปลี่ยนโปรแกรมนำเที่ยวไปต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคซึ่งมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป กล่าวคือ ลดโปรแกรมการชอปปิ้งให้น้อยลง แต่ไปเพิ่มเวลาให้กับการเที่ยวชมความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวให้มากขึ้น ทั้งนี้เพราะปัจจุบัน การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย มีปริมาณการชอปปิ้งที่ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
