xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คจับไก่โสภณ600ล้านปัดปชป.รับเงินคิงพาวเวอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - นายกฯ ยังขี่ม้าเลียบค่าย ไม่กล้าชี้ขาดการบินไทย ล่าสุดจับผิด รมว.คมนาคมปลอมตัวเลขขาดทุน 600 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ของจริงแค่ 200 ล้านบาท ย้ำขีดเส้นตาย 2 สัปดาห์ คมนาคมต้องมีคำตอบดอนเมืองทำอะไรหลังโยกใช้สนามบินเดียว ป้องคนประชาธิปัตย์ไม่ได้รับเงินคิงพาวเวอร์ ขณะที่สหภาพฯ การบินไทยพบ”พิชัย” ช่วยเจรจาฝ่ายบริหาร “แจ่มศรี”แฉฝ่ายบริหารปกปิดข้อมูล บินดอนเมืองมีกำไร เผยรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท รายจ่าย 600 ล้านบาท ด้าน “โสภณ” โดนกระทู้ในสภาจนมึน บอกล้มสุวรรณภูมิเฟส 2

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนในการ ย้ายสนามบินของบริษัทการบินไทยว่า จากพูดคุยกันในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ เห็นว่าการตัดสินใจต้องเป็นการตัดสินใจของบริษัท ซึ่งได้ให้ข้อสังเกตุไปและได้สอบถาม นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ซึ่งได้อธิบายการตัดสินใจของบริษัทก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามวันนี้ จะมีการตอบคำถามเรื่องนี้ทางกระทู้สดของรัฐสภาต้องไปตอบให้ชัดเจน
สำหรับนโยบายของรัฐบาลขณะนี้ถ้าการบินไทยจะตัดสินใจย้ายไปสุวรรณภูมิ ทางสายการบินอื่นๆ ที่ใช้สนามบินดอนเมืองก็ยังใช้อยู่ และทราบว่ามีความเป็นไปด้วยซ้ำที่จะขยายสนามบินดอนเมืองแต่อยู่ที่ความพร้อม เพราะฉะนั้นนโยบายรัฐบาลดูเรื่องสนามบิน ขณะเดียวกันได้ให้ข้อสังเกตกับการบินไทย ว่า การตัดสินใจถ้านโยบายสนามบินยังไม่เรียบร้อย ถ้าทำแล้ว ฝืนความรู้สึกลูกค้าตนเองโดยเฉพาะลูกค้าคนไทย หากทำแล้วต้องเปลี่ยนโครงสร้าง การบริหารอยู่ดี มีคำถามมากซึ่งหากการบินไทยยืนยันก็ต้องตอบให้ได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงต่อไปถึงนโยบายการใช้สนามบินเดียวหรือไม่นั้น จะให้มีการเอาข้อมูลมาพิจารณา เพราะวานนี้(11มี.ค.)ได้สอบถามข้อมูลกันตัวเลขยังไม่ชัดเจน
เมื่อถามว่านายโสภณให้สัมภาษณ์ว่าเห็นด้วยกับการให้บริษัทการบินไทย ย้ายไปทำการที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพียงแห่งเดียวเป็นการงัดข้อกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอก เข้าใจว่าถูกถามว่าครม.คัดค้านหรือไม่ ซึ่งนายโสภณก็ตอบว่า ครม.ไม่ได้คัดค้านมีประเด็นที่หยิบยกมาพูดกันและให้เป็นเรื่องการตัดสินใจของการบินไทย
ต่อข้อถามว่าสรุปว่ามีมติให้ย้ายการบินไทยในวันที่ 29 มี.ค. ข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มติของการบินไทยเป็นอย่างนั้น แล้วก็ทำตาราง การบิน ข้อห่วงใยมีอยู่ว่า ถ้าเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจจะกระทบต่อลูกค้าที่จองตั๋วตามตารางการบินใหม่แล้วหรือไม่ ซึ่งวันที่ 29 มี.ค.เป็นการตัดสินใจของการบินไทย

***ตัวเลขสนามบินรองรับผู้โดยสารไม่ชัด
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูตัวเลข เมื่อวานที่ซักไซ้ไล่เรียงกันคือ ฝ่ายที่สนับสนุนว่าจะให้เป็นสนามบินเดียว เมื่อถูกซักถามตัวเลขมั่นใจหรือไม่ว่า ถ้าไปสนามบินเดียวแล้วจะไม่กลับมาใช้ สนามบินดอนเมือง ตัวเลขไม่ชัด อย่างที่ตนเรียนว่า ถูกสร้างขึ้นมารองรับ 45 ล้านบาท วันนี้เกินกว่า 40 ล้านแล้วในภาวะที่เศรษฐกิจผิดปกติ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นเชื่อเลยว่า ใกล้ หรืออาจจะเกิน 45 ล้านบาท ตนถามว่า ขยายทันหรือไม่ และมีประเด็นในเชิง เศรษฐกิจในภาพรวมซึ่งเรามีสินทรัพย์ของสนามบินดอนเมืองอยู่แล้ว ในภาวะอย่างนี้ สมควรที่จะใช้สินทรัพย์ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์อย่างไร  เมื่อวานนี้การชี้แจงเขามุ่งไปที่ ตัวสายการบิน ซึ่งเราบอกว่า จริงๆ สายการบินน่าจะดูเรื่องนโยบายสนามบินก่อน บังเอิญตอนที่การบินไทยมาในปี 50 มาโดยสมัครใจรัฐบาลในขณะนั้นเพียงแต่บอกว่า เปิดสนามบินดอนเมืองใครอยากมาก็มา การบินไทยก็มาโดยสมัครใจ และวันนี้เขาก็บอกว่าสมัครใจที่จะย้ายออกไป
