บรรยากาศงาน "มหกรรมสินค้าราคาถูกผูกรอยยิ้ม" ซึ่งกรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวง วันนี้ (22 มี.ค.) เป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน ยังคงมีประชาชนจำนวนมากทยอยเดินทางมาจับจ่ายหาซื้อสินค้าราคาถูกจำนวนมาก อาทิ ไข่ไก่เบอร์ 2 จากราคาปกติ แผงละ 90 บาท ลดราคาเหลือแผงละ 65 บาท โดยจะต้องเข้าแถวซื้อคูปองที่ซื้อจำกัดคนละ 2 แผงเท่านั้น เพื่อกระจายได้ทั่วถึง ไก่ย่างจากราคาตัวละ 109 บาท ลดเหลือ 80 บาท ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากเช่นเดียวกัน ในงานนอกจากจะมีตัวแทนผู้ผลิตมาจำหน่ายสินค้าราคาถูกกว่า 400 ร้าน ยังมีการสอนอาชีพเสริมให้กับผู้มาเที่ยวงานฟรีอีกด้วย โดยงานนี้จัดต่อเนื่องมาตั้งเวลา 16.00 น. ของวันศุกร์ที่ 20 มี.ค. ไปจนถึงเวลา 22.00 น.ของวันนี้ รวม 54 ชั่วโมง สำหรับปัญหาที่ผู้ที่มาเดินในงาน ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ราคาสินค้าไม่ได้ถูกอย่างที่ได้ประชาสัมพันธ์ไว้
นายสมชาย ม่วงดี อายุ 56 ปี กล่าวว่า สินค้าที่มาขายในงานมีสินค้าให้เลือกน้อยมีไม่กี่บริษัทมาออกร้าน ส่วนราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นราคาก็ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปเพียงร้อยละ 10-20 ส่วนเสื้อผ้าบางส่วนราคาก็จะแพงกว่าในห้าง หรือท้องตลาดทั่วไป ส่วนการจัดงาน กทม.น่าจะจัดหลังจากเช็กช่วยชาติออกประมาณ 2-3 วัน เนื่องจากประชาชนจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และผู้ค้าก็สามารถขายสินค้าได้มากกว่านี้
นางเพียงใจ วิศรุตรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กทม. ผู้ดูแลการจัดงาน กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนหลายคนบ่นว่าสินค้าที่ขายในงานมีราคาไม่ได้ต่างจากห้างสรรพสินค้านั้น ว่า ประชาชนอาจจะเดินไม่ทั่วงาน เพราะบางร้านมีสินค้าที่ราคาถูกแต่ประชาชนอาจไม่สังเกต เนื่องจากบางร้านตั้งอยู่กลางสนามหลวงที่ประชาชนอาจเดินไปไม่ถึง เหตุเพราะอากาศที่ร้อนทำให้ประชาชนเลือกดูสินค้าที่อยู่รอบนอกเท่านั้น จึงอยากขอให้ผู้ที่มาในงานเดินให้ทั่ว เพราะยังมีสินค้าราคาถูกให้เลือกซื้ออย่างแน่นอน ส่วนสินค้าบางอย่างที่ไม่สามารถลดราคาได้มาก เพราะว่ามีต้นทุนที่สูง จึงอยากขอให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งหลังจากงานที่สนามหลวง กทม.จะกระจายจัดงานมหกรรมสินค้าราคาถูกผูกรอยยิ้ม ให้ทั่วทั้ง 6 กลุ่มเขตของ กทม. ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดต่อกับตัวแทนบริษัทผลิตสินค้าเพื่อให้มีความหลากหลายในสินค้ามากขึ้น และกำลังพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ว่าเขตไหนสามารถจัดได้เป็นแห่งแรก โดยจะให้เวลาสถานที่ละ 2 สัปดาห์ เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ คาดจะเริ่มได้ในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ เพื่อช่วยให้ประชาชนทั่ว กทม.สามารถเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นได้ในราคาถูก
นายสมชาย ม่วงดี อายุ 56 ปี กล่าวว่า สินค้าที่มาขายในงานมีสินค้าให้เลือกน้อยมีไม่กี่บริษัทมาออกร้าน ส่วนราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นราคาก็ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปเพียงร้อยละ 10-20 ส่วนเสื้อผ้าบางส่วนราคาก็จะแพงกว่าในห้าง หรือท้องตลาดทั่วไป ส่วนการจัดงาน กทม.น่าจะจัดหลังจากเช็กช่วยชาติออกประมาณ 2-3 วัน เนื่องจากประชาชนจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และผู้ค้าก็สามารถขายสินค้าได้มากกว่านี้
นางเพียงใจ วิศรุตรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กทม. ผู้ดูแลการจัดงาน กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนหลายคนบ่นว่าสินค้าที่ขายในงานมีราคาไม่ได้ต่างจากห้างสรรพสินค้านั้น ว่า ประชาชนอาจจะเดินไม่ทั่วงาน เพราะบางร้านมีสินค้าที่ราคาถูกแต่ประชาชนอาจไม่สังเกต เนื่องจากบางร้านตั้งอยู่กลางสนามหลวงที่ประชาชนอาจเดินไปไม่ถึง เหตุเพราะอากาศที่ร้อนทำให้ประชาชนเลือกดูสินค้าที่อยู่รอบนอกเท่านั้น จึงอยากขอให้ผู้ที่มาในงานเดินให้ทั่ว เพราะยังมีสินค้าราคาถูกให้เลือกซื้ออย่างแน่นอน ส่วนสินค้าบางอย่างที่ไม่สามารถลดราคาได้มาก เพราะว่ามีต้นทุนที่สูง จึงอยากขอให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งหลังจากงานที่สนามหลวง กทม.จะกระจายจัดงานมหกรรมสินค้าราคาถูกผูกรอยยิ้ม ให้ทั่วทั้ง 6 กลุ่มเขตของ กทม. ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดต่อกับตัวแทนบริษัทผลิตสินค้าเพื่อให้มีความหลากหลายในสินค้ามากขึ้น และกำลังพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ว่าเขตไหนสามารถจัดได้เป็นแห่งแรก โดยจะให้เวลาสถานที่ละ 2 สัปดาห์ เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ คาดจะเริ่มได้ในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ เพื่อช่วยให้ประชาชนทั่ว กทม.สามารถเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นได้ในราคาถูก