xs
xsm
sm
md
lg

แพรนด้าฯชี้ยอดขายโตติดลบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - แพรนด้าฯปรับเป้ายอดขายปีนี้โตติดลบเพิ่มเป็น 10%จากเดิมลบ 5% เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกสูง ทำให้ลูกค้าหันไปสั่งซื้อเครื่องประดับที่ทำจากเนื้อเงินแทน มั่นใจคงอัตรากำไรขั้นต้นไว้เท่าเดิม ชี้ปีนี้ราคาทองคำสูงกว่าปีก่อน 12% ขณะที่เนื้อเงินลดลง 16%

นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ ประธานการเงินกลุ่มบริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯปรับเป้าหมายยอดขายใหม่จากเดิมขยายตัวติดลบ 5% เพิ่มเป็นติดลบ 10 %จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 4,030 ล้านบาท เนื่องจากวิกฤติการเงินโลกทำให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อเครื่องประดับที่ทำจากทองคำโดยหันมาซื้อเครื่องประดับเงินแทน โดยจำนวนผลิตไม่ได้ลดลง ทำให้บริษัทฯยังคงอัตรากำไรขั้นต้นไว้เท่าเดิม 32% และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8-9%ของรายได้รวม
โดยปีนี้ราคาทองคำยังสูงเฉลี่ย 978 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12% ขณะที่เนื้อเงินปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 12.6 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ลดลง 16%
“ในปีนี้บริษัทดูแลบริหารอัตราแลกเปลี่ยนให้เข้มข้นขึ้น มั่นใจว่าจะไม่มีตัวเลขขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน เหมือนปีก่อนที่ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนถึง 88 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทในปีนี้อ่อนค่ามากกว่าปีที่แล้ว และมีการซื้อฟอร์เวิร์ดเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้วย รวมทั้งปีนี้จะไม่มีการบันทึกค่าเผื่อด้อยค่าของค่าความนิยมของบริษัทย่อยในต่างประเทศเหมือนปีก่อน ที่มีผลทำให้กำไรสุทธิปี 2551 เหลือเพียง 184 ล้านบาท ”
จากยอดคำสั่งซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของแพรนด้าฯในช่วง 2 เดือนนี้ (ม.ค.-ก.พ.)พบว่าลดลง 20% แต่ขณะนี้ออเดอร์เดือนมี.ค.-เม.ย.เริ่มกลับเข้ามา เชื่อว่าครึ่งปีแรกออเดอร์จะลดลง 10-15% แต่ครึ่งปีหลัง ออเดอร์จะดีขึ้น เนื่องจากทุกประเทศต่างอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน ซึ่งจะเห็นผลภายใน 6เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกันบริษัทมีฐานลูกค้าที่แกร่งทำให้มีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการสร้างแบรนด์สินค้าของตนเองทำให้มาร์จินยังดีอยู่ ผนวกกับบริษัทฯได้มีการเจาะตลาดใหม่ไปยังจีน อินเดีย ตะวันออกกลางและรัสเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีอัตราการขยายตัวดีอยู่โดยปีนี้ตั้งเป้าตลาดใหม่โตขึ้น 5% แม้ว่าจะชดเชยตลาดสหรัฐฯที่หดไปไม่ได้ก็ตาม
โดยสัดส่วนตลาดส่งออกของแพรนด้าฯในปีนี้จะมาจากตลาดสหรัฐฯ 38% ลดลงจากปีก่อน 4 % สหภาพยุโรป 30 ลดลง1% ตลาดใหม่ (รัสเซีย อินเดีย จีนและตะวันออกกลาง) 30% เพิ่มขึ้น 5% ส่วนตลาดญี่ปุ่นคงที่ 2%
นางสุนันทา กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่ใช้ในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและการทำตลาดในการขยายร้านค้าเครื่องประดับesse ที่จีนจาก 9 สาขาเพิ่มเป็น 15สาขาในเซิ่นเจิ้น แต่จะไม่มีการลงทุนขยายกำลังการผลิตเพิ่มในปีนี้ รวมทั้งจะมีการนำเครื่องประดับเงินแบรนด์CAI จากเดิมที่ขายเฉพาะยุโรปมาทำตลาดในอินเดียเพิ่มขึ้น
สำหรับภาพรวมการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับปี 2552 คาดว่าจะลดลงจากปีก่อนประมาณ 20% ซึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อลดลงจากตลาดภูมิภาคต่างๆของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯมีการยกเลิกจีเอสพีเครื่องประดับทองของไทย ทำให้ต้องเสียภาษีนำเข้า 5.5% ดังนั้นกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับจึงร้องรัฐให้จัดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยจะมีการลงนามสัญญากับกระทรวงพาณิชย์ในการปล่อยเงินกู้เสริมสภาพคล่องในกลางเดือนนี้ และรักษาอัตราแลกเปลี่ยนให้เหมาะสม รวมทั้งขอให้รัฐยกเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)ในพลอยนำเข้า ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีของโลก
จากตัวเลขการส่งออกสินค้าของไทยช่วงม.ค. 2552 พบว่า การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยมีมูลค่าการส่งออกสูงเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 1,028 ล้านเหรียญสหรัฐ โตขึ้น 37.41% แต่พบว่าเป็นการส่งออกทองคำที่ยังไม่ขึ้นรูป780 ล้านเหรียญสหรัฐ โตขึ้น 99% ขณะที่ยอดส่งออกเครื่องประดับทองลดลง 40.70%และเครื่องประดับเงินลดลง 8.18% โดยเชื่อว่ายอดส่งออกก.พ.นี้ กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับน่าจะรักษาแชมป์ส่งออกติดอันดับ 1อยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น