ASTVผู้จัดการรายวัน-"สนธิ"อัดยับนักวิชาการ-อาจารย์ เรียกร้องแก้กฎหมายหมิ่นฯแค่พวก"ซุกชายประโปรง" อ้างเพื่อเสรีภาพการแสดงความเห็น ย้อนถามสมัย"นช.แม้ว" ยุบรายการ"เมืองไทยรายสัปดาห์" ทำไมไม่ออกมาโวยวายบ้าง จวก"ไอ้ตู่" ติดนิสัยโกหกพกลม เชื่ออนาคตจบไม่สวยแน่
เมื่อเวลา 06.00-07.00 น.วานนี้ (6 มี.ค.)นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ดำเนินรายการ “Good Morning Thailand” ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน โดยมีประเด็นข่าวที่น่าสนใจหลายเรื่อง
เริ่มจากกระแสข่าวเรื่องการล่ารายชื่อแก้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของ 50 นักวิชาการต่างประเทศว่า กลุ่มนักวิชาการดังกล่าวเป็นแนวร่วมของนายใจ อึ้งภากรณ์ นายจักรภพ เพ็ญแข และกลุ่มเสื้อแดง โดยคนกลุ่มนี้ได้หยิบยกกรณีนายแฮรี่ นิโคไลด์ส ชาวออสเตรเลีย ซึ่งถูกจำคุก 3 ปี ฐานหมิ่นฯ จนสุดท้ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ มาใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มในการเคลื่อนไหวล้มสถาบันฯ นอกจากนี้ยังมีนายธงชัย วินิจจะกุล ซึ่งวิวาทะมีจุดอ่อนอยู่เต็มไปหมด
โดยนายสนธิ ระบุว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ในการเคลื่อนไหวเพื่อล้มกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับ"ความมั่นคง" มิใช่กฎหมาย "หมิ่นประมาท"ธรรมดา ชื่อของนายแฮรี นิโคไลด์ส มักจะถูกหยิบยกมาเสมอว่า เขาเป็นเหยื่อของกฎหมายฉบับนี้ โดยมีขบวนการสร้างภาพลักษณ์ที่น่ากลัวให้กับ สถาบันกษัตริย์ของไทยว่า ละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เพราะ สถาบันกษัตริย์ เป็นหนึ่งในรากฐานการปกครอง ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของไทย
นายสนธิ กล่าวว่า นายนิโคไลด์ส ได้เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อออสเตรเลียคือ หนังสือพิมพ์ The Sydney Morning Herald ว่า เขาเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างมาก โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า
"On the king's 81st birthday I saw fireworks in the distance. Some prisoners had tears in their eyes, praising a man they regard not just as their king but their father. I may not be Thai, but I am a son, and I know what it means to love a father. I am applying for a royal pardon. I pray the king learns of my plight so I might enjoy his grace. ซึ่งแปลความหมายเป็นไทยได้ว่า ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา ผมเห็นพลุในระยะไกล นักโทษบางคนร่ำไห้ออกมา กล่าวสรรเสริญบุคคลซึ่งไม่ได้เป็นเพียง “กษัตริย์” ของพวกเขา แต่เป็น“พ่อ”ด้วย ผมอาจไม่ใช่คนไทย แต่ผมก็เป็นลูก ผมรู้ความรู้สึกของการรักพ่อ ผมจึงดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษ และผมภาวนาว่าพระองค์ทรงรับรู้ถึงชะตากรรมของผม และผมจะได้รับความเมตตา" นายสนธิกล่าว และว่าหลังจากนั้นอีกไม่นาน ในวันที่ 20 ก.พ. นายนิโคไลด์ส ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเดินทางกลับไปบ้านเกิดโดยสวัสดิภาพ
ส่วนที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมาย และมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ระบุถึงการมีเบื้องหน้าเบื้องหลังนั้น นายสนธิ กล่าวว่า นายใจ อึ้งภากรณ์ ชูประเด็นว่ากฎหมายไม่ยุติธรรม เพราะบุคคลมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ ทำให้ชาวต่างชาติ และอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคนที่ยังโง่ ร่วมเซ็นชื่อไปกับเขาด้วย โดยเฉพาะนายธงชัย เป็นบุคคลประเภทที่เอากระบวนทัศน์ที่ถูกต้องตามหลักสากล แต่ไม่ยอมรับขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีในบ้านเรา แล้วยังไปสอนเด็กนักเรียนเรื่องสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์
"สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจ ทั้งปราบปราม ทั้งถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และสั่งให้นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เลิกจัดรายการ ถามว่าทั้งนายธงชัย นายใจ และอาจารย์รัฐศาสตร์ปากกล้าของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ ไปซุกกระโปรงอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ออกมาพูด" นายสนธิกล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปปาฐกถาในงานวันนักข่าวฉลองครบรอบ 54 ปี ว่า การปาฐกถาของนายอภิสิทธิ์นั้น พยายามที่จะชี้ให้เห็นถึงการปฏิรูปการเมืองโดยแท้จริง สรุปคือนายอภิสิทธิ์ ระบุว่านักการเมืองต้องรู้จักคำว่า พอเพียง เพราะถ้าการเมืองมีอำนาจมากเกินไป การเมืองก็มีโอกาสที่จะใช้การเมืองมาเปลี่ยนโครงสร้างของสังคมได้ แต่ถ้าหากกลับกันโดยเปลี่ยนให้สังคมมีเศรษฐกิจดีขึ้นนั้น หมายถึง ต้องมีความยุติธรรมในด้านการค้าขาย และการครองชีพ นั่นก็คือการลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้แคบลง โดยให้คนที่มีเงินซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย รับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น ฉะนั้นคำว่า กินดี อยู่ดี ของนักการเมืองในสมัยก่อนจะวัดกันตรงที่รากหญ้ามีเงินใช้ มีทีวี มีรถยนต์ใช้ แต่มีหนี้มาก
"จำหลวงตามหาบัวได้หรือไม่ ตอนที่ท่านทำผ้าป่าช่วยชาติเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว โดยให้ประชาชนช่วยบริจาคทองคำ ซึ่งในสมัยก่อนทองคำบาทละ 8 พันบาท แต่ในสมัยนี้ทองคำบาทละ 16,000 บาท ซึ่งใครก็ตามที่ทำบุญร่วมกับหลวงตามหาบัว ถือว่าได้บุญมหาศาล แต่ก็มีหลายคนที่ยิ้มเยาะหลวงตามหาบัว ฉะนั้นพวกเจ้าหน้าที่แบงก์ชาติทั้งหลาย ที่ไปรับทองจากหลวงตามหาบัว ก็รับไปอย่างนั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว กำลังหาวิธีที่จะเอาเงินคงคลัง เพื่อเอาไปลงทุน"
นายสนธิ ยังกล่าวถึงเศรษฐกิจของประเทศจีนว่า เขาว่า เศรษฐกิจจีนใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และถ้าจีนฟื้นตัวขึ้นมา ก็จะเกิดการกระตุ้นการใช้จ่ายของประเทศจีนได้ โดยเขาวางโครงสร้างทีละนิด แต่ตอนเศรษฐกิจยังคงดิ่งเหว จีนจึงอัดเม็ดเงินลงไปอีก 1 ล้านล้านหยวน ซึ่งไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเพียงก้อนกรวดก้อนหนึ่งหรือไม่ ส่วนประเทศไทย ถ้าเป็นสมัยก่อนใครที่ทำงานซิตี้แบงก์ ถือว่ามีหน้ามีตา ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับพนักงาน เอเอสทีวี ถึงเงินเดือนไม่มาก แต่ก็มีความสุข เพราะประชาชนช่วยเหลือเรา
"ตลาดเป็นดัชนีชี้ เพราะเป็นตลาดการพนัน ซึ่งหุ้นขึ้นหรือลง บ่งบอกถึงความเชื่อมั่น โดยเฉพาะประเทศอเมริกานั้น เป็นครั้งแรกที่หุ้นตกลงมากว่า 6 พันจุด ซึ่งแปลว่าหุ้นจะต้องตกลงมาเรื่อยๆ ถ้าเทียบกับรัฐบาลไทยแล้ว ถือว่าไทยยังดีกว่า เนื่องจากมีเงินทุนสำรองที่เป็นดอลล่าร์อเมริกันอีกกว่าแสนล้าน"
แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลอนุมัติหมายจับกลุ่มเสื้อแดง 6 คนว่า วันนี้ศาลออกหมายจับ 6 คน แต่ไม่มีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งน่าจะเป็นผู้บงการรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ นายจตุพร ยังส่อสันดานออกมาโดยระบุว่า หมายจับที่ออกมา 6 วันนั้น เร็วกว่าหมายจับพันธมิตรฯ แสดงว่านายจตุพร ยังติดนิสัยโกหก เพราะพันธมิตรฯ ยังเดินขึ้นโรงขึ้นศาลมาโดยตลอด รวมทั้งยังมีอีกหลายเรื่องที่ขณะนี้อยู่ในมืออัยการ ส่วนที่ตำรวจดำเนินคดีกับกลุ่มเสื้อแดงอย่างรวดเร็วนั้น เป็นเพราะ เอเอสทีวี เสนอข่าวออกมา ทำให้ตำรวจไม่มีทางเลือก จึงต้องออกหมายจับ
"คุณถามตัวคุณเองดูสิว่า ที่ยิงพันธมิตรฯตายไป 7-8 คน บาดเจ็บอีก 700 กว่าคน แต่เรื่องยังไม่ไปถึงไหน แล้วทำไมไม่พูดบ้าง รวมทั้งที่ผมเอาเรื่องของนางดา ตอร์ปิโด หมิ่นสถาบันฯ ไปพูดบนเวที ไม่ถึง 3 วัน ตำรวจออกหมายจับผมแล้ว ฉะนั้นคุณจึงใช้ไม่ได้ เพราะการกระทำของคุณส่อเจตนารมณ์ และสกุลของกลุ่มเสื้อแดง ที่สำคัญผมเสียดายที่คุณเป็นคนใต้ เพราะส่วนใหญ่เขารักชาติบ้านเมืองจนเสียชีวิตไปหลายคน แต่คุณมีเชื้อสายเป็นคนใต้ กลับขายวิญญาณให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แถมยังพูดจาหยาบคายทั้งๆ ที่เป็นส.ส. ฉะนั้นขอเตือนว่าจุดจบคุณไม่ดีแน่นอนในอนาคต" นายสนธิกล่าว
เมื่อเวลา 06.00-07.00 น.วานนี้ (6 มี.ค.)นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ดำเนินรายการ “Good Morning Thailand” ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน โดยมีประเด็นข่าวที่น่าสนใจหลายเรื่อง
เริ่มจากกระแสข่าวเรื่องการล่ารายชื่อแก้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของ 50 นักวิชาการต่างประเทศว่า กลุ่มนักวิชาการดังกล่าวเป็นแนวร่วมของนายใจ อึ้งภากรณ์ นายจักรภพ เพ็ญแข และกลุ่มเสื้อแดง โดยคนกลุ่มนี้ได้หยิบยกกรณีนายแฮรี่ นิโคไลด์ส ชาวออสเตรเลีย ซึ่งถูกจำคุก 3 ปี ฐานหมิ่นฯ จนสุดท้ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ มาใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มในการเคลื่อนไหวล้มสถาบันฯ นอกจากนี้ยังมีนายธงชัย วินิจจะกุล ซึ่งวิวาทะมีจุดอ่อนอยู่เต็มไปหมด
โดยนายสนธิ ระบุว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ในการเคลื่อนไหวเพื่อล้มกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับ"ความมั่นคง" มิใช่กฎหมาย "หมิ่นประมาท"ธรรมดา ชื่อของนายแฮรี นิโคไลด์ส มักจะถูกหยิบยกมาเสมอว่า เขาเป็นเหยื่อของกฎหมายฉบับนี้ โดยมีขบวนการสร้างภาพลักษณ์ที่น่ากลัวให้กับ สถาบันกษัตริย์ของไทยว่า ละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เพราะ สถาบันกษัตริย์ เป็นหนึ่งในรากฐานการปกครอง ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของไทย
นายสนธิ กล่าวว่า นายนิโคไลด์ส ได้เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อออสเตรเลียคือ หนังสือพิมพ์ The Sydney Morning Herald ว่า เขาเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างมาก โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า
"On the king's 81st birthday I saw fireworks in the distance. Some prisoners had tears in their eyes, praising a man they regard not just as their king but their father. I may not be Thai, but I am a son, and I know what it means to love a father. I am applying for a royal pardon. I pray the king learns of my plight so I might enjoy his grace. ซึ่งแปลความหมายเป็นไทยได้ว่า ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา ผมเห็นพลุในระยะไกล นักโทษบางคนร่ำไห้ออกมา กล่าวสรรเสริญบุคคลซึ่งไม่ได้เป็นเพียง “กษัตริย์” ของพวกเขา แต่เป็น“พ่อ”ด้วย ผมอาจไม่ใช่คนไทย แต่ผมก็เป็นลูก ผมรู้ความรู้สึกของการรักพ่อ ผมจึงดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษ และผมภาวนาว่าพระองค์ทรงรับรู้ถึงชะตากรรมของผม และผมจะได้รับความเมตตา" นายสนธิกล่าว และว่าหลังจากนั้นอีกไม่นาน ในวันที่ 20 ก.พ. นายนิโคไลด์ส ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเดินทางกลับไปบ้านเกิดโดยสวัสดิภาพ
ส่วนที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมาย และมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ระบุถึงการมีเบื้องหน้าเบื้องหลังนั้น นายสนธิ กล่าวว่า นายใจ อึ้งภากรณ์ ชูประเด็นว่ากฎหมายไม่ยุติธรรม เพราะบุคคลมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ ทำให้ชาวต่างชาติ และอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคนที่ยังโง่ ร่วมเซ็นชื่อไปกับเขาด้วย โดยเฉพาะนายธงชัย เป็นบุคคลประเภทที่เอากระบวนทัศน์ที่ถูกต้องตามหลักสากล แต่ไม่ยอมรับขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีในบ้านเรา แล้วยังไปสอนเด็กนักเรียนเรื่องสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์
"สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจ ทั้งปราบปราม ทั้งถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และสั่งให้นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เลิกจัดรายการ ถามว่าทั้งนายธงชัย นายใจ และอาจารย์รัฐศาสตร์ปากกล้าของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ ไปซุกกระโปรงอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ออกมาพูด" นายสนธิกล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปปาฐกถาในงานวันนักข่าวฉลองครบรอบ 54 ปี ว่า การปาฐกถาของนายอภิสิทธิ์นั้น พยายามที่จะชี้ให้เห็นถึงการปฏิรูปการเมืองโดยแท้จริง สรุปคือนายอภิสิทธิ์ ระบุว่านักการเมืองต้องรู้จักคำว่า พอเพียง เพราะถ้าการเมืองมีอำนาจมากเกินไป การเมืองก็มีโอกาสที่จะใช้การเมืองมาเปลี่ยนโครงสร้างของสังคมได้ แต่ถ้าหากกลับกันโดยเปลี่ยนให้สังคมมีเศรษฐกิจดีขึ้นนั้น หมายถึง ต้องมีความยุติธรรมในด้านการค้าขาย และการครองชีพ นั่นก็คือการลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้แคบลง โดยให้คนที่มีเงินซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย รับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น ฉะนั้นคำว่า กินดี อยู่ดี ของนักการเมืองในสมัยก่อนจะวัดกันตรงที่รากหญ้ามีเงินใช้ มีทีวี มีรถยนต์ใช้ แต่มีหนี้มาก
"จำหลวงตามหาบัวได้หรือไม่ ตอนที่ท่านทำผ้าป่าช่วยชาติเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว โดยให้ประชาชนช่วยบริจาคทองคำ ซึ่งในสมัยก่อนทองคำบาทละ 8 พันบาท แต่ในสมัยนี้ทองคำบาทละ 16,000 บาท ซึ่งใครก็ตามที่ทำบุญร่วมกับหลวงตามหาบัว ถือว่าได้บุญมหาศาล แต่ก็มีหลายคนที่ยิ้มเยาะหลวงตามหาบัว ฉะนั้นพวกเจ้าหน้าที่แบงก์ชาติทั้งหลาย ที่ไปรับทองจากหลวงตามหาบัว ก็รับไปอย่างนั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว กำลังหาวิธีที่จะเอาเงินคงคลัง เพื่อเอาไปลงทุน"
นายสนธิ ยังกล่าวถึงเศรษฐกิจของประเทศจีนว่า เขาว่า เศรษฐกิจจีนใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และถ้าจีนฟื้นตัวขึ้นมา ก็จะเกิดการกระตุ้นการใช้จ่ายของประเทศจีนได้ โดยเขาวางโครงสร้างทีละนิด แต่ตอนเศรษฐกิจยังคงดิ่งเหว จีนจึงอัดเม็ดเงินลงไปอีก 1 ล้านล้านหยวน ซึ่งไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเพียงก้อนกรวดก้อนหนึ่งหรือไม่ ส่วนประเทศไทย ถ้าเป็นสมัยก่อนใครที่ทำงานซิตี้แบงก์ ถือว่ามีหน้ามีตา ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับพนักงาน เอเอสทีวี ถึงเงินเดือนไม่มาก แต่ก็มีความสุข เพราะประชาชนช่วยเหลือเรา
"ตลาดเป็นดัชนีชี้ เพราะเป็นตลาดการพนัน ซึ่งหุ้นขึ้นหรือลง บ่งบอกถึงความเชื่อมั่น โดยเฉพาะประเทศอเมริกานั้น เป็นครั้งแรกที่หุ้นตกลงมากว่า 6 พันจุด ซึ่งแปลว่าหุ้นจะต้องตกลงมาเรื่อยๆ ถ้าเทียบกับรัฐบาลไทยแล้ว ถือว่าไทยยังดีกว่า เนื่องจากมีเงินทุนสำรองที่เป็นดอลล่าร์อเมริกันอีกกว่าแสนล้าน"
แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลอนุมัติหมายจับกลุ่มเสื้อแดง 6 คนว่า วันนี้ศาลออกหมายจับ 6 คน แต่ไม่มีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งน่าจะเป็นผู้บงการรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ นายจตุพร ยังส่อสันดานออกมาโดยระบุว่า หมายจับที่ออกมา 6 วันนั้น เร็วกว่าหมายจับพันธมิตรฯ แสดงว่านายจตุพร ยังติดนิสัยโกหก เพราะพันธมิตรฯ ยังเดินขึ้นโรงขึ้นศาลมาโดยตลอด รวมทั้งยังมีอีกหลายเรื่องที่ขณะนี้อยู่ในมืออัยการ ส่วนที่ตำรวจดำเนินคดีกับกลุ่มเสื้อแดงอย่างรวดเร็วนั้น เป็นเพราะ เอเอสทีวี เสนอข่าวออกมา ทำให้ตำรวจไม่มีทางเลือก จึงต้องออกหมายจับ
"คุณถามตัวคุณเองดูสิว่า ที่ยิงพันธมิตรฯตายไป 7-8 คน บาดเจ็บอีก 700 กว่าคน แต่เรื่องยังไม่ไปถึงไหน แล้วทำไมไม่พูดบ้าง รวมทั้งที่ผมเอาเรื่องของนางดา ตอร์ปิโด หมิ่นสถาบันฯ ไปพูดบนเวที ไม่ถึง 3 วัน ตำรวจออกหมายจับผมแล้ว ฉะนั้นคุณจึงใช้ไม่ได้ เพราะการกระทำของคุณส่อเจตนารมณ์ และสกุลของกลุ่มเสื้อแดง ที่สำคัญผมเสียดายที่คุณเป็นคนใต้ เพราะส่วนใหญ่เขารักชาติบ้านเมืองจนเสียชีวิตไปหลายคน แต่คุณมีเชื้อสายเป็นคนใต้ กลับขายวิญญาณให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แถมยังพูดจาหยาบคายทั้งๆ ที่เป็นส.ส. ฉะนั้นขอเตือนว่าจุดจบคุณไม่ดีแน่นอนในอนาคต" นายสนธิกล่าว