ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ เผยผลวิจัยกิจกรรมยอดฮิตโจ๋ไทยในวันวาเลนไทน์ ส่งการ์ด-กุหลาบแดง-ช็อคโกแลต ให้คนรัก ชี้ 76% รับกังวลมีเพศสัมพันธ์ ด้านเครือข่ายสื่อเพื่อเด็ก จี้รัฐสร้างกิจกรรมทางเลือก-พื้นที่สร้างสรรค์ ให้เด็กได้แสดงออกในทางที่ถูก
รศ.ดร. สรชัย พิศาลบุตร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ร่วมกับแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก และเครือข่ายพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก สำรวจความเห็นของเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 10 - 25 ปี จำนวน 792 คน และผู้ปกครองจำนวน 651 คน ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ และกิจกรรมที่คาดว่าจะทำในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยพบว่า
กิจกรรมที่เด็กและเยาวชนในเขตกรุงเทพฯ คาดว่าจะทำในวันวาเลนไทน์มากที่สุดถึงร้อยละ 70 คือ การจะส่งการ์ดวาเลนไทน์ ดอกกุหลาบแดง ของขวัญ ช็อกโกแลต โดยส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 34 ส่งไปให้คนรัก ตามด้วยร้อยละ 32 ส่งไปให้เพื่อน และร้อยละ 26 ส่งไปให้บิดามารดา
รศ.ดร.สมชัย กล่าวว่า สำหรับปัญหาที่เด็ก เยาวชน และผู้ปกครองกังวลมากที่สุดในวันวาเลนไทน์ อันดับ 1 คือการมีเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 76 ตามด้วยการไปเที่ยวและทำในสิ่งไม่ดี ร้อยละ 9 และปัญหาการตั้งครรภ์ ร้อยละ 4 โดยเด็กและเยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับสูงกว่ามัธยมศึกษากังวลใจเกี่ยวกับปัญหาที่จะเกิดกับเด็กและเยาวชนมากกว่าเด็กและเยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษา สำหรับผู้ปกครองที่มีการศึกษาตั้งแต่ปริญญาตรีขึ้นไปมีความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาที่จะเกิดกับเด็กและเยาวชนในวันวาเลนไทน์มากกว่าผู้ปกครองที่มีการศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาลงมา
ด้าน น.ส.เข็มพร วิรุฬราพันธ์ ผู้จัดการแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) กล่าวว่า จากที่ได้สอบถามถึงกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เด็กและเยาวชนควรทำในวันวาเลนไทน์มากที่สุด อันดับ 1 คือ ทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว ร้อยละ 37 รองลงมาคือการชวนคนที่เรารักทำความดี ร้อยละ 23 ชวนคนที่เรารักทำกิจกรรมดีๆ ร้อยละ 20 และบอกรักหรือแสดงความรักต่อกัน
สำหรับสถานที่สร้างสรรค์ที่เด็กและเยาวชนอยากชวนกันไปในวันวาเลนไทน์มากที่สุด คือ แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ร้อยละ 18 รองลงมา คือ สวนสาธารณะ และห้างสรรพสินค้า ร้อยละ 17 โรงภาพยนตร์ ร้อยละ 13 ร้านอาหาร ร้อยละ 10 พิพิธภัณฑ์ ร้อยละ 7 และศาสนสถาน ร้อยละ 7 แสดงให้เห็นว่า หากมีกิจกรรมและสถานที่สร้างสรรค์ที่เป็นทางเลือกที่ดี จะมีเด็กและเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่สนใจกิจกรรมเชิงบวก
“การที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศวาระแห่งชาติเพื่อเด็กและเยาวชน เรื่องพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก เมื่อวันเด็กแห่งชาติ 10 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลจัดให้มีกิจกรรมและพื้นที่ที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีกิจกรรมและสถานที่ดีๆ รองรับในช่วงเทศกาล รวมถึงการสนับสนุนห้องเรียนพ่อแม่ เพื่อเป็นแหล่งให้คำปรึกษากับผู้ปกครองในการดูแลบุตรอย่างเข้าใจ” น.ส.เข็มพร กล่าว