สธ.เปิดช่องห้ามขายเหล้า 3 วัน 12-14 เม.ย.ยกเว้นร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม ขายได้หลัง 6โมงเย็น-เที่ยงคืน ส่วนร้านขายของชำ สะดวกซื้อ ห้างฯ ห้าม 24 ชม. “วิทยา” พ้อเสียใจหากภาคประชาชนมองว่าเข้าข้างบริษัทเหล้า เครือข่ายรณรงค์งดเหล้าเตรียมเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วย
วานนี้(11 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นประธานในการประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยใช้เวลาประชุมนานประมาณ 2 ชั่วโมง
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเสนอแนวทางการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2 แนวทาง คือ 1.ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-14 เมษายน ตลอด 24 ชั่วโมง และ2.ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-14 เมษายน แต่ยกเว้นให้ร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม ที่มีใบอนุญาตจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกรมสรรพสามิต สามารถจำหน่ายได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น.-24.00 น. ส่วนร้านค้าทั่วไป ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ไม่อนุญาตให้ขายในช่วง 3 วันดังกล่าว ทั้งนี้ สธ. จะทำหนังสือรายงานมติดังกล่าวให้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ รับทราบต่อไป
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ยืนยันว่า สธ.มีจุดยืนหลักในการรักษาชีวิตทุกชีวิตโดยการไม่เพิ่มผู้ป่วยจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล ไม่ได้อยู่บนฐานของผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ประกอบการร้านค้า และไม่ได้อยู่บนฐานของฝ่ายคัดค้านการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเพียงมาตรการหนึ่งในในความพยายามลดการเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น
“ผมจะรู้สึกเสียใจมากหากฝ่ายคัดค้านการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มองว่า รมว.สาธารณสุข เข้าข้างบริษัทขายเหล้า”นายวิทยากล่าว
นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า รับไม่ได้ที่สธ.จะเปิดช่องลักษณะนี้ เพราะสธ.เป็นหน่วยงานที่ต้องปกป้องสุขภาพของประชาชน แต่กลับคำนึงถึงผลประโยชน์ของฝ่ายธุรกิจ เชื่อว่า เมื่อแนวทางดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายฯที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และล่าสุดทราบว่ามีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯเป็นประธาน จะถูกตัดทอนไปอีก เพราะหลังจากนี้ก็จะมีกลุ่มธุรกิจที่ห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย อาทิ ร้านโชว์ห่วย ร้านสะดวกซื้อก็จะมาเรียกร้องผลประโยชน์ของตัวเองอีก
“ภายในสัปดาห์นี้เครือข่ายจะหารือใหญ่ในการเคลื่อนไหวต่อไป โดยคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะแสดงพลังครั้งใหญ่เดินทางไปพบพล.ต.สนั่น เพื่อขอความชัดเจนในเรื่องนี้ ซึ่งก็วัดใจกันว่ารัฐบาลชุดนี้จะเป็นอย่างไร”นายคำรณ กล่าว
วันเดียวกันนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และรองอธิบดีฝ่ายการนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ พร้อม 6 สถาบันการศึกษาได้แก่ ม.กรุงเทพ ม.รังสิต ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ม.ราชภัฎสวนดุสิต เข้ายื่นหนังสือถึง รมว.สาธารณสุข เรื่อง ขอให้บังคับใช้พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะมาตรา 29 การห้ามจำหน่ายแก่ผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี บริบูรณ์ ซึ่งในทางปฏิบัติไม่มีการดำเนินการตามมาตรการนี้เลย ร้านค้ายังคงขายเหล้าให้กับเด็กที่ยังมีอายุไม่ถึง 20 ปี โดยไม่มีการขอดูบัตรประชาชนแต่อย่างใด มิหนำซ้ำร้านเหล้าแทบทุกร้านยังคงใช้วิธีการขายที่มีโปรโมชั่นลดราคา แถมโซดาน้ำแข็ง รวมถึงร้านสะดวกซื้อยังมีการขายเหล้าโดยการลดราคา โดยไม่มีการควบคุมหรือการจับกุมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการเพิกเฉยกับหอพักที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขายและมักมีผับหรือร้านอาหารที่ขายเหล้า ที่สำคัญคือกรมสรรพสามิตยังคงออกใบอนุญาตจำหน่ายสุราให้ และอีกข้อเรียกร้องคือ ขอให้ออกประกาศกำหนดเขต 500 เมตรจากสถานศึกษาเป็นสถานที่ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยอาจผ่อนปรนให้เฉพาะผู้มี่ขายอยู่แล้วที่ไม่เคยมีการละเมิดกฎหมายเท่านั้น นอกจากนี้ควรประกาศห้ามขายเหล้าปั่นที่กำลังระบาดอย่างมากรอบๆ สถานศึกษา
