หนองคาย - ผู้ค้าตลาดท่าเสด็จ เมืองหนองคาย หารือกับส่วนราชการ หาทางออกร่วมกันหลังจากผู้ค้าถูกเจ้าหน้าที่รัฐจับกุม เหตุไม่ติดฉลากแหล่งนำเข้าสินค้าและผลิตภัณฑ์ ผู้ค้ายันเหตุทำไม่ได้เพราะรับสินค้าหลายแหล่ง ขณะที่ภาครัฐแนะทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอนุโลมเฉพาะกรณี
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (9 มี.ค.) ที่ห้องประชุมหอการค้าจังหวัดหนองคาย ศาลากลางจังหวัด นายตี๋ ศรีภักดี กรรมการและเลขานุการตลาดท่าเสด็จ หรือ ตลาดอินโดจีน เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ได้นำผู้ค้าผู้ประกอบการในตลาดท่าเสด็จ ประมาณ 100 ราย เข้าหารือกับภาครัฐหลายหน่วยงาน ทั้งจากพาณิชย์จังหวัดหนองคาย,อุตสาหกรรมจังหวัด, สาธารณสุขจังหวัด,ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย และกรรมการหอการค้าจังหวัดหนองคาย เพื่อให้ทุกภาคส่วนเร่งแก้ปัญหาช่วยเหลือผู้ค้า หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคบุกจับกุมเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์และต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดยระบุว่า ผู้ค้าไม่มีเลขสารระบบ ไม่มีหนังสือรับรอง หรือฉลากรับประกันสินค้าที่ระบุแหล่งผลิต แหล่งนำเข้า และเครื่องกันรับรองคุณภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่หลายชุด หลายหน่วยงานเข้ามาจับกุมต่อเนื่อง ทำให้ผู้ค้าไม่สามารถขายสินค้าได้ และหวั่นว่าจะถูกจับกุมได้ตลอดเวลา
ผู้ค้าในตลาดท่าเสด็จ ได้แจ้งให้ทราบถึงปัญหาที่ไม่สามารถติดฉลากตามที่เจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตามได้ เนื่องจากรับสินค้าทั้งประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า, ผลิตภัณฑ์อาหาร, เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม นำมาจากหลายแห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ ประเทศจีน ประเทศลาว ซึ่งไม่มีเครื่องหมายรับรองอยู่แล้ว หากมาทำเองก็จะมีความผิดอีก ตลาดท่าเสด็จขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมสินค้าหลากหลายและราคาถูก
โดยมีทั้งสินค้าที่ได้มาตรฐานแต่ราคาสูงเทียบเท่าของในห้าง และสินค้าราคาถูกที่คุณภาพอาจไม่เทียบเท่า ทำให้เป็นที่นิยมของประชาชนทั่วไป หากเจ้าหน้าที่ต้องการให้ผู้ค้าดำเนินการตามที่กำหนดเป็นเรื่องยาก
ด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุฉิรพันธ์ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ทางออกที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด น่าจะเป็นการทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งชุดปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคสังกัดอยู่ ประสานงานเป็นการภายใน ด้วยการให้โอกาสกับผู้ค้า และเจ้าหน้าที่ เป็นการพบกันครึ่งทาง ซึ่งในส่วนของผู้ค้าเองหากสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดใดได้ให้ทำ แต่ถ้าเกินความสามารถให้ชี้แจงถึงข้อจำกัดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลของผู้ค้าหลายประเด็นที่ไม่สามารถหาทางออกร่วมกันในที่ประชุมได้ และไม่มีความชัดเจนในการช่วยเหลือจากภาครัฐแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (9 มี.ค.) ที่ห้องประชุมหอการค้าจังหวัดหนองคาย ศาลากลางจังหวัด นายตี๋ ศรีภักดี กรรมการและเลขานุการตลาดท่าเสด็จ หรือ ตลาดอินโดจีน เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ได้นำผู้ค้าผู้ประกอบการในตลาดท่าเสด็จ ประมาณ 100 ราย เข้าหารือกับภาครัฐหลายหน่วยงาน ทั้งจากพาณิชย์จังหวัดหนองคาย,อุตสาหกรรมจังหวัด, สาธารณสุขจังหวัด,ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย และกรรมการหอการค้าจังหวัดหนองคาย เพื่อให้ทุกภาคส่วนเร่งแก้ปัญหาช่วยเหลือผู้ค้า หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคบุกจับกุมเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์และต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดยระบุว่า ผู้ค้าไม่มีเลขสารระบบ ไม่มีหนังสือรับรอง หรือฉลากรับประกันสินค้าที่ระบุแหล่งผลิต แหล่งนำเข้า และเครื่องกันรับรองคุณภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่หลายชุด หลายหน่วยงานเข้ามาจับกุมต่อเนื่อง ทำให้ผู้ค้าไม่สามารถขายสินค้าได้ และหวั่นว่าจะถูกจับกุมได้ตลอดเวลา
ผู้ค้าในตลาดท่าเสด็จ ได้แจ้งให้ทราบถึงปัญหาที่ไม่สามารถติดฉลากตามที่เจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตามได้ เนื่องจากรับสินค้าทั้งประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า, ผลิตภัณฑ์อาหาร, เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม นำมาจากหลายแห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ ประเทศจีน ประเทศลาว ซึ่งไม่มีเครื่องหมายรับรองอยู่แล้ว หากมาทำเองก็จะมีความผิดอีก ตลาดท่าเสด็จขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมสินค้าหลากหลายและราคาถูก
โดยมีทั้งสินค้าที่ได้มาตรฐานแต่ราคาสูงเทียบเท่าของในห้าง และสินค้าราคาถูกที่คุณภาพอาจไม่เทียบเท่า ทำให้เป็นที่นิยมของประชาชนทั่วไป หากเจ้าหน้าที่ต้องการให้ผู้ค้าดำเนินการตามที่กำหนดเป็นเรื่องยาก
ด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุฉิรพันธ์ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ทางออกที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด น่าจะเป็นการทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งชุดปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคสังกัดอยู่ ประสานงานเป็นการภายใน ด้วยการให้โอกาสกับผู้ค้า และเจ้าหน้าที่ เป็นการพบกันครึ่งทาง ซึ่งในส่วนของผู้ค้าเองหากสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดใดได้ให้ทำ แต่ถ้าเกินความสามารถให้ชี้แจงถึงข้อจำกัดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลของผู้ค้าหลายประเด็นที่ไม่สามารถหาทางออกร่วมกันในที่ประชุมได้ และไม่มีความชัดเจนในการช่วยเหลือจากภาครัฐแต่อย่างใด
