ASTVผู้จัดการรายวัน - ธอส.สนองนโยบายรัฐ จับมือกบข. จัดโครงการบ้านธอส.-กบข.เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการครั้งที่ 6 วงเงินสูงสุด 110% ในอัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.99% เริ่มตั้งแต่วันนี้-30ธ.ค. ส่วนยอดสินเชื่อ 2 เดือนแรกยังใกล้เคียงเป้า
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัยให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึง ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินหลักในการให้บริการสินเชื่อเพื่อบ้านมาตลอด 55 ปี จึงได้จัดทำโครงการบ้าน ธอส.-กบข.เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ ครั้งที่ 6 ขึ้น โดยเพิ่มวัตถุประสงค์ให้กู้เพื่อชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถครอบคลุมและตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างครอบถ้วน โดยธนาคารจะสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับข้าราชการสมาชิก กบข. และข้าราชการในสังกัดเดียวกับสมาชิก กบข.ทั่วประเทศให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น และะช่วยแบ่งเบาภาระด้านที่อยู่อาศัยได้ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน
สำหรับหลักเกณฑ์และสิทธิพิเศษที่เสนอผ่านโครงการนี้คือการให้กู้ซื้อ ปลูกสร้าง ไถ่ถอน ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัยวงเงินสูงสุด 110% ของราคาประเมินที่ดินพร้อมอาคาร หรืออาคาร หรือห้องชุด โดยสามารถกู้ได้ 65 เท่าของเงินเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรกเท่ากับ 3.99% ปีที่ 2 เท่ากับ MRR - 2.25% และอัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 จนตลอดอายุสัญญากู้เท่ากับ MRR - 1.25% (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.75%) โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคมนี้ และทำนิติกรรมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553
ทั้งนี้ ธอส.ได้ตั้งเป้าหมายโครงการบ้าน ธอส.-กบข.เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ ครั้ง ที่ 6 ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท คาดการณ์ว่ายังมีความต้องการอีกมากประมาณ 4-5 แสนราย เนื่องจากข้าราชการบางรายเพิ่งเข้ามารับราชการเท่านั้น และโดยภาพรวมแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะต่ำ แต่ธนาคารพาณิชย์จะปล่อยสินเชื่อยากขึ้น หากอัตราดอกเบีร้ยปรับลด แต่ไม่สามารถกู้ได้ก็เป็นปัญหาเช่นกัน
สำหรับการปล่อยสินเชื่อในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าในเดือนมกราคมสามารถปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 6,300 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายสินเชื่อไว้ที่ 73,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าสินเชื่อโดยเฉลี่ย 6,000 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนในปีที่แล้วได้ปล่อยสินเชื่อไปประมาณ 81,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ได้ปรับลดเป้าหมายสินเชื่อลง เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ และเน้นคุณภาพของสินเชื่อด้วย
สำหรับเป้าหมายผลกำไรในปีนี้อยู่ที่ 3,600 ล้านบาท โดยธนาคารมีสภาพคล่องทางการเงินส่วนเกินอยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท โดยพยายามบริหารสภาพคลอ่งให้ดีเนื่องจากประเมินว่าในไตรมาส 3-4 สภาพคล่องจะหายไป
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัยให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึง ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินหลักในการให้บริการสินเชื่อเพื่อบ้านมาตลอด 55 ปี จึงได้จัดทำโครงการบ้าน ธอส.-กบข.เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ ครั้งที่ 6 ขึ้น โดยเพิ่มวัตถุประสงค์ให้กู้เพื่อชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถครอบคลุมและตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างครอบถ้วน โดยธนาคารจะสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับข้าราชการสมาชิก กบข. และข้าราชการในสังกัดเดียวกับสมาชิก กบข.ทั่วประเทศให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น และะช่วยแบ่งเบาภาระด้านที่อยู่อาศัยได้ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน
สำหรับหลักเกณฑ์และสิทธิพิเศษที่เสนอผ่านโครงการนี้คือการให้กู้ซื้อ ปลูกสร้าง ไถ่ถอน ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัยวงเงินสูงสุด 110% ของราคาประเมินที่ดินพร้อมอาคาร หรืออาคาร หรือห้องชุด โดยสามารถกู้ได้ 65 เท่าของเงินเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรกเท่ากับ 3.99% ปีที่ 2 เท่ากับ MRR - 2.25% และอัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 จนตลอดอายุสัญญากู้เท่ากับ MRR - 1.25% (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.75%) โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคมนี้ และทำนิติกรรมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553
ทั้งนี้ ธอส.ได้ตั้งเป้าหมายโครงการบ้าน ธอส.-กบข.เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ ครั้ง ที่ 6 ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท คาดการณ์ว่ายังมีความต้องการอีกมากประมาณ 4-5 แสนราย เนื่องจากข้าราชการบางรายเพิ่งเข้ามารับราชการเท่านั้น และโดยภาพรวมแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะต่ำ แต่ธนาคารพาณิชย์จะปล่อยสินเชื่อยากขึ้น หากอัตราดอกเบีร้ยปรับลด แต่ไม่สามารถกู้ได้ก็เป็นปัญหาเช่นกัน
สำหรับการปล่อยสินเชื่อในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าในเดือนมกราคมสามารถปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 6,300 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายสินเชื่อไว้ที่ 73,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าสินเชื่อโดยเฉลี่ย 6,000 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนในปีที่แล้วได้ปล่อยสินเชื่อไปประมาณ 81,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ได้ปรับลดเป้าหมายสินเชื่อลง เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ และเน้นคุณภาพของสินเชื่อด้วย
สำหรับเป้าหมายผลกำไรในปีนี้อยู่ที่ 3,600 ล้านบาท โดยธนาคารมีสภาพคล่องทางการเงินส่วนเกินอยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท โดยพยายามบริหารสภาพคลอ่งให้ดีเนื่องจากประเมินว่าในไตรมาส 3-4 สภาพคล่องจะหายไป