ASTVผู้จัดการรายวัน - “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” รีโนเวท “คลีน คาราโอเกะ” ครั้งใหญ่รอบ 3 ปี เพิ่มช่องทางชำระค่าบริการผ่านบัตรเงินสดดิจิตอล ดีเดย์ 1 มี.ค. 52 ทุ่มงบ 10 ล้าน เปิดสาขาใหม่ที่เดอะมอลล์โคราชใหญ่สุดในเมืองไทย ตั้งเป้าสิ้นปีนี้โกย 220 ล้านบาท โต 10%
นายยงศักดิ์ เอกปรัชญาสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลีน คาราโอเกะ จำกัด ในเครือบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านคลีน คาราโอเกะ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ทยอยปรับปรุง (Renovate) ตู้คลีน คาราโอเกะ จำนวน 2,000 ตู้ และร้านคลีน คาราโอเกะ 120 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็น เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 58 แห่ง และเขตต่างจังหวัด 62 แห่ง ถือเป็นการรีโนเวทครั้งใหญ่ในรอบ 3 ปี
ทั้งนี้ เพื่อสร้างมิติใหม่ของร้านคาราโอเกะบนห้างสรรพสินค้าที่ปลอดภัย เพราะรูปแบบตู้และลักษณะการตกแต่งร้านเน้นโปร่งใส ทางเข้า-ออกสะดวกและง่าย ไม่ลับตาคน อีกทั้งไม่มีจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดพฤติกรรมไม่เหมาะสม สอดรับกับนโยบายของคลีน คาราโอเกะที่ต้องการมีส่วนร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ นอกจากเพื่อคลายเครียดจากการเรียนมาตลอดทั้งวันแล้ว ยังเพื่อฝึกฝนการร้องเพลงสำหรับผู้ที่ชอบเสียงเพลง ขณะเดียวกันเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ ให้ครอบครัวเข้ามาพักผ่อนทำกิจกรรมร้องเพลงร่วมกันในวันหยุด เพราะภายในร้านมีเพลงหลายแนวให้เลือกร้อง
ล่าสุด บริษัทฯ ใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท เพื่อขยายร้านคลีน คาราโอเกะสาขาใหม่ ที่ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขานครราชสีมา จำนวน 51 ห้อง แบ่งเป็น ห้องวีไอพี 5 ห้อง และห้องธรรมดา 46 ห้อง บนพื้นที่ 630 ตารางเมตร เป็นห้องคาราโอเกะที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มีพื้นที่ให้บริการ 630 ตารางเมตร จำนวน 51 ห้อง นับเป็นร้านคาราโอเกะบนห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่สุดในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าผลตอบดีเกินคาด เนื่องจากนครราชสีมาเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ทั้งในแง่จังหวัดใหญ่ที่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก และไลฟ์สไตล์คนส่วนใหญ่นิยมร้องเพลงคาราโอเกะตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น และวัยทำงาน จึงคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 1 ปี
“นับจากนี้บริษัทฯ จะเน้นขยายสาขาใหม่บนห้างสรรพสินค้า ได้แก่ เดอะ มอลล์, เซ็นทรัล และห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการร้องเพลงคาราโอเกะนอกบ้าน” นายยงศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เพิ่มช่องทางชำระค่าบริการร้องเพลงคาราโอเกะผ่านบัตรเงินสดดิจิตอล G CARD Smart Purse พร้อมทั้งมอบสิทธิพิเศษมากมาย เช่น ค่าบริการร้องเพลงคาราโอเกะ ราคาพิเศษ 3 เพลง 20 บาท, เข้าร่วมกิจกรรม Meet & Greet กับศิลปินแกรมมี่, เข้าร่วมจัดประกวด Karaoke Singing Contest ค้นหานักร้องรุ่นใหม่ให้กับวงการเพลง เป็นต้น เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการซื้อง่ายจ่ายสะดวก ถือเป็นการช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มที่ใช้บัตรเงินสดดิจิตอลสมาร์ทเพิร์ส ให้มาเป็นลูกค้าคลีน คาราโอเกะเพิ่มขึ้น โดยเริ่มใช้ทุกสาขาทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2552 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ตั้งเป้าสิ้นปีนี้มีรายได้ 220 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้กว่า 190 ล้านบาท โดยมองว่าภาพรวมธุรกิจร้านเพลงคาราโอเกะบนห้างสรรพสินค้า หรือตลาดบูธ คาราโอเกะในปี 2552 ยังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแนวโน้มคนรุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบร้องเพลงคาราโอเกะนอกบ้านเพิ่มขึ้น เพื่อคลายเครียดจากการเรียนและการทำงาน ขณะเดียวกันถือเป็นโอกาสสังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูง อีกทั้งสังคมเริ่มเข้าใจว่าร้านเพลงคาราโอเกะบนห้างสรรพสินค้าเป็นสถานบันเทิงที่ปลอดภัย และไร้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้นำตลาด มี 2,000 ตู้เพลงคาราโอเกะ 120 สาขาทั่วประเทศ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของตลาดทั้งหมด สำหรับอัตราเฉลี่ยเข้าใช้บริการอยู่ที่ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนอัตราการร้องเพลงอย่างต่ำอยู่ที่ 3 เพลงต่อครั้ง และสูงสุด 3 ชั่วโมงต่อครั้ง
นายยงศักดิ์ เอกปรัชญาสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลีน คาราโอเกะ จำกัด ในเครือบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านคลีน คาราโอเกะ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ทยอยปรับปรุง (Renovate) ตู้คลีน คาราโอเกะ จำนวน 2,000 ตู้ และร้านคลีน คาราโอเกะ 120 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็น เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 58 แห่ง และเขตต่างจังหวัด 62 แห่ง ถือเป็นการรีโนเวทครั้งใหญ่ในรอบ 3 ปี
ทั้งนี้ เพื่อสร้างมิติใหม่ของร้านคาราโอเกะบนห้างสรรพสินค้าที่ปลอดภัย เพราะรูปแบบตู้และลักษณะการตกแต่งร้านเน้นโปร่งใส ทางเข้า