xs
xsm
sm
md
lg

ซีเอ็มจีโละแบรนด์ยอดขายไม่ดีปรับเกมเครื่องใช้ไฟฟ้าชูแผนสั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - เศรษฐกิจเป็นเหตุ ซีเอ็มจีกรุ๊ปแตะเบรก ลงทุนทั้งกลุ่มแค่ 170 ล้านบาท พร้อมทั้งเล็งโละแบรนด์ยอดขายไม่ดีทิ้ง หวังปีนี้ทั้งกลุ่มโตแค่ 1% จากปีที่แล้วกลุ่มซีเอ็มจีโตถึง 10% เซ็นทรัลเทรดดิ้งฟันธงตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าวูบ 20% ผู้บริโภคระดับกลางกระทบมากสุด รัดเข็มขัดหันซื้อสินค้าราคาถูกลง "เซ็นทรัล" ปรับแผนเน้นทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ณ จุดขาย ใช้สื่อออนไลน์ เรียกความสนใจ หวังดันรายได้เติบโต5-10%
นายสุทธิศักดิ์ จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ในฐานะที่ดูแลกลุ่ม ธุกริจค้าส่งหรือซีเอ็มจี เปิดเผยว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้ ทางกลุ่มซีเอ็มจีจะไม่มีการลงทุนมากนัก อีกทั้งจะมีการยุบสินค้าบางแบรนด์ที่มียอดขายไม่ดีด้วย แต่จะมีแบรนด์สินค้าใหม่เพิ่มมาหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับโอกาสและความเหมาะสม
ทั้งนี้ ในปี 2552 กลุ่มธุรกิจค้าส่งหรือซีเอ็มจี ตั้งงบการลงทุนไว้ทั้งหมด 190 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนลงทุนเพียงแค่ 1% จากงบของกลุ่มเซ็นทรัลทั้งหมดปีนี้ที่มีประมาณ 19,000 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้กลุ่มซีเอ็มจีจะมีอัตราการเติบโตด้านรายได้ประมาณ 1%
ขณะที่ในปี 2551 ซีเอ็มจีใช้งบลงทุนประมาณ 170 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1% ของงบลงทุนรวมทั้งเซ็นทรัลกรุ๊ปที่มีปรมาณ 15,350 ล้านบาท ซึ่งปี 2551 ซีเอ็มจีมียอดขายเติบโตมากถึง 10%
**ปรับกลยุทธ์วันต่อวัน
นายวรุตม์ สถิตธนาสาร ผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด ในกลุ่มเซ็นทรัลมมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป หรือ ซีเอ็มจี เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้า ปีนี้มองว่าแนวโน้มน่าจะมีอัตราการเติบโตลดลงกว่า 20% โดยสินค้าในกลุ่มระดับพรีเมี่ยม ช่วงไตรมาส 1 นี้ ยังไปได้อยู่ แต่ระดับกลางพบว่าได้รับผลกระทบมากสุด เริ่มหันซื้อสินค้าที่มีราคาถูกลง ซึ่งในส่วนของบริษัทฯที่จะเน้นจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กในครัวเรือน รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าสำนักงาน จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวเช่นกัน
โดยในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน จากที่บริษัทฯจำหน่ายกลุ่มเครื่องปั่น เครื่องบดอาหาร ภายใต้แบรนด์ ปริ้นเซส ยังไปได้ดีอยู่ ถึงแม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวก็ตาม ส่วนกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าสำนักงานนั้น การจำหน่ายทรงตัวเช่นกัน ถึงแม้จะเริ่มเห็นสัญญาณลูกค้ากลุ่มสำนักงาน จะชะลอการลงทุน หรือประหยัดและใช้งบประมาณที่จำกัดมากขึ้น  
ส่งผลให้บริษัทฯต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการขายเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ภายใต้งบการตลาดที่ใช้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 70-80 ล้านบาท โดยเป็นการใช้อย่างระมัดระวัง การวางแผนงานจะเป็นแบบระยะสั้นวันต่อวันมากขึ้น มุ่งให้ความสำคัญ ณ จุดขาย มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งดิสเพลย์ การอบรมพนักงานให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาในการแนะนำสินค้า รวมถึงหันมาใช้สื่อออนไลน์ ส่งเสริมการตลาดอีกทางหนึ่ง เพื่อดึงความสนใจ เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น เชื่อว่าทั้งปีน่าจะช่วยให้รายได้ในส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัทฯมียอดขายเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 5-10% จากที่ปีก่อนมีการเติบโตสูงถึง 15%
"ปีนี้การทำธุรกิจยากขึ้น ลูกค้าคิดมากขึ้นก่อนซื้อ โดยกลุ่มลูกค้าที่กระทบสุด คือ ระดับกลาง เห็นชัดเจนว่า ถึงแม้จะยังมีกำลังซื้ออยู่ แต่จะเลือกสินค้าที่คุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้น ซื้อในระดับราคาที่ถูกลง ซึ่งหากมองแต่ละกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำหน่ายแล้ว ตัวเลขการเติบโตยังทรงตัวอยู่ มีการเติบโตที่ 15-20% เช่นเดียวกับปีก่อน แต่หากมองลึกไปในแต่ละระดับราคา จึงจะพบถึงพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงแปลงไป" นายวรุตม์ กล่าว
ปัจจุบันเซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำหน่ายเครื่องใช้ไไฟ้าอยู่หลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกล้องดิจิตอล, เครื่องดนตรี(เปียโน แบรนด์ คาไว และคาสิโอ),เครื่องใช้ไฟฟ้าสำนักงาน เช่น เครื่องคิดเลข, กลุ่มมีเดีย เช่น แผ่นดิสค์ เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก เช่น เครื่องปั่น และกลุ่มเครื่องเสียง ภายใต้แบรนด์ Onkayo
กำลังโหลดความคิดเห็น