ผลิตภัณฑ์ “ส้มโอแก้วรวมรส” ฝีมือแม่บ้าน จ.ชัยนาท เกิดจากแนวคิดเพิ่มค่านำเปลือกส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวาของดีประจำท้องถิ่นมาแปรรูปเป็นส้มโอกวน แถมพัฒนาต่อด้วยการนำผลไม้และสมุนไพรมาเป็นส่วนผสม ช่วยให้ได้สีสันสวยงามและรสชาติที่ต่างออกไป จนเป็นของฝากขึ้นชื่อประจำจังหวัด
นางพะเยาว์ พิกุลทอง รองประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรท่าข้าวโพด ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.ชัยนาท หนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตสินค้าแปรรูป “ส้มโอแก้วรวมรส” เล่าว่า เดิมมีสมาชิก 20 กว่าคน รวมกลุ่มกันแปรรูปวัตถุดิบในท้องถิ่น เพื่อหารายได้เสริมหลังฤดูเก็บเกี่ยว ทั้งไข่เค็ม มะเฟือง มะกรูด มะตูม กล้วย ฯลฯ จนปี พ.ศ.2542 ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนแคนนาดา พาไปดูการทำส้มโอแก้วของกลุ่มแม่บ้านในจังหวัดพิจิตร ประกอบกับจังหวัดชัยนาทเป็นจังหวัดที่มีส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวาคุณภาพดี และให้ผลผลิตตลอดทั้งปี เหมาะที่จะนำมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค ขณะเดียวกันเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้กับสมาชิกในกลุ่มด้วย
แม้จะเป็นโจทย์ที่ยากและท้าทาย เพราะไม่มีความรู้เรื่องแปรรูปเปลือกส้มโอกันมาก่อน แต่เมื่อมองเห็นช่องทางสร้างรายได้และโอกาสเอื้ออำนวย พวกเขาจึงนำความรู้ที่ได้มาทำการทดลองกันเอง ซึ่งไม่ง่ายอย่างที่คิด ทั้งขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก ใช้เวลานาน และการคำนวณอัตราส่วนผสมต้องให้ได้ปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกใจผู้บริโภค ต่างช่วยกันคิด ช่วยกันทำ อาศัยภูมิปัญญาชาวบ้านลองผิดลองถูก ซึ่งกว่าจะได้รสชาติที่โดนใจผู้บริโภคต้องใช้เวลานานนับปี
นอกจากนั้น ได้พัฒนาเรื่อยมา จนเกิดเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการนำผลไม้และสมุนไพรพื้นบ้านมาปรุงแต่ง เพิ่มรสชาติ และสร้างสีสันให้ดูแปลกตาน่ารับประทาน จนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค และกลายเป็นหนึ่งในสินค้าโอทอปสร้างชื่อของจังหวัดชัยนาทภายใต้แบรนด์ “ส้มโอแก้วรวมรส”
สำหรับผลไม้และสมุนไพรที่นำมาเป็นส่วนผสม มี 5 ชนิด คือ ใบเตย มะนาว กระเจี๊ยบ มะตูม และ มะขาม นอกจากช่วยเติมสีสันสดใสน่ารักกินแล้ว แต่ละชนิดยังให้รสชาติเฉพาะตัวแตกต่างกันไป มีทั้งหวานนุ่ม เปรี้ยวกลมกล่อม เผ็ดนิดๆ อย่างมะขาม เป็นต้น นอกจากนั้น ช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหารอีกด้วย
