xs
xsm
sm
md
lg

อัยการบุกฮ่องกงล่าแม้วจี้พัชรวาทฟันส.ส.เพื่อไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- อัยการเผย ได้ส่งหนังสือพร้อมส่งคนไปประสานกับทางฮ่องกง เพื่อล่าตัว"แม้ว"กลับมารับโทษในไทยแล้ว ขณะที่ส.ส.ปชป.จี้ "พัชรวาท" ฟันส.ส.เพื่อไทย ที่บินไปพบ"แม้ว" ระบุเป็นการช่วยปกปิดแหล่งกบดานของนักโทษหนีคดี ด้านทูตอังกฤษขำเรื่องคืนวีซ่าแม้ว แค่ข่าวลือ ตำรวจเตรียมออกหมายจับ"เสื้อแดง"ที่รุมทำร้ายทหาร และประชาชน ที่พิษณุโลก
เมื่อเวลา13.00 น. วานนี้ (3 มี.ค.) นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะได้ยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผ่านพล.ต.ต.มนู เมฆหมอก เลขานุการ ตร. เพื่อให้ดำเนินคดีต่อกลุ่มส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก ในความผิดฐานซ่อนเร้นหรือโดยช่วยเหลือจำเลยด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189
ทั้งนี้ จากกรณีที่มี ส.ส.กลุ่มหนึ่งของพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยตามหมายจับของศาล ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งอัยการสูงสุดและตำรวจ อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อติดตามตัวกลับมาลงโทษตามกฎหมาย แต่ปรากฏว่า ส.ส.เหล่านี้กลับไม่ได้ให้ข้อมูลซึ่งเป็นแหล่งพำนักที่แน่นอนของพ.ต.ท.ทักษิณ กับเจ้าหน้าที่ กรณีจึงเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 189 เพราะหากมีการให้ข้อมูลส่วนนี้กับทางเจ้าหน้าที่ จะเป็นประโยชน์มากในการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดี

**ลั่นตำรวจเกียร์ว่างไม่ได้
นายสาธิต กล่าวว่า การมายื่นหนังสือในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการร้องทุกข์หรือแจ้งความให้ดำเนินคดี แต่เป็นการชี้ช่องให้ตำรวจดำเนินการเท่านั้น โดยจะให้เวลา 2 สัปดาห์ หากไม่มีความคืบหน้าก็จะมาแจ้งความด้วยตัวเองอีกครั้ง
พร้อมกันนี้ นายสาธิตได้มอบตัวอย่างรายชื่อส.ส.ที่เดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 4 คน ได้แก่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายประชา ประสพดี นายสุชาติ ลายน้ำเงิน และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส่วนรายชื่อที่เหลือรวมทั้งพยานหลักฐานเพิ่มเติม เชื่อว่าตำรวจคงจะหาได้ไม่ยาก
"เรื่องนี้ตำรวจจะเกียร์ว่างไม่ได้ หลังจากที่ตนยื่นหนังสือไปแล้วจะมีการติดตามว่าหลังจากนี้ไป ผบ.ตร.มีการดำเนินการอย่างไรกับส.ส.เหล่านี้บ้าง อย่างน้อยที่สุดน่าจะมีการเรียกมาสอบถามหรือให้ข้อมูล ส่วนจะมาหรือไม่มาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากสอบถามไปแล้วไม่ตอบ หรือเรียกไปแล้วไม่มา ก็ครบองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย ตำรวจก็สามารถดำเนินคดีได้ทันที"
นายสาธิตกล่าวด้วยว่านอกจากต้องการให้ดำเนินคดีกับ ส.ส.กลุ่มนี้แล้ว อีกประการหนึ่งก็เพื่อให้เกิดสำนึกที่ดีกับส.ส.เหล่านี้ว่า การที่ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าเป็นส่วนตัวซึ่งหากเป็นคนเคยเคารพกันก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ต้องหาหนีหมายจับ จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ใช่ไปพบมา แล้วมาพูดกับสื่อมวลชนอย่างเป็นปกติ ในทำนองว่าไปพบมาแล้วมีการพูดคุยเรื่องกิจกรรมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย แต่กลับไม่มีการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้เป็นเกมการเมือง นายสาธิต กล่าวว่า คงปฏิเสธว่าอะไรไม่เป็นเรื่องการเมืองไม่ได้ เพราะเราอยู่ในแวดวงการเมือง แต่สิ่งที่สำคัญตนมองว่า กระบวนการยุติธรรมต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งที่ผ่านมาอุปสรรคสำคัญที่สุดในการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีคือ ไม่ทราบที่อยู่ที่แน่ชัดของพ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้อัยการไม่สามารถที่จะประสานไปยังต่างประเทศเพื่อให้ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนได้ ซึ่งส.ส.เหล่านี้จะสามารถยืนยันได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหนกันแน่
ด้าน พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก เลขานุการ ตร. กล่าวว่า หลังจากนี้จะได้นำเรื่องเสนอพล.ต.อ.พัชรวาท เพื่อพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการต่อไป
**อัยการประสานฮ่องกงล่าแม้ว
ด้านนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า อัยการยังคงพยายามในการดำเนินการติดตามตัวอยู่ โดยคณะทำงานซึ่งมีนายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด และนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ ก็ประสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศมาโดยตลอด แต่บางครั้งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องของการสืบสวนสอบสวน
นายธนพิชญ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้สำนักงานอัยการสูงสุดได้ทำหนังสือประสานความร่วมมือ และส่งถิ่นที่อยู่ของพ.ต.ท.ทักษิณ ในประเทศฮ่องกงไปยังสถานกงสุลใหญ่ประจำประเทศฮ่องกง ให้ดำเนินการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ตามหลักการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนสากล
"ผมยืนยันได้ว่า อัยการเดินหน้าติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณมาตลอด และได้ประสานกงสุลใหญ่ในประเทศฮ่องกงให้ติดตามจับกุมตัวแล้ว นอกจากนี้ยังสืบหาถิ่นที่อยู่ของพ.ต.ท.ทักษิณในประเทศต่างๆ เพื่อทำหนังสือประสานความร่วมมือกับประเทศนั้นๆ ส่งตัวกลับมา ซึ่งน่าจะมีความคืบหน้าในเร็วๆนี้” โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการส่งพนักงานอัยการไปติดตามความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะเดินสายจัดปาฐกถาที่ฮ่องกงตามที่รัฐบาลระบุหรือไม่ นายธนพิชญ์ ยอมรับว่าได้ส่งคณะทำงานอัยการไปที่ฮ่องกง ในช่วงวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมาจริง แต่ไม่ได้เดินทางไปตามคำสั่งของรัฐบาล เป็นการเดินทางไปทำหน้าที่ของอัยการตามกฎหมาย และความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ทราบว่าคณะทำงานอัยการชุดดังกล่าวจะเดินทางกลับประเทศไทยแล้วหรือไม่ แต่หากเดินทางกลับมาก็จะต้องรายงานผลการปฏิบัติงานให้ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด (อสส.) และคณะทำงานอัยการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งตนในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการทราบความคืบหน้า
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะทราบว่าอัยการได้ประสานกับทางฮ่องกง และส่งอัยการไปติดตามความเคลื่อนไหวก่อน จึงงดการปาฐกถาในวันที่ 2 มี.ค. นายธนพิชญ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ทางอัยการได้ประสานความร่วมมือกับประเทศฮ่องกงไปนานแล้ว และเป็นความลับทางราชการ จึงไม่ได้มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้
ด้านนายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ตำรวจดำเนินการกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบพ.ต.ท. ทักษิณ ฐานปกปิดที่อยู่จำเลยว่าการเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณนั้นเพราะผูกพันกันเป็นการส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร เพราะการเดินทางไปพบหรือพูดคุยนั้น ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ส.ส.สามารถทำได้

**ทูตอังกฤษชี้คืนวีซ่าแม้วแค่ข่าวลือ
จากรณีที่มีกระแสข่าวว่า ทางการอังกฤษ เตรียมคืนวีซ่า ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเรื่องนี้ นายควินตัน เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นประธานจัดสัมมนา การต่อต้านการค้ามนุษย์ ที่โรงแรมปาร์ค นายเลิศ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เมื่อวานนี้ (3มี.ค.) โดยกล่าวปฏิเสธที่จะแสดงคิดเห็น และระบุว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ยังไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด จึงไม่อยากพูดถึง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า อังกฤษคืนวีซ่าให้กับพ.ต.ท. ทักษิณ ว่า ไม่รู้เรื่องแต่ทางทูตของสหราชอาณาจักรได้ชี้แจงแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องภายในของเขา แต่ไทยมีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากที่ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีรัฐบาลอังกฤษคืนวีซาให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ก็เชื่อว่าเป็นจินตนาการของพ.ต.ท.ทักษิณ และบอกกล่าวไปยังสมาชิกเพื่อไทย เพราะข้อเท็จจริงคือได้มีการส่งทนายความไปยื่นอุทธรณ์คำสั่งการระงับวีซ่า ซึ่งเป็นสิทธิที่ใครก็สามารถอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ แต่การจะให้หรือไม่เป็นสิทธิของประเทศนั้นๆ
"พ.ต.ท.ทักษิณถูกยกเลิกวีซ่าอยู่ในสถานะผู้ต้องหาที่หนีคดีโทษจำคุก 2 ปี จากกระบวนการยุติธรรม วันนี้ก็ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงในสถานะ จึงไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากวันที่เคยถูกสั่งระงับวีซ่า จนถึงนาทีนี้ ความหวังของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะไปถ่ายรูปที่ห้างแฮร์รอต ก็ไม่แน่ใจว่าถ่ายรูปหน้าแฮร์รอตกับหน้าเรือนจำอย่างไหนจะได้ถ่ายก่อน" นายเทพไทกล่าว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีการโฟนอินลงไปถึงระดับหมู่บ้านว่า รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่รัฐบาลจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เพราะมีหลายเรื่องที่รัฐบาลจะต้องใช้สมาธิในการทำงาน ซึ่งหลังจากเสร็จการประชุมอาเซียนซัมมิท จนจะเดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติด และปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมไปถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ปัญหาสังคม รัฐบาลมีงานทำเยอะแยะ จึงไม่มีเวลาคิดเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ

**"อำนวย"โวหมายจับเสื้อแดง2 ราย
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงการดำเนินการขออนุมัติหมายจับ กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ทำร้ายทหาร ว่าขณะนี้ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ว่าได้ภาพถ่ายของผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 ราย และจะนำภาพที่ได้ไปให้ผู้เสียหายชี้ภาพก่อนว่า ใช่คนที่รุมทำร้ายหรือไม่ และหากว่าใช่ก็จะดำเนินการขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติมในคราวเดียวกัน ในวันนี้ รวมเป็น 2 ราย เนื่องจากร่วมกันกระทำผิดในคราวเดียวกัน
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. กล่าวว่า หากมีการแจ้งความหรือออกหมายจับคนเสื้อแดงที่ทำร้ายทหาร ตนจะไปประกันตัวด้วยตัวเอง โดยใช้ตำแหน่งส.ส.เป็นประกัน

**เตรียมหมายจับเสื้อแดงพิษณุโลก
ด้านพล.ต.ต.ธรรมนูญ เพชรบุรีกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.)พิษณุโลก เผยถึงความคืบหน้าคดีกลุ่มคนเสื้อแดง หรือกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่รุมทำร้ายชาวพิษณุโลก ซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ในช่วงที่กำลังจะมีคอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 3 ของพันธมิตรฯ จนได้รับบาดเจ็บว่า ล่าสุดตำรวจได้รวบรวมพยานและหลักฐานเกือบแล้วเสร็จ และต้องเรียกสอบ นายภาณุกฤษ พัชรอารี แกนนำกลุ่มรักษ์ประชาธิปไตยสองแคว (รปส.) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ และเตรียมประสานไปยังตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อดำเนินการกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ตามหมายเรียก และหากไม่มาก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.สมบูรณ์ สีแดง พงส.(สบ.2) สภ.เมืองพิษณุโลก เจ้าของคดี เผยว่าได้เรียกสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุจำนวน 20 ปาก มีภาพหลักฐานชัดเจนว่า กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ไม่ต่ำกว่า 5 คน รุมทำร้ายประชาชนจริง และทราบตัวผู้กระทำชัดเจนแล้ว หลังจากนี้ตนจะประสานไปยังตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อขอออกหมายเรียกและหมายจับมาดำเนินคดีอย่างแน่นอน ในข้อหากระทำความผิด ทำร้ายร่างกาย

**ยุติสืบพยานรอถอนฟ้องขับไล่พธม.
ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีที่ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยนายลอยเลื่อน บุญนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กับพวกร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 เรื่องละเมิด ขอให้ศาลสั่งขับไล่จำเลยทั้งหกกับพวกออกจากทำเนียบรัฐบาล
โดยนายเมธี ใจสมุทร ทนายความโจทก์ แถลงต่อศาลว่า เนื่องจากปัจจุบันนี้จำเลยทั้งหกกับพวก ได้ออกจากทำเนียบรัฐบาล และเปิดการจราจรเปิดการจราจร บริเวณถนนพิษณุโลก และถนนราชดำเนินแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะขอบังคับจำเลยทั้งหกตามฟ้อง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงขอแถลงไม่ติดใจสืบพยานโจทก์ ทั้งนี้อยู่ระหว่างที่โจทก์กำลังพิจารณาว่า จะถอนฟ้องหรือไม่ จึงขอให้ศาลเลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อรอฟังว่าโจทก์จะถอนฟ้องหรือไม่ ขณะที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความจำเลยทั้งหกแถลงไม่ติดใจสืบพยานจำเลยเช่นกัน
ศาลพิจารณาแล้ว เมื่อทนายความทั้งสองฝ่ายแถลงรับข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งหกกับพวกได้ออกจากทำเนียบรัฐบาลและเปิดการจราจรแล้ว โดยไม่ติดใจสืบพยานทั้งสองฝ่าย คดีจึงเป็นอันเสร็จการพิจารณา แต่เนื่องจากโจทก์จะยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จึงเห็นควรให้เลื่อนไปนัดพร้อมในวันที่ 19 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.
นาย อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่ทนายของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีถอนฟ้องคดีแพ่ง 5 แกนนำพันธมิตรฯ ที่บุกยึดทำเนียบรัฐบาลว่า ไม่ได้สอบถาม เพราะไม่เกี่ยวแต่เป็นเรื่องของผู้เสียหายที่เขาฟ้อง เป็นคดีความซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่รัฐบาลนี้จะเข้ามา ฉะนั้นผู้เป็นเจ้าของเรื่องก็ดำเนินการไป ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลติดใจอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ามันฟ้องร้องไปแล้วจะไปทำอะไร ส่วนคดีอาญาอย่างที่เรียน มีการดำเนินการอยู่ ส่วนที่ถอนเป็นคดีแพ่งเมื่อพูดถึงคดีทางแพ่งก็ต้องเป็นเรื่องของผู้เสียหาย

**เลื่อนสั่งคดี 9 พันธมิตรฯ
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ในฐานะทนายความของ 9 แกนนำพันธมิตรฯ เข้าพบพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ตามนัดฟังคำสั่งคดีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และพวกรวม 9 คน ถูกตั้งข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีการอื่นใดเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาลฯ , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่า จะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก โดยอัยการมีคำสั่งเลื่อนนัดออกไปเป็นวันที่ 8 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. เนื่องจากการสอบสวนเพิ่มเติมยังไม่แล้วเสร็จ
**"สนธิ"สู้คดีหมิ่นฯ-ยันจงรักภักดี
ขณะเดียวกัน นายนิติธร ยังได้เข้าพบอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เพื่อขอเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท และดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ราชินี และรัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีนำคำพูดของน.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด ที่กล่าวข้อความหมิ่นเบื้องสูง เผยแพร่บนเวทีพันธมิตรฯ
โดยนายนิติธร กล่าวว่า ตนได้นำคำให้การเพิ่มเติมของนายสนธิ ยื่นต่อพนักงานอัยการด้วย เพื่อยืนยันว่า นายสนธิ ผู้ต้องหามีเจตนาบริสุทธิ์ และมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน โดยการพิจารณาสำนวนและข้อกล่าวหาขอให้พิจารณาเนื้อหาที่ถอดจากแผ่นบันทึกภาพและเสียงตั้งแต่ต้นจนจบมิใช่เพียงช่วงใดช่วงหนึ่งเพื่อพิจารณาถึงเจตนารวมทั้งขอให้ย้อนกลับไปดูพฤติการณ์ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ผ่านมาว่ามีวัตถุประสงค์เรียกร้องในเรื่องใด ซึ่งอัยการได้นัดฟังคำสั่งคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 29 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
**คุยแม้วโฟนอินเสื้อแดงทุกจังหวัด
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มนปช. กล่าวว่า ในการเดินสายชุมนุมของคนเสื้อแดงในต่างจังหวัด จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. นี้ โดยจัดชุมนุมที่ จ.ขอนแก่น วันที่ 14 มี.ค. จะชุมนุมที่จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่15 มี.ค.จะชุมนุมที่ จ.จันทบุรี และวันที่ 22 มี.ค.ที่ จ.เชียงใหม่ โดยทุกพื้นที่ของการชุมนุมนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า จะโฟนอินมาอย่างแน่นอน โดยจะพูดถึงประเด็นปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ปัญหาสังคม การเมือง รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่ท่านอยากจะสื่อสารกับประชาชน และให้กำลังพี่น้องประชาชนในการต่อสู้
ทั้งนี้ หลังเสร็จจากเดินสายชุมนุมตามต่างจังหวัดแล้ว จะมีการชุมนุมใหญ่อีกครั้งที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะเป็นช่วงหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน เวลาที่ชัดเจน ยืนยันว่า การชุมนุมครั้งนี้จะชุมนุมแบบยืดเยื้อแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น