อย่างไรก็ตามถ้าทำข้อมูลมาสมบูรณ์ ก็ตัดสินใจได้ ซึ่งเราได้ขอข้อมูลไปแล้ว ให้เวลากระทรวงคมนาคม 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ รัฐบาลต้องใช้ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ แต่สิ่งที่ได้มาเรายังไม่พอใจ กับข้อมูลที่ได้รับมาเมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) เพราะยังไม่เพียงพอในหลายๆ เรื่อง จึงขอให้ไปทำมาให้ชัดเจน ทั้งเรื่องการรองรับแผนการการขยาย การประมาณการณ์ ผลกระทบเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันถ้าบอกว่าจะใช้สนามบินเดียว ต้องมีคำตอบพร้อมๆ กันไปว่า สนามบินดอนเมืองจะใช้ทำอะไร ซึ่งตรงนี้ยังไม่มี เมื่อถามไปก็บอกว่าไม่มีแผน ยังไม่มีความชัดเจน และทางกระทรวงคมนาคมยังทำงานภายใต้สมมติฐานที่จะผลักดันเป็นสนามบินเดียวโดยความเข้าใจว่า การมีสนามบินเดียวจะเป็นการสนับสนุนศูนย์กลางการบิน ซึ่งในครม.เศรษฐกิจ มีหลายท่านให้ข้อสังเกตว่าแนวคิดการให้เป็นศูนย์กลางการบิน กับแนวคิด การใช้สนามบินเดียวมันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน หลายเมืองในขณะนี้ยุคหลังทำตัวเป็นศูนย์กลางโดยมีมากกว่า 1 สนามบิน ฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นข้อสังเกตที่ให้นำกลับไปพิจารณาด้วย อย่าไปบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกัน

***"อภิสิทธิ์" ปฏิเสธรับเงินคิงเพาเวอร์ฯ
ต่อข้อถามว่าทำไมรัฐบาลอยู่ภายใต้การบินไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ย้ำไปว่ารัฐบาลต้องดูภาพใหญ่ก่อนและให้ผู้ประกอบการตัดสินใจ ภายใต้กติกา ที่รัฐบาลกำหนดนโยบายมากกว่าที่จะให้เขาตัดสินใจไปโดยที่คิดว่าตัดสินใจแล้ว มีผลต่อนโยบาย เมื่อถามว่า การตัดสินใจของกระทรวงคมนาคมอาจจะเอื้อประโยชน์ให้คิงพาวเวอร์ หรือโลคอสแอร์ไลน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวานก็ได้ตั้งข้อสังเกต เพราะมีการตั้งคำถามเรื่องเหล่านี้ ฉะนั้นคนตัดสินใจต้องชี้แจงให้ได้ว่า ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะอะไร  
ข้อสังเกตทั้งหลายเราก็ให้ไป เพราะถือว่าในส่วนของการบินไทยเป็นการตัดสินใจเชิงธุรกิจโดยอ้างว่า ทำแบบนี้เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งอ้างมา 600 ล้าน แต่เมื่อดูตัวเลขไม่คิดว่าเป็น 600 ล้าน เพราะที่ลดจริงๆ ชัดๆ ประมาณ 200 กว่าล้าน คำถามคือ ถ้าเราบอกเขาว่า เขาขอลดต้นทุน 200ล้าน แล้วเราไม่ลดต้นทุนให้มันก็แปลกอยู่ แต่เราต้องบอกว่า 200 ล้าน ต้องไปชั่งน้ำหนักกับอีกด้านหนึ่ง และจริงๆ 200 ล้าน คงไม่ใช่ ตัวหลักในการปรับโครงสร้างหรือฟื้นฟู ซึ่งต้องเกิดขึ้นในเดือนเม.ย.นี้อีก นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นเรื่องแปลกหรือไม่ตัวเลขจริงแค่ 200 ล้าน แต่กลับนำเสนอ 600 ล้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเขาอ้างเรื่องบุคลากรเราก็จี้ลงไปว่าใช่หรือเปล่าเพราะถ้าลดตรงนี้ แล้วปรับไปตรงนั้นก็ต้องมีค่าใช้จ่ายต้องหักลบกลบกัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธที่มีกระแสว่าคิงเพาเวอร์ให้เงินกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่มี ตนยังถูกหักเงินเดือนอยู่ เรื่องนี้ไม่ทราบ แต่เรามีหน้าที่ในการชี้แจงและยอมรับการตรวจสอบจากทุกฝ่าย เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างคิงพาวเวอร์ กับพรรคประชาธิปัตย์ มีความเป็นพิเศษอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นเรื่องปกติ เขาทำธุรกิจเราเป็นนักการเมือง แนวทางพรรคก็ชัดเจนในเรื่องนี้

