ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติคาดทั้งปีธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้โตแค่ 5% เหตุความเสี่ยงเพิ่ม เผยต้นปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อรีไฟแนนซ์ รองผู้ว่าฯ ยังหวัง 2 ปัจจัยบวก ผู้กู้ที่เคยกู้ต่างประเทศกลับมากู้ในประเทศมากขึ้น- รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและลงทุนมากขึ้น ลุ้นให้แบงก์พาณิชย์ปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น
นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ว่า เชื่อว่าการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ มีแนวโน้มลดลงค่อนข้างมากขึ้น จากสินเชื่ออุปโภคและบริโภคที่ลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลง ส่งกระทบต่อคุณภาพของสินเชื่อ เนื่องจากสถาบันการเงินก็มีความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น ดังนั้นปัญหาที่สถาบันการเงินกำลังประสบอยู่เป็นเรื่องการบริหารความเสี่ยง
สำหรับเดือน ม.ค.52 สินเชื่อทั้งระบบมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 9% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวลดลงจากเดือน ธ.ค.51 ที่ระดับ 14% และทั้งปีคาดว่าสินเชื่อทั้งระบบจะมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นแค่ 5% เป็นไปตามเป้าที่ธนาคารพาณิชย์บางรายตั้งเป้าไว้ จากตัวเลขการปล่อยสินเชื่อล่าสุด เดือนมกราคม 2552 พบว่า ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีการปล่อยสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 7,465,341 ล้านบาท โดยเป็นเงินฝาก 7,149,931 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก 104.41% ลดลงจากเดือนธันวาคม 2551 ที่มีการปล่อยสินเชื่อ 7,549,404 ล้านบาท เป็นเงินฝาก 7,156,292 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อต่อเงินฝาก 105.49%
“เชื่อว่าสินเชื่อจะตัวลงค่อนข้างมาก จากสินเชื่ออุปโภคและบริโภคที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ธนาคารพาณิชย์จึงต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ตามธนาคารพาณิชย์เองก็ต้องการขยายสินเชื่อให้มากขึ้นเพราะเป็นธุรกิจหลักของเขา ดังนั้นต่อไปธนาคารอาจจะปล่อยสินเชื่อในรูปแบบอื่น” นายบัณฑิตกล่าวและยอมรับว่า ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ธนาคารพาณฺชย์ส่วนใหญ่ปล่อยกู้รีไฟแนนซ์ลูกหนี้รายเดิม
อย่างไรก็ตามสินเชื่อที่ชะลอตัวลงเป็นไปตามที่ ธปท.คาดการณ์ไว้ แต่เชื่อว่าลดลงแต่ไม่รุนแรงมากนัก เชื่อว่ายังมีปัจจัยบวกอีก 2 ตัวที่ทำให้สินเชื่อขยายตัวได้มากขึ้นคือ 1.ผู้กู้ที่เคยกู้ต่างประเทศหันกลับมากู้ในประเทศมากขึ้น 2.รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และลงทุนมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ธนาคารพาณิชย์ได้รับประโยชน์ปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น รวมถึงโครงการลงทุนภาครัฐที่ต้องการใช้เม็ดเงินลงทุนค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ การค้ำประกันความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ลดข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อในอนาคตได้
ส่วนธนาคารพาณิชย์จะปรับอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ตามให้ทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.หรือไม่นั้นนายบัณฑิต กล่าวว่า ธปท.ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์อยู่ระหว่างการปรับตัว เนื่องจากเป็นกำไรในการทำธุรกิจ ซึ่งในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเห็นว่าธนาคารพาณิชย์ได้มีการปรับลดลงมาพอสมควรแล้ว ดังนั้นหากอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมลดลงมาด้วยก็จะเป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจมาก
นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ว่า เชื่อว่าการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ มีแนวโน้มลดลงค่อนข้างมากขึ้น จากสินเชื่ออุปโภคและบริโภคที่ลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลง ส่งกระทบต่อคุณภาพของสินเชื่อ เนื่องจากสถาบันการเงินก็มีความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น ดังนั้นปัญหาที่สถาบันการเงินกำลังประสบอยู่เป็นเรื่องการบริหารความเสี่ยง
สำหรับเดือน ม.ค.52 สินเชื่อทั้งระบบมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 9% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวลดลงจากเดือน ธ.ค.51 ที่ระดับ 14% และทั้งปีคาดว่าสินเชื่อทั้งระบบจะมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นแค่ 5% เป็นไปตามเป้าที่ธนาคารพาณิชย์บางรายตั้งเป้าไว้ จากตัวเลขการปล่อยสินเชื่อล่าสุด เดือนมกราคม 2552 พบว่า ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีการปล่อยสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 7,465,341 ล้านบาท โดยเป็นเงินฝาก 7,149,931 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก 104.41% ลดลงจากเดือนธันวาคม 2551 ที่มีการปล่อยสินเชื่อ 7,549,404 ล้านบาท เป็นเงินฝาก 7,156,292 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อต่อเงินฝาก 105.49%
“เชื่อว่าสินเชื่อจะตัวลงค่อนข้างมาก จากสินเชื่ออุปโภคและบริโภคที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ธนาคารพาณิชย์จึงต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ตามธนาคารพาณิชย์เองก็ต้องการขยายสินเชื่อให้มากขึ้นเพราะเป็นธุรกิจหลักของเขา ดังนั้นต่อไปธนาคารอาจจะปล่อยสินเชื่อในรูปแบบอื่น” นายบัณฑิตกล่าวและยอมรับว่า ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ธนาคารพาณฺชย์ส่วนใหญ่ปล่อยกู้รีไฟแนนซ์ลูกหนี้รายเดิม
อย่างไรก็ตามสินเชื่อที่ชะลอตัวลงเป็นไปตามที่ ธปท.คาดการณ์ไว้ แต่เชื่อว่าลดลงแต่ไม่รุนแรงมากนัก เชื่อว่ายังมีปัจจัยบวกอีก 2 ตัวที่ทำให้สินเชื่อขยายตัวได้มากขึ้นคือ 1.ผู้กู้ที่เคยกู้ต่างประเทศหันกลับมากู้ในประเทศมากขึ้น 2.รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และลงทุนมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ธนาคารพาณิชย์ได้รับประโยชน์ปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น รวมถึงโครงการลงทุนภาครัฐที่ต้องการใช้เม็ดเงินลงทุนค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ การค้ำประกันความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ลดข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อในอนาคตได้
ส่วนธนาคารพาณิชย์จะปรับอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ตามให้ทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.หรือไม่นั้นนายบัณฑิต กล่าวว่า ธปท.ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์อยู่ระหว่างการปรับตัว เนื่องจากเป็นกำไรในการทำธุรกิจ ซึ่งในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเห็นว่าธนาคารพาณิชย์ได้มีการปรับลดลงมาพอสมควรแล้ว ดังนั้นหากอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมลดลงมาด้วยก็จะเป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจมาก
