ชัยภูมิ - แกนนำพธม.ชัยภูมิเข้าให้ปากคำต่อตำรวจ เพิ่มเติมอีก 2 คน เพื่อดำเนินคดีอาญากับ 2 ส.ส.ชัยภูมิ “เพื่อแม้ว” โทษหนักจำคุก 3 ปี ฐานนำม็อบถ่อยเสื้อแดงปิดล้อมโรงแรม ป่วนเวทีการเมืองใหม่พันธมิตรฯ ยันเอาผิดทุกช่องทางอย่างถึงที่สุด พร้อมติดตามการทำงานของทุกองค์กรที่ยื่นร้อง เพื่อเร่งรัดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ สภ. เมืองชัยภูมิ นายยรรยง เสรีรัตน์ และ นางสุรางค์ สิริพรหมมา แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จังหวัดชัยภูมิ เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพ.ต.ท.บัณฑิต พุทธลา และ พ.ต.ท.อานุภาพ ผิวอ่อน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ หลังได้แจ้งความให้ดำเนินคดีอาญา แก่นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ และ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ นำประชาชนกว่า 2,000 คน เข้าปิดล้อมโรงแรมและขัดขวางไม่ให้พันธมิตรฯ เข้าร่วมงาน “วันรวมน้ำใจพันธมิตรฯชัยภูมิ ครั้งที่ 1” และเปิดเวทีปราศรัยเรื่อง “การเมืองใหม่ ที่ประชาชนควรมีส่วนร่วม” ที่ โรงแรมสยามริเวอร์ รีสอร์ท เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มี นายนพสณฑ์ เสฏฐรังสี แกนนำพันธมิตรฯ ชัยภูมิ ที่ได้ให้ปากคำปากแรกไปก่อนหน้านี้แล้ว และกลุ่มเพื่อนพ้องพันธมิตรฯ ชัยภูมิเดินทางมาร่วมให้กำลังใจด้วย
นางสุรางค์ สิริพรหมมา แกนนำพันธมิตรฯ ชัยภูมิ กล่าวหลังให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ว่า กลุ่มแกนนำและพี่น้องพันธมิตรฯ ชัยภูมิทุกคน ยืนยันที่จะดำเนินการทุกช่องทาง อย่างถึงที่สุดในเรื่องนี้ เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และ ส.ส.ที่หลงลืมหน้าที่ตัวเอง ไม่ทำหน้าที่ของ ส.ส.ที่ควรกระทำ แต่กลับนำประชาชนออกมาก่อกวน ยั่วยุละเมิดสิทธิคนอื่น สร้างความเดือดร้อน ทำร้ายผู้อื่นเหมือนอย่างเช่นที่เกิดขึ้นที่ จ. อุดรธานี รวมทั้งพันธมิตรฯชัยภูมิ จะติดตามการทำงานของทุกองค์กรต่างๆ ที่ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนไปแล้ว เพื่อเป็นการเร่งรัดการทำงาน ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้คดีดังกล่าว แกนนำพันธมิตรฯ ชัยภูมิ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสภ.เมืองชัยภูมิ ไว้ตั้งแต่วันเกิดเหตุคือวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีอาญา นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ และ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพท. ในฐานความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 “ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้ กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการ ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
มาตรา 310 “ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กลุ่มแกนนำพันธมิตรฯชัยภูมิ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือและหลักฐาน ต่อ นายสมชาย แสวงการ ประธานกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่รัฐสภา เพื่อขอความเป็นธรรม ให้ตรวจสอบ ส.ส.ทั้ง 2 คน รวมทั้งพิจารณาเพื่อสรุปส่ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด เพื่อขอดำเนินการถอดถอนต่อไป