***"สว.สมชาย" ตั้งกระทู้ถามด่วน
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า ได้ยื่นกระทู้ถามด่วนต่อนายกรัฐมนตรี กรณีนโยบายในการบริหารท่าอากาศยานเดียว (ซิงเกิล แอร์พอร์ต) โดยใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นหลัก และให้สายการบินต่างๆ ย้ายออกจากสนามบินดอนเมืองในวันที่ 29 มีนาคมนี้ แต่ขณะนี้ยังมีปัญหาหลายประการทั้งความไม่พร้อมของสนามบิน ความแออัด แอร์พอร์ต ลิ้งค์ ซึ่งยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ในขณะที่สนามบินดอนเมืองยังมีความพร้อมได้ดี จึงมีข้อสงสัย 3 ประการ คือ 1.การที่รัฐบาลมีนโยบายการบริหารท่าอากาศยานเดียว โดยการย้ายจากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งที่ยังไม่มีความพร้อม จะมีข้อครหาว่าเพื่อสร้างความชอบธรรมในการนำไปเป็นเงื่อนไขให้กับการดำเนินการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิขั้นที่สองหรือไม่2.ปัญหาความไม่พร้อมของสนามบินสุวรรณภูมิได้มีการแก้ไขอย่างไร ขณะที่มีผู้ร้องเรียนว่า รถเข็นสัมภาระภายในสนามบิน ซึ่งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด ทำสัญญาจ้าง บริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวด์ เซอร์วิสเซส (แท็กส์) ในการให้บริการรถเข็นสัมภาระ 9,034 คัน ในอัตราเดือนละ 6.3 ล้านบาท ทั้งนี้มีรถเข็นหายไปถึง 6 พันคัน และไม่มีการแก้ไขปรับปรุงจนมีผู้โดยสารได้รับความเดือดร้อนจากภาวะดังกล่าว เหตุใดจึงไม่มีการแก้ไขเรื่องนี้ 3.การที่มีนโยบายให้ บริษัท การบินไทย จำกัด ย้ายกลับไปที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด โดยอ้างว่าสามารถลดภาระค่าใช้จ่าย เป็นเงินปีละ 640 ล้านบาทนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และอยากทราบว่ารัฐมีทิศทางในการแก้ปัญหาการขาดทุนสายการบินแห่งชาติได้อย่างไร
นอกจากนี้ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการตั้งกระทู้ถามสด นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ถึงผลกระทบจากการใช้นโยบายสนามบินเดียว โดยนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า ที่ผ่านมาการใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองควบคู่กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ช่วยบรรเทาผลกระทบ โดยเฉพาะความคับคั่งของรันเวย์ เนื่องจากที่ผ่านมารันเวย์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเคยมีปัญหา และต้องปิดซ่อม เคยมีความเห็นจากองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ว่า ควรใช้สนามบินทั้ง 2 แห่งควบคู่กัน เพราะหากใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว อาจทำให้ในอนาคตต้องมีการสร้างรันเวย์เพิ่มเติมอีก ไม่น้อยกว่า 4 รันเวย์ และอาจต้องมีการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติมอีกกว่า 9,000 ไร่
นายโสภณตอบกระทู้ด้วยตัวเอง ยืนยันว่า แนวคิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพียงสนามบินเดียว โดยเฉพาะกรณีของบริษัท การบินไทย ) ไม่ใช่แนวคิดของกระทรวงคมนาคม แต่เป็นข้อเสนอของคณะทำงานการบินไทยเอง ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในภาวะที่การบินไทยประสบวิกฤติทางสภาพคล่อง และจากการสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็เห็นด้วย จึงนำไปสู่การตัดสินใจ นโยบายสนามบินเดียว ซึ่งไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนบางแห่ง แต่ยอมรับว่า ข้อเท็จจริงปัจจุบันท่าอากาศยานดอนเมืองใช้รองรับผู้โดยสารในประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่พบผู้โดยสารในประเทศนิยมเข้าไปซื้อของในร้านค้าปลอดภาษีจริง