วานนี้(11 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นประธานในการประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยใช้เวลาประชุมนานประมาณ 2 ชั่วโมง
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเสนอแนวทางการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2 แนวทาง คือ 1.ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-14 เมษายน ตลอด 24 ชั่วโมง และ2.ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-14 เมษายน แต่ยกเว้นให้ร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม ที่มีใบอนุญาตจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกรมสรรพสามิต สามารถจำหน่ายได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น.-24.00 น. ส่วนร้านค้าทั่วไป ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ไม่อนุญาตให้ขายในช่วง 3 วันดังกล่าว ทั้งนี้ สธ. จะทำหนังสือรายงานมติดังกล่าวให้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ รับทราบต่อไป
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ยืนยันว่า สธ.มีจุดยืนหลักในการรักษาชีวิตทุกชีวิตโดยการไม่เพิ่มผู้ป่วยจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล ไม่ได้อยู่บนฐานของผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ประกอบการร้านค้า และไม่ได้อยู่บนฐานของฝ่ายคัดค้านการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเพียงมาตรการหนึ่งในในความพยายามลดการเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น
“ผมจะรู้สึกเสียใจมากหากฝ่ายคัดค้านการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มองว่า รมว.สาธารณสุข เข้าข้างบริษัทขายเหล้า”นายวิทยากล่าว
นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า รับไม่ได้ที่สธ.จะเปิดช่องลักษณะนี้ เพราะสธ.เป็นหน่วยงานที่ต้องปกป้องสุขภาพของประชาชน แต่กลับคำนึงถึงผลประโยชน์ของฝ่ายธุรกิจ เชื่อว่า เมื่อแนวทางดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายฯที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และล่าสุดทราบว่ามีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯเป็นประธาน จะถูกตัดทอนไปอีก เพราะหลังจากนี้ก็จะมีกลุ่มธุรกิจที่ห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย อาทิ ร้านโชว์ห่วย ร้านสะดวกซื้อก็จะมาเรียกร้องผลประโยชน์ของตัวเองอีก
“ภายในสัปดาห์นี้เครือข่ายจะหารือใหญ่ในการเคลื่อนไหวต่อไป โดยคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะแสดงพลังครั้งใหญ่เดินทางไปพบพล.ต.สนั่น เพื่อขอความชัดเจนในเรื่องนี้ ซึ่งก็วัดใจกันว่ารัฐบาลชุดนี้จะเป็นอย่างไร”นายคำรณ กล่าว
วันเดียวกันนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และรองอธิบดีฝ่ายการนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ พร้อม 6 สถาบันการศึกษาได้แก่ ม.กรุงเทพ ม.รังสิต ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ม.ราชภัฎสวนดุสิต เข้ายื่นหนังสือถึง รมว.สาธารณสุข เรื่อง ขอให้บังคับใช้พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะมาตรา 29 การห้ามจำหน่ายแก่ผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี บริบูรณ์ ซึ่งในทางปฏิบัติไม่มีการดำเนินการตามมาตรการนี้เลย ร้านค้ายังคงขายเหล้าให้กับเด็กที่ยังมีอายุไม่ถึง 20 ปี โดยไม่มีการขอดูบัตรประชาชนแต่อย่างใด มิหนำซ้ำร้านเหล้าแทบทุกร้านยังคงใช้วิธีการขายที่มีโปรโมชั่นลดราคา แถมโซดาน้ำแข็ง รวมถึงร้านสะดวกซื้อยังมีการขายเหล้าโดยการลดราคา โดยไม่มีการควบคุมหรือการจับกุมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการเพิกเฉยกับหอพักที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขายและมักมีผับหรือร้านอาหารที่ขายเหล้า ที่สำคัญคือกรมสรรพสามิตยังคงออกใบอนุญาตจำหน่ายสุราให้ และอีกข้อเรียกร้องคือ ขอให้ออกประกาศกำหนดเขต 500 เมตรจากสถานศึกษาเป็นสถานที่ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยอาจผ่อนปรนให้เฉพาะผู้มี่ขายอยู่แล้วที่ไม่เคยมีการละเมิดกฎหมายเท่านั้น นอกจากนี้ควรประกาศห้ามขายเหล้าปั่นที่กำลังระบาดอย่างมากรอบๆ สถานศึกษา