“ทุกขั้นตอน จะเน้นคุณภาพมาตรฐาน และสะอาดถูกหลักอนามัย ปลอดภัยจากสารกันบูด ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 3 เดือน เหล่านี้จึงเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามายาวนานถึงกว่า 10 ปี จนทุกวันนี้มียอดสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องสมาชิกทำงานกันแทบไม่มีวันหยุด บางครั้งทำกันข้ามวันข้ามคืน เพื่อผลิตสินค้าส่งให้ทันตามกำหนดเวลา“ นางพะเยาว์ กล่าว
จากแต่ก่อนเคยออกเร่ขายตามตลาดนัด งานวัด งานโรงเรียน ปัจจุบัน ออเดอร์เข้ามาเองถึงที่บ้าน ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นร้านของฝากตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ศูนย์โอทอป จ.ชัยนาท และมีออกร้านตามงานแสดงสินค้าต่างๆ บ้าง ล่าสุดได้รับการสนับสนุนจากห้างเทสโก้ โลตัส ให้นำสินค้าไปวางจำหน่ายในบูธโอทอปทุกสาขาทั่วประเทศโดยคิดค่าใช้จ่าย ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกและคนในชุมชนอีกด้วย
ด้านขั้นตอนและวิธีการทำนั้น นางพะเยาว์ อธิบายให้ฟังว่า เลือกผลส้มโอที่แก่จัดล้างให้สะอาด ปอกเอาเฉพาะเปลือกชั้นในสีขาว มาแช่น้ำเกลือผสมน้ำปูนใสประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เนื้อเละ จากนั้นนำมาคั้นเอาน้ำขมออก และล้างต่อด้วยน้ำสะอาดอีก 5-6 น้ำ เสร็จแล้วนำไปต้มจนสุกและคั้นแห้งอีกครั้งก่อนนำไปลงเครื่องบดให้เป็นชิ้นเล็กๆ เวลากวนจะได้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนขั้นตอนการกวน ก็นำเปลือกส้มโอบดเทลงเครื่องกวนพร้อมส่วนผสม น้ำ น้ำตาล เกลือ น้ำสมุนไพร แบะแซ (พริกป่น เฉพาะรสมะขาม) จากนั้นปล่อยให้เครื่องกวนทำงานต่อ 5 ชั่วโมง เสร็จแล้วตักขึ้นใส่ภาชนะ ปั้นเป็นลูกกลมๆ คลุกน้ำตาลทรายอีกครั้งก่อนนำไปห่อกระดาษแก้ว และแพ็กลงบรรจุภัณฑ์วางจำหน่าย มีราคาให้เลือกตั้งแต่ 10 , 20 , 35 บาท หรือจะชั่งเป็นกิโลกรัมๆ ละ 100 บาท
“การทำส้มโอแก้วให้ได้รสชาติอร่อยนั้นต้องใช้เปลือกส้มโอชั้นในสีขาวที่แก่จัด จะนุ่ม ให้รสชาติดี และอย่าให้เปลือกที่มีแมลงวันทองต่อยปะปนลงเพราะจะทำให้ขม เป็นเมือก ก่อนนำไปกวนคั้นเอาน้ำขมออกให้หมด ไม่ควรผสมเนื้อส้มโอลงไป เพราะเวลาโดนความร้อนจะเปลี่ยนเป็นรสขม ทำให้เสียรสชาติ ส่วนวิธีกวนต้องกวนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวเหนียวนุ่มไม่แข็งหรือเละจนเกินไป แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเปลือกส้มโอด้วย เพราะแต่ละสายพันธุ์ให้รสชาติแตกต่างกัน”นางพะเยาว์ บอกเคล็ดลับความอร่อยของส้มโอแก้วรวมรส
แม้จะไม่ใช่เจ้าแรกที่ผลิตภัณฑ์ส้มโอกวน แต่ด้วยสีสันและรสชาติแปลกใหม่ที่สมาชิกช่วยกันรังสรรค์คิดค้นขึ้นมา บวกกับความมานะ ซื่อสัตย์ และเอาใจใส่ ทำให้ชื่อผลิตภัณฑ์ ส้มโอแก้วรวมรสสมุนไพร ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรท่าข้าวโพด เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค และยืนหยัดมาได้ยาวนานกว่า 10 ปี
**************************
โทร.(056) 477-654