***แถมมึน! บอกล้มสุวรรณภูมิเฟส 2
นายโสภณกล่าวว่า การลงทุนก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 (เฟส 2) ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในแผนแล้ว เนื่องจากการดำเนินการ ดังกล่าวสร้างภาระทางด้านการลงทุนมากเกินไป ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ แต่จะมีการดำเนินการเพียงการก่อสร้างเพียงรันเวย์เส้นที่ 3 และอาคารผู้โดยสารในประเทศ ที่มีมูลค่าโครงการประมาณ 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 3 ปีก็สามารถเปิดให้บริการได้

***สหภาพฯ บินไทยพเดินสายแจงค้าน
นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัทการบินไทย กล่าวว่า สหภาพฯ ได้เข้าพบนายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการบริษัทฯและประธานคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูธุรกิจบริษัทฯเพื่อชี้แจงเหตุผลในการคัดค้านการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศของการบินไทยจากสนามบินดอนเมืองไปปฎิบัติการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 29 มี.ค.52 นี้ เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อการบินไทยแน่นอน เพราะสนามบินสุวรรณภูมิยังปรับปรุงไม่เรียบร้อยและแผนการขยายเฟส 2 ยังไม่ชัดเจน และเห็นว่า การบินไทยควรรอนโยบายเรื่องสนามบินเดียว (Single Airport) จากรัฐบาลก่อน
นางแจ่มศรีกล่าวว่า การย้ายเที่ยวบินเป็นเรื่องของบริษัทการบินไทยแต่การตัดสินใจดำเนินการใดๆ ต้องพิจารณาเรื่องอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น นโยบายสนามบินเดียว เรื่องสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airline) การขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน และเรื่องการย้ายเที่ยวบินไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่บริษัทควรทำแล้วจะช่วยลดค่าใช้จ่าย เพราะมีเรื่องอื่นที่ฝ่ายบริหารควรทำและสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่านี้ นอกจากนี้ ควรรอผู้บริหารคนใหม่มาร่วมพิจารณาด้วย จะเหมาะสมกว่า
สำหรับรายได้ รายจ่ายและจำนวนผู้โดยสารในการให้บริการที่สนามบินดอนเมืองนั้น นางแจ่มศรีกล่าวว่า มีการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน โดยเฉพาะรายได้ในปี 2551 ในส่วนของการขายตั๋วมีรายได้รวม 473.305 ล้านบาทหรือเฉลี่ยเดือนละ 40 ล้านบาท (เฉพาะผู้โดยสารซื้อตรงกับการบินไทยไม่รวมผ่านเอเย่นต์) รายได้จากครัวการบินประมาณ 480 ล้านบาท หรือเดือนละ 40 ล้านบาท คาร์โก้ประมาณ 60 ล้านบาท หรือ 5 ล้านบาทต่อเดือน และฝ่ายช่างประมาณ 18-20 ล้านบาท หรือเดือนละเกือบ 2 ล้านบาท รวมแล้ว กว่า 1,000 ล้านบาท ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายประมาณ 600 ล้านบาทเศษเท่านั้น แต่ทั้ง รมว.คมนาคมและผู้บริหารกลับพูดถึงแต่รายจ่ายเพื่อให้ดูว่าที่ดอนเมืองเลวร้าย
นอกจากนี้การขาดทุนกว่า 2หมื่นล้านบาทในปี 2551 นั้น นางแจ่มศรีกล่าวว่า เป็นผลมาจากการบริหารงานที่ผิดพลาด และการปฎิบัติการบินที่สนามบินดอนเมืองไม่ได้ทำให้บริษัทขาดทุนแต่อยางใด โดยทั้ง 23 เที่ยวบินต่อวันของการบินไทยที่ดอนเมืองมีจำนวนผู้โดยสารหรือCabin Factor กว่า 90% ทั้งสิ้น และไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับที่สุวรรณภูมิได้เพราะผู้โดยสารดอนเมืองเป็นในประเทศล้วนๆ แต่ที่สุวรรณภูมิมีผู้โดยสารต่อเครื่องด้วย ซึ่งภาพรวมศักยภาพที่ดอนเมืองดีกว่า
รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (12 มี.ค.) คณะกรรมการบริหารนโยบาย (executive meeting management : EMM) ได้ประชุมและยืนยันการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศของการบินไทยจากสนามบินดอนเมืองไปปฏบัติการบินที่สนามบินดอนเมืองในวันที่ 29 มี.ค. 2552.
กำลังโหลดความคิดเห็น