ASTVผู้จัดการรายวัน - “สนธิ ลิ้มทองกุล” จวก “ใจ อึ๊งภากรณ์” รับเชิญปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยลอนดอน นำเรื่องโกหกพกลมโจมตีสถาบัน-บิดเบือนใส่ร้ายพันธมิตรฯ ตั้งข้อสงสัย จุฬาฯ ให้ตำแหน่ง รศ.ได้อย่างไร ขณะที่“วีระ มุสิกพงศ์” ยกย่อง "ใจ" บนเวทีเสื้อแดง ให้เป็นกำลังสำคัญของคนเสื้อแดงในต่างประเทศ ชี้ชัดขบวนการล้มล้างสถาบันล้วนเกี่ยวโยงคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทยและ “ทักษิณ ชินวัตร” จวก FCC แค่สมาคมนักข่าวเต๊ะจุ๊ยแห่งฮ่องกง
เวลา 06.00น.วานนี้ (2 มี.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ดำเนินรายการ “Good Morning Thailand” ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีทีวี-ทีวีของประชาชน โดยหยิบยกกรณี นายใจ อึ้งภากรณ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งได้หลบหนีคดีไปอยู่ประเทศอังกฤษ และได้รับเชิญไปพูดที่ SOAS สถาบันการศึกษาเรื่องอาฟริกาและเอเชียตะวันออก ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา
นายสนธิกล่าวว่า หลังจากการรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย.49 ตนเคยไปพูดที่ SOAS ซึ่งมีนักศึกษาฝ่ายซ้ายพวกที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่จำนวนมาก ได้พยายามโจมตีการรัฐประหาร 19 ก.ย. โดยพยายามโยงใยว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และสถาบันกษัตริย์อยู่เบื้องหลัง
การพูดของนายใจ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. มีการทำเป็นวิดีโอคลิปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ Youtube ทั้งหมด 4 ตอน คือ 1.ทำไมกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทำลายประชาธิปไตย 2.ความพอเพียงที่หลอกหลวง 3.ลัทธิฟาสซิสม์ของพันธมิตรฯ และ 4.ราชวงศ์ที่ล้มเหลวและสังคมใหม่ของเสื้อแดง ซึ่งสิ่งที่นายใจพูดนั้นเป็นความจริงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์นอกนั้นโกหกหมด จึงไม่เข้าใจว่าคนที่โกหกอย่างหน้าด้านๆ อย่างนายใจไเป็นรองศาสตราจารย์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้อย่างไร
นายใจได้โกหกว่า วันที่ 7 ต.ค.2551 นั้น พันธมิตรมีอาวุธเต็มไปหมด ทั้งปืน ระเบิด อาวุธร้ายแรง ซึ่งถ้าเป็นคนมีสติ ไม่มีมิจฉาทิฐิ ก็ต้องรู้ว่าถ้าพันธมิตรฯ มีอาวุธรุนแรงอย่างนั้น ฝ่ายตนเองโดนฆ่าก็ต้องตอบโต้บ้าง ต้องมีตำรวจโดนระเบิดแขนขาด ขาขาด หรือบล้มตายบ้าง แต่เหตุการณ์วันนั้นไม่มีเลย
นายสนธิตั้งข้อสังเกตอีกว่า หลังจากนายใจพูดที่ SOAS เมื่อวันที่ 23 ก.พ.แล้ว ต่อมาวันที่ 26 ก.พ. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง ได้กล่าวปราศรัยที่หน้าทำเนียบรัฐบาลก่อนที่จะสลายการชุมนุมว่า ตามยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศนั้น นายใจ ลูกคนเล็กของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ปูชนียบุคคลระดับประเทศ จะเป็นแนวรบในต่างประเทศที่สำคัญยิ่งของพวกเรา และกำลังจะสร้างผลงานออกมาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่านายวีระ นายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คนเสื้อแดงทุกคนเป็นกลุ่มเดียวกับนายใจ และพิสูจน์ชัดว่าคนที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย โยงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ล้วนต้องการจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะนายใจพูดที่อังกฤษเมื่อวันที่ 23 ก.พ. นายวีระก็มาพูดวันที่ 26 ก.พ. แสดงว่านายวีระรู้เรื่องที่นายใจพูดและออกมารับลูกกัน
ตามยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศนั้นจะเอาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เอาบทบาทของสถาบันกษัตริย์ที่ถูกบิดเบือนมาโจมตี ซึ่งนอกจากนายใจแล้วก็จะมีที่ปรึกษาของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ นายแซม มูน จ้างล้อบบี้ยิสต์ที่ใกล้ชิดกับสื่ออย่าง ดิ อีโคโนมิสต์ ไฟแนนเชียลไทม์ และนายแซมก็เป็นคนปล่อยข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณไปเป็นที่ปรึกษาให้กับประเทศนิคารากัว
คำพูดของนายใจนั้น คนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงก็จะเออออห่อหมก ซึ่งตนเห็นว่าท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบัน นายกษิต ภิรมย์ จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อประชาสัมพันธ์สู้กับขบวนการใส่ร้ายประเทศไทยด้วยคำโกหกพวกนี้
สิ่งที่นายใจพูดทั้งหมด 4 ตอน อ่านแล้วอึ้ง อยากให้พี่น้องคิดว่านายใจเป็นถึง รศ. และยังมี รศ. หรือ ศ.อีกหลายคนที่เป็นแบบนายใจ บางคนอยู่ที่ธรรมศาสตร์ บางคนเป็นคณบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นคนสอนกฎหมายแต่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ไม่พูดถึงความผิดของทักษิณ แม้แต่จะสอนกฎหมายก็ยังไม่ควรมีสิทธิเลย ยังได้เป็นถึงคณบดีอีก สังคมไทยจึงอยู่ในช่วงวิกฤติจริงๆ
นายใจโกหกบิดเบือนให้ร้ายอย่างชัดเจน เช่น บอกว่า คปค.รัฐประการ 19 ก.ย.ในนามสถาบันกษัตริย์ และยังยังโกหกว่าระหว่างการรัฐประหาร ประชาชนไม่สามารถวิจารณ์ คปค.ได้ ถ้าวิจารณ์จะถูกตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งไม่จริงเลย เพราะทั้ง คปค.รัฐบาลขิงแก่ต่างโดนวิจารณ์อย่างหนักหนาสาหัส โดยตนเป็นคนหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คมช.อย่างรุนแรง นายใจกลับโกหกว่า ถ้าวิจารณ์ คมช.แล้วโดนข้อหาหมิ่น เป็นการโกหกคำโต เมื่อมองย้อนไปจึงไม่เข้าใจว่าคนอย่างนี้มาสอนหนังสือได้อย่างไร
นอกจากนี้ นายใจยังบอกว่าพันธมิตรฯ เป็น “การรวมตัวจากนรก” มาจากการรวมตัวของนักธุรกิจและนิยมกษัตริย์อย่างนายสนธิ ดังนั้น ตนขอดูถูกเหยียดหยามคนอย่างนายใจอย่างมาก และยังตั้งข้องสงสัยจุฬาฯ ที่ไปหลุดให้ตำแหน่ง รศ.นายใจอย่างไร รู้สึกสมเพช และสงสารเด็กๆ ที่เรียนอยู่
“มีนักธุรกิจที่ไหนมารวมตัวกัน มีแต่หนี กลัวกันหมด ไม่มีใครกล้ามาลงโฆษณากับเอเอสทีวี แถมบางคนยังแอบไปด่าพันธมิตรข้างหลัง ส่วนที่บอกว่า ผมเป็นพวกขวาจัดนั้น ผมจะเป็นอะไรไม่ทราบ แต่ผมเห็นว่าประเทศชาติจะขาดสถาบันกษัตริย์ไม่ได้เพราะสถาบันกษัตริย์ไทยมีบทบาทในการปกป้องและเสริมสร้างบ้านเมืองมานาน และได้มีพัฒนาการมาเรื่อยๆ ที่สำคัญคือกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ล้วนอยู่ในทศพิธราชธรรม”
นายใจยังได้กล่าวหา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ว่า เป็นคนที่ต่อต้านการทำแท้งเสรี เป็นการละเมิดสิทธิสตรี และต่อต้านเสรีภาพในการนับถือศาสนา
“ผมไม่รู้จะใช้คำพูดอะไรอธิบายการโกหกพกลมของนายใจ ทุกข้อที่นายใจพูดโกหกหมด พล.ต.จำลองท่านต้านการทำแท้งเสรี เพราะท่านกราบพระสวดมนต์ทุกเช้า ทุกเย็น ท่านเป็นนักปฏิบัติธรรม รักสันติ ทานอาหารเจ วันละมื้อเดียวมาตอลด ไม่ยึดติดในสมบัติ นี่คือการเป็นพุทธแท้ เมื่อเป็นพุทธแท้ การทำแท้งคือการฆ่าคน ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ท่านถึงค้าน ผมเองก็ค้าน และเชื่อว่าคนไทยร้อยละ 99.99 ก็ค้าน นี่เป็นความเชื่อทางศาสนาของเรา นายใจกลับบอกเป็นการต่อต้านสิทธิเสรีภาพของสตรี”
นอกจากนี้ นายใจยังต่อว่า นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย แล้วทำไมเขาไม่ตั้งข้อสังเกตว่านายพิภพ ที่เป็นผู้นำเอ็นจีโอ นายสมศักดิ์ ผู้นำแรงงาน นายสมเกียตินักวิชาการที่ทำงานเพื่อคนจน ทำไมมาร่วมกับนักต่อต้านทำแท้ง ทำไมมาร่วมกับนายสนธิ ซึ่งเป็นสื่อที่สู้เพื่อเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสาร ก็เพราะพวกเขาไม่เห็นด้วยกับระบอบทักษิณ ขณะที่นายใจไม่เคยพูดถึงความผิดของทักษิณเลย แต่กลับยก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นพ่อแทนพ่อของตัวเองไปแล้ว
“นายใจหาว่าพวกเราไม่เคยพูดเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน พูดแต่ว่าทักษิณคอร์รัปชั่น ทำไมคุณโง่อย่างนี้ คุณไม่เคยรู้เลยหรือว่า เราพูดเรื่องการอุ้มฆ่าภาคใต้ การฆ่าตัดตอน คุณไม่รู้ คุณรู้อย่าเดียวคือแค้นสถาบันฯ มาตั้งแต่ 6 ตุลา แล้วเอาความแค้นนั้นมาใส่ร้ายป้ายสี”
ที่ร้ายกว่านั้น นายใจโจมตีเศรษฐกิจพอเพียง หาว่าผิดหลักเศรษฐศาสตร์ นายใจไม่รู้หรือว่า องค์กรสหประชาชาติให้รางวัลกับทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถ้าไม่อยู่ในหลักเศรษฐศาสตร์ เขาให้รางวัลได้อย่างไร และข่าวนี้แพร่ไปทั่งโลก นายใจยังไม่ทราบเลย แสดงง่า เด็กที่เรียนด้วยคงรับความโง่ของนายใจเข้าไปเต็มๆ และอาจารย์ ที่ให้ รศ.กับนายใจก็โง่ด้วย
“มาร์ค” วุฒิภาวะเหนือ “แม้ว”
นายสนธิกล่าวถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เพิ่งเสร็จสิ้งลงว่า ในงานนี้นายอภิสิทธิ์ได้แสดงวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ แม้อายุจะน้อยกว่าทุกคน แต่วุฒิภาวะ วิสัยทัศน์ ถือว่าเหนือชั้น เป็นข้อแตกแตกที่เห็นได้ชัดระหว่างนายอภิสิทธิ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ จากการเปรียบเทียบการประชุมหลายๆ ครั้ง จะเห็นความสำรวม อ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาเป็นผู้เป็นคน มีมนุษยธรรม
สิ่งที่แสดงออกถึงความมีวิสัยทัศน์ของนายอภิสิทธิ์ คือ ได้มีบรรดาองค์กรเอกชนมาคัดค้านเรื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าไม่ได้เป็นมติเอกฉันท์ของประเทศสมาชิก จึงเอาเข้าวาระที่ประชุมไม่ได้ แต่ก็ได้ออกมาพูดว่าจะส่งเสริมให้มีการพูดคุยเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพราะเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งเรื่องชาวโรฮิงญา แรงงานอินโดนิเซียในสิงคโปร์ แรงงานพม่า ลาว ในไทย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวคือการตกลงเรื่องการค้าเสรีที่เปิดเสรีหมดทุกอย่าง หากเราไม่ได้เตรียมตัว ประชาชนจะเสียเปรียบ เหมือนสมัยทักษิณที่เปิดเขตการค้าเสรีกับจีนและออสเตรเลีย เพื่อแลกกับเซ็นสัญญาใช้ดาวเทียมไอพีสตาร์ คนที่เจ็บตัวคือเกษตรกรผู้ปลูกหอมกระเทียมและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม
ชำแหละ FCC สมาคมเต๊ะจุ๊ย
นายสนธิกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCC) ที่ฮ่องกงว่า จากข่าวล่าสุดไม่มีการไปพูดและไม่โฟนอินแน่นอน อย่างไรก็ตาม สำหรับ FCC นั้นไม่มีอะไรต่างไปกว่าสมาคมสื่อบางประเทศ เป็นที่รวมของนักข่าวกระจอกงอกง่อยที่มารวมตัวกันนั่งเต๊ะจุ๊ยกินเบียร์กัน นักข่าวอย่างซีเอ็นเอ็น บีบีซื จะไม่เข้ามายุ่ง ยกเว้นมีเรื่องเกี่ยวข้องจริงๆ ตนเคยได้รับเชิญไปพูดที่ FCC ที่ฮ่องกง 3 ครั้งและรู้ว่าสมาคมแห่งนี้ถูกแทรกแซงได้ มีคนที่เข้าไปตีสนิทคือนายจักรภพ ส่วน FCC ในไทยเขาเชิญมา 5 ครั้งแต่ตนไม่ไป
“ผมขี้เกียจไปเสริมบารมีพวกคุณ เพราะพวกคุณได้ตัดสินใจแล้วว่าคิดยังไงกับพวกผม คุณเป็นพวกทักษิณ โดยเฉพาะนายโจนาธาน เฮด ผมไม่ไป เพราะคุณตั้งเป้าแล้วว้าจะพูดกับผมแบบไหน ผมไม่แคร์คุณจะเขียนถึงผมยังไง พวกคุณก็ไม่ต่างจากสื่อภายใต้การบริหารของคุณทักษิณ ไม่ต่างจากรายการความจริงวันนี้ แม้แต่ไทมส์ อุตส่าห์ไปสัมภาษณ์ในทำเนียบก็เห็นอยู่ว่าเป็นยังไง ก็ยังหาว่าพวกเรากินเหล้า เราพกอาวุธ เพราะฉะนั้นสื่อพวกนี้ ก็อยู่ในกระบวนการโลกล้อมประเทศไทย” นายสนธิกล่าว
เวลา 06.00น.วานนี้ (2 มี.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ดำเนินรายการ “Good Morning Thailand” ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีทีวี-ทีวีของประชาชน โดยหยิบยกกรณี นายใจ อึ้งภากรณ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งได้หลบหนีคดีไปอยู่ประเทศอังกฤษ และได้รับเชิญไปพูดที่ SOAS สถาบันการศึกษาเรื่องอาฟริกาและเอเชียตะวันออก ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา
นายสนธิกล่าวว่า หลังจากการรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย.49 ตนเคยไปพูดที่ SOAS ซึ่งมีนักศึกษาฝ่ายซ้ายพวกที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่จำนวนมาก ได้พยายามโจมตีการรัฐประหาร 19 ก.ย. โดยพยายามโยงใยว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และสถาบันกษัตริย์อยู่เบื้องหลัง
การพูดของนายใจ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. มีการทำเป็นวิดีโอคลิปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ Youtube ทั้งหมด 4 ตอน คือ 1.ทำไมกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทำลายประชาธิปไตย 2.ความพอเพียงที่หลอกหลวง 3.ลัทธิฟาสซิสม์ของพันธมิตรฯ และ 4.ราชวงศ์ที่ล้มเหลวและสังคมใหม่ของเสื้อแดง ซึ่งสิ่งที่นายใจพูดนั้นเป็นความจริงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์นอกนั้นโกหกหมด จึงไม่เข้าใจว่าคนที่โกหกอย่างหน้าด้านๆ อย่างนายใจไเป็นรองศาสตราจารย์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้อย่างไร
นายใจได้โกหกว่า วันที่ 7 ต.ค.2551 นั้น พันธมิตรมีอาวุธเต็มไปหมด ทั้งปืน ระเบิด อาวุธร้ายแรง ซึ่งถ้าเป็นคนมีสติ ไม่มีมิจฉาทิฐิ ก็ต้องรู้ว่าถ้าพันธมิตรฯ มีอาวุธรุนแรงอย่างนั้น ฝ่ายตนเองโดนฆ่าก็ต้องตอบโต้บ้าง ต้องมีตำรวจโดนระเบิดแขนขาด ขาขาด หรือบล้มตายบ้าง แต่เหตุการณ์วันนั้นไม่มีเลย
นายสนธิตั้งข้อสังเกตอีกว่า หลังจากนายใจพูดที่ SOAS เมื่อวันที่ 23 ก.พ.แล้ว ต่อมาวันที่ 26 ก.พ. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง ได้กล่าวปราศรัยที่หน้าทำเนียบรัฐบาลก่อนที่จะสลายการชุมนุมว่า ตามยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศนั้น นายใจ ลูกคนเล็กของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ปูชนียบุคคลระดับประเทศ จะเป็นแนวรบในต่างประเทศที่สำคัญยิ่งของพวกเรา และกำลังจะสร้างผลงานออกมาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่านายวีระ นายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คนเสื้อแดงทุกคนเป็นกลุ่มเดียวกับนายใจ และพิสูจน์ชัดว่าคนที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย โยงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ล้วนต้องการจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะนายใจพูดที่อังกฤษเมื่อวันที่ 23 ก.พ. นายวีระก็มาพูดวันที่ 26 ก.พ. แสดงว่านายวีระรู้เรื่องที่นายใจพูดและออกมารับลูกกัน
ตามยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศนั้นจะเอาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เอาบทบาทของสถาบันกษัตริย์ที่ถูกบิดเบือนมาโจมตี ซึ่งนอกจากนายใจแล้วก็จะมีที่ปรึกษาของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ นายแซม มูน จ้างล้อบบี้ยิสต์ที่ใกล้ชิดกับสื่ออย่าง ดิ อีโคโนมิสต์ ไฟแนนเชียลไทม์ และนายแซมก็เป็นคนปล่อยข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณไปเป็นที่ปรึกษาให้กับประเทศนิคารากัว
คำพูดของนายใจนั้น คนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงก็จะเออออห่อหมก ซึ่งตนเห็นว่าท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบัน นายกษิต ภิรมย์ จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อประชาสัมพันธ์สู้กับขบวนการใส่ร้ายประเทศไทยด้วยคำโกหกพวกนี้
สิ่งที่นายใจพูดทั้งหมด 4 ตอน อ่านแล้วอึ้ง อยากให้พี่น้องคิดว่านายใจเป็นถึง รศ. และยังมี รศ. หรือ ศ.อีกหลายคนที่เป็นแบบนายใจ บางคนอยู่ที่ธรรมศาสตร์ บางคนเป็นคณบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นคนสอนกฎหมายแต่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ไม่พูดถึงความผิดของทักษิณ แม้แต่จะสอนกฎหมายก็ยังไม่ควรมีสิทธิเลย ยังได้เป็นถึงคณบดีอีก สังคมไทยจึงอยู่ในช่วงวิกฤติจริงๆ
นายใจโกหกบิดเบือนให้ร้ายอย่างชัดเจน เช่น บอกว่า คปค.รัฐประการ 19 ก.ย.ในนามสถาบันกษัตริย์ และยังยังโกหกว่าระหว่างการรัฐประหาร ประชาชนไม่สามารถวิจารณ์ คปค.ได้ ถ้าวิจารณ์จะถูกตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งไม่จริงเลย เพราะทั้ง คปค.รัฐบาลขิงแก่ต่างโดนวิจารณ์อย่างหนักหนาสาหัส โดยตนเป็นคนหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คมช.อย่างรุนแรง นายใจกลับโกหกว่า ถ้าวิจารณ์ คมช.แล้วโดนข้อหาหมิ่น เป็นการโกหกคำโต เมื่อมองย้อนไปจึงไม่เข้าใจว่าคนอย่างนี้มาสอนหนังสือได้อย่างไร
นอกจากนี้ นายใจยังบอกว่าพันธมิตรฯ เป็น “การรวมตัวจากนรก” มาจากการรวมตัวของนักธุรกิจและนิยมกษัตริย์อย่างนายสนธิ ดังนั้น ตนขอดูถูกเหยียดหยามคนอย่างนายใจอย่างมาก และยังตั้งข้องสงสัยจุฬาฯ ที่ไปหลุดให้ตำแหน่ง รศ.นายใจอย่างไร รู้สึกสมเพช และสงสารเด็กๆ ที่เรียนอยู่
“มีนักธุรกิจที่ไหนมารวมตัวกัน มีแต่หนี กลัวกันหมด ไม่มีใครกล้ามาลงโฆษณากับเอเอสทีวี แถมบางคนยังแอบไปด่าพันธมิตรข้างหลัง ส่วนที่บอกว่า ผมเป็นพวกขวาจัดนั้น ผมจะเป็นอะไรไม่ทราบ แต่ผมเห็นว่าประเทศชาติจะขาดสถาบันกษัตริย์ไม่ได้เพราะสถาบันกษัตริย์ไทยมีบทบาทในการปกป้องและเสริมสร้างบ้านเมืองมานาน และได้มีพัฒนาการมาเรื่อยๆ ที่สำคัญคือกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ล้วนอยู่ในทศพิธราชธรรม”
นายใจยังได้กล่าวหา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ว่า เป็นคนที่ต่อต้านการทำแท้งเสรี เป็นการละเมิดสิทธิสตรี และต่อต้านเสรีภาพในการนับถือศาสนา
“ผมไม่รู้จะใช้คำพูดอะไรอธิบายการโกหกพกลมของนายใจ ทุกข้อที่นายใจพูดโกหกหมด พล.ต.จำลองท่านต้านการทำแท้งเสรี เพราะท่านกราบพระสวดมนต์ทุกเช้า ทุกเย็น ท่านเป็นนักปฏิบัติธรรม รักสันติ ทานอาหารเจ วันละมื้อเดียวมาตอลด ไม่ยึดติดในสมบัติ นี่คือการเป็นพุทธแท้ เมื่อเป็นพุทธแท้ การทำแท้งคือการฆ่าคน ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ท่านถึงค้าน ผมเองก็ค้าน และเชื่อว่าคนไทยร้อยละ 99.99 ก็ค้าน นี่เป็นความเชื่อทางศาสนาของเรา นายใจกลับบอกเป็นการต่อต้านสิทธิเสรีภาพของสตรี”
นอกจากนี้ นายใจยังต่อว่า นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย แล้วทำไมเขาไม่ตั้งข้อสังเกตว่านายพิภพ ที่เป็นผู้นำเอ็นจีโอ นายสมศักดิ์ ผู้นำแรงงาน นายสมเกียตินักวิชาการที่ทำงานเพื่อคนจน ทำไมมาร่วมกับนักต่อต้านทำแท้ง ทำไมมาร่วมกับนายสนธิ ซึ่งเป็นสื่อที่สู้เพื่อเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสาร ก็เพราะพวกเขาไม่เห็นด้วยกับระบอบทักษิณ ขณะที่นายใจไม่เคยพูดถึงความผิดของทักษิณเลย แต่กลับยก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นพ่อแทนพ่อของตัวเองไปแล้ว
“นายใจหาว่าพวกเราไม่เคยพูดเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน พูดแต่ว่าทักษิณคอร์รัปชั่น ทำไมคุณโง่อย่างนี้ คุณไม่เคยรู้เลยหรือว่า เราพูดเรื่องการอุ้มฆ่าภาคใต้ การฆ่าตัดตอน คุณไม่รู้ คุณรู้อย่าเดียวคือแค้นสถาบันฯ มาตั้งแต่ 6 ตุลา แล้วเอาความแค้นนั้นมาใส่ร้ายป้ายสี”
ที่ร้ายกว่านั้น นายใจโจมตีเศรษฐกิจพอเพียง หาว่าผิดหลักเศรษฐศาสตร์ นายใจไม่รู้หรือว่า องค์กรสหประชาชาติให้รางวัลกับทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถ้าไม่อยู่ในหลักเศรษฐศาสตร์ เขาให้รางวัลได้อย่างไร และข่าวนี้แพร่ไปทั่งโลก นายใจยังไม่ทราบเลย แสดงง่า เด็กที่เรียนด้วยคงรับความโง่ของนายใจเข้าไปเต็มๆ และอาจารย์ ที่ให้ รศ.กับนายใจก็โง่ด้วย
“มาร์ค” วุฒิภาวะเหนือ “แม้ว”
นายสนธิกล่าวถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เพิ่งเสร็จสิ้งลงว่า ในงานนี้นายอภิสิทธิ์ได้แสดงวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ แม้อายุจะน้อยกว่าทุกคน แต่วุฒิภาวะ วิสัยทัศน์ ถือว่าเหนือชั้น เป็นข้อแตกแตกที่เห็นได้ชัดระหว่างนายอภิสิทธิ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ จากการเปรียบเทียบการประชุมหลายๆ ครั้ง จะเห็นความสำรวม อ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาเป็นผู้เป็นคน มีมนุษยธรรม
สิ่งที่แสดงออกถึงความมีวิสัยทัศน์ของนายอภิสิทธิ์ คือ ได้มีบรรดาองค์กรเอกชนมาคัดค้านเรื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าไม่ได้เป็นมติเอกฉันท์ของประเทศสมาชิก จึงเอาเข้าวาระที่ประชุมไม่ได้ แต่ก็ได้ออกมาพูดว่าจะส่งเสริมให้มีการพูดคุยเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพราะเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งเรื่องชาวโรฮิงญา แรงงานอินโดนิเซียในสิงคโปร์ แรงงานพม่า ลาว ในไทย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวคือการตกลงเรื่องการค้าเสรีที่เปิดเสรีหมดทุกอย่าง หากเราไม่ได้เตรียมตัว ประชาชนจะเสียเปรียบ เหมือนสมัยทักษิณที่เปิดเขตการค้าเสรีกับจีนและออสเตรเลีย เพื่อแลกกับเซ็นสัญญาใช้ดาวเทียมไอพีสตาร์ คนที่เจ็บตัวคือเกษตรกรผู้ปลูกหอมกระเทียมและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม
ชำแหละ FCC สมาคมเต๊ะจุ๊ย
นายสนธิกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCC) ที่ฮ่องกงว่า จากข่าวล่าสุดไม่มีการไปพูดและไม่โฟนอินแน่นอน อย่างไรก็ตาม สำหรับ FCC นั้นไม่มีอะไรต่างไปกว่าสมาคมสื่อบางประเทศ เป็นที่รวมของนักข่าวกระจอกงอกง่อยที่มารวมตัวกันนั่งเต๊ะจุ๊ยกินเบียร์กัน นักข่าวอย่างซีเอ็นเอ็น บีบีซื จะไม่เข้ามายุ่ง ยกเว้นมีเรื่องเกี่ยวข้องจริงๆ ตนเคยได้รับเชิญไปพูดที่ FCC ที่ฮ่องกง 3 ครั้งและรู้ว่าสมาคมแห่งนี้ถูกแทรกแซงได้ มีคนที่เข้าไปตีสนิทคือนายจักรภพ ส่วน FCC ในไทยเขาเชิญมา 5 ครั้งแต่ตนไม่ไป
“ผมขี้เกียจไปเสริมบารมีพวกคุณ เพราะพวกคุณได้ตัดสินใจแล้วว่าคิดยังไงกับพวกผม คุณเป็นพวกทักษิณ โดยเฉพาะนายโจนาธาน เฮด ผมไม่ไป เพราะคุณตั้งเป้าแล้วว้าจะพูดกับผมแบบไหน ผมไม่แคร์คุณจะเขียนถึงผมยังไง พวกคุณก็ไม่ต่างจากสื่อภายใต้การบริหารของคุณทักษิณ ไม่ต่างจากรายการความจริงวันนี้ แม้แต่ไทมส์ อุตส่าห์ไปสัมภาษณ์ในทำเนียบก็เห็นอยู่ว่าเป็นยังไง ก็ยังหาว่าพวกเรากินเหล้า เราพกอาวุธ เพราะฉะนั้นสื่อพวกนี้ ก็อยู่ในกระบวนการโลกล้อมประเทศไทย” นายสนธิกล่าว