ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”เตรียมแจกบัตรบลูการ์ดตีคู่เช็กช่วยชาติ ให้ประชาชนนำไปใช้ลดราคาสินค้าและบริการ นานถึง 6 เดือน คาดเริ่มได้เดือนเม.ย.นี้ กำหนดเงื่อนไขคนมีบัตรต้องมีรายได้ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ “ยรรยง”กล่อมผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และโรงแรมเข้าร่วมโครงการ
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ กำลังเจรจากับผู้ผลิตสินค้า ห้างค้าปลีก ถึงการจัดทำโครงการบัตรสีฟ้า (บลู การ์ด) เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เข้ามาเป็นสมาชิก โดยสามารถนำบัตรดังกล่าวไปลดราคาสินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดหลักเกณฑ์สำหรับผู้มีสิทธิ์ถือบัตรบลูการ์ดจะต้องเป็นประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท เหมือนกับเงื่อนไขเช็กช่วยชาติที่รัฐบาลนำมาใช้ ซึ่งจะผลักดันให้บัตรบลูการ์ดออกมาใช้ภายในเม.ย.นี้
“ขณะนี้กำลังวางหลักเกณฑ์และเงื่อนไขผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกบัตรบลูการ์ด ซึ่งเบื้องต้นคงมีเงื่อนไขเหมือนกับเช็กช่วยชาติที่แจกให้กับผู้มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 1.5 หมื่นบาท ใครเข้าเงื่อนไขตรงนี้ก็มาสมัครขอมีบัตรได้ โดยได้เตรียมงบประมาณในการดำเนินการเรื่องนี้ประมาณ 140 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินงบประมาณช่วยเหลือค่าครองชีพ 1,000 ล้านบาทที่กรมฯ ได้รับจากงบกลางปี”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยงกล่าวว่า สำหรับสินค้าและบริการที่จะนำมาลดราคาในโครงการบัตรบลูการ์ดนั้น จะเน้นสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสารบรรจุถุง น้ำมันพืช ของใช้ส่วนบุคคล แต่ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ผลิตสินค้าว่าจะนำสินค้าชนิดใดมาเข้าร่วม และวางจำหน่ายในช่องทางค้าปลีกใดบ้าง เพื่อให้ประชาชนสามารถนำบัตรดังกล่าวไปใช้ลดราคาสินค้า เบื้องต้นจะกำหนดให้ลดราคาสินค้าภายใต้บัตรบลูการ์ดอย่างต่ำ 10-20%
ส่วนบริการที่มาเข้าร่วม จะเน้นกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศ โดยจะให้มีการลดราคาค่าที่พักโรงแรมตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
“โจทย์ของบัตรบลูการ์ด จะใช้สินค้าเป็นตัวตั้งว่าผู้ผลิตสินค้าจะนำรายการใดมาเข้าร่วมโครงการ และวางจำหน่ายห้างค้าปลีกใด ซึ่งล่าสุดได้เจรจากับทางเซเว่น อีเลฟเว่น ให้มาเข้าร่วมโครงการแล้ว เพราะมีสาขาทั่วประเทศมากกว่า 7,000 สาขา เป็นช่องทางกระจายสินค้าในโครงการบลูการ์ดได้เป็นอย่างดี โดยเซเว่นฯตอบรับสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการ ส่วนผู้ผลิตจะหารือกับเครือสหพัฒน์ ผู้ประกอบการข้าวถุง และน้ำมันพืช”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยง กล่าวว่า โครงการบัตรบลูการ์ด จะเป็นส่วนเสริมกับโครงการสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ที่ยังมีจุดอ่อนคือกระจายการจัดงานไปไม่ทั่วถึงทั้งประเทศ ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ตามเมืองใหญ่เท่านั้น แต่บัตรบลูการ์ด ประชาชนสามารถนำไปใช้งานในช่องทางค้าปลีกที่เข้าร่วมการพื้นที่ใดก็ได้ จากสาขาของห้างค้าปลีกและช่องทางการจำหน่ายของผู้ผลิตสินค้าที่มีอยู่ ซึ่งครอบคลุมทั้งประเทศ และสอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่บัตรดังกล่าวจะไม่ใช่โครงการถาวร อาจมีระยะเวลาใช้งาน 6 เดือน หรือมีระยะเวลาเท่ากับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเท่านั้น
“เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ บัตรจะถูกยกเลิก เพราะวัตถุประสงค์ของบัตร เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน และช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ผลิตสินค้าที่มาเข้าร่วมโครงการ”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ กำลังเจรจากับผู้ผลิตสินค้า ห้างค้าปลีก ถึงการจัดทำโครงการบัตรสีฟ้า (บลู การ์ด) เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เข้ามาเป็นสมาชิก โดยสามารถนำบัตรดังกล่าวไปลดราคาสินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดหลักเกณฑ์สำหรับผู้มีสิทธิ์ถือบัตรบลูการ์ดจะต้องเป็นประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท เหมือนกับเงื่อนไขเช็กช่วยชาติที่รัฐบาลนำมาใช้ ซึ่งจะผลักดันให้บัตรบลูการ์ดออกมาใช้ภายในเม.ย.นี้
“ขณะนี้กำลังวางหลักเกณฑ์และเงื่อนไขผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกบัตรบลูการ์ด ซึ่งเบื้องต้นคงมีเงื่อนไขเหมือนกับเช็กช่วยชาติที่แจกให้กับผู้มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 1.5 หมื่นบาท ใครเข้าเงื่อนไขตรงนี้ก็มาสมัครขอมีบัตรได้ โดยได้เตรียมงบประมาณในการดำเนินการเรื่องนี้ประมาณ 140 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินงบประมาณช่วยเหลือค่าครองชีพ 1,000 ล้านบาทที่กรมฯ ได้รับจากงบกลางปี”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยงกล่าวว่า สำหรับสินค้าและบริการที่จะนำมาลดราคาในโครงการบัตรบลูการ์ดนั้น จะเน้นสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสารบรรจุถุง น้ำมันพืช ของใช้ส่วนบุคคล แต่ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ผลิตสินค้าว่าจะนำสินค้าชนิดใดมาเข้าร่วม และวางจำหน่ายในช่องทางค้าปลีกใดบ้าง เพื่อให้ประชาชนสามารถนำบัตรดังกล่าวไปใช้ลดราคาสินค้า เบื้องต้นจะกำหนดให้ลดราคาสินค้าภายใต้บัตรบลูการ์ดอย่างต่ำ 10-20%
ส่วนบริการที่มาเข้าร่วม จะเน้นกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศ โดยจะให้มีการลดราคาค่าที่พักโรงแรมตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
“โจทย์ของบัตรบลูการ์ด จะใช้สินค้าเป็นตัวตั้งว่าผู้ผลิตสินค้าจะนำรายการใดมาเข้าร่วมโครงการ และวางจำหน่ายห้างค้าปลีกใด ซึ่งล่าสุดได้เจรจากับทางเซเว่น อีเลฟเว่น ให้มาเข้าร่วมโครงการแล้ว เพราะมีสาขาทั่วประเทศมากกว่า 7,000 สาขา เป็นช่องทางกระจายสินค้าในโครงการบลูการ์ดได้เป็นอย่างดี โดยเซเว่นฯตอบรับสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการ ส่วนผู้ผลิตจะหารือกับเครือสหพัฒน์ ผู้ประกอบการข้าวถุง และน้ำมันพืช”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยง กล่าวว่า โครงการบัตรบลูการ์ด จะเป็นส่วนเสริมกับโครงการสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ที่ยังมีจุดอ่อนคือกระจายการจัดงานไปไม่ทั่วถึงทั้งประเทศ ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ตามเมืองใหญ่เท่านั้น แต่บัตรบลูการ์ด ประชาชนสามารถนำไปใช้งานในช่องทางค้าปลีกที่เข้าร่วมการพื้นที่ใดก็ได้ จากสาขาของห้างค้าปลีกและช่องทางการจำหน่ายของผู้ผลิตสินค้าที่มีอยู่ ซึ่งครอบคลุมทั้งประเทศ และสอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่บัตรดังกล่าวจะไม่ใช่โครงการถาวร อาจมีระยะเวลาใช้งาน 6 เดือน หรือมีระยะเวลาเท่ากับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเท่านั้น
“เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ บัตรจะถูกยกเลิก เพราะวัตถุประสงค์ของบัตร เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน และช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ผลิตสินค้าที่มาเข้าร่วมโครงการ”นายยรรยงกล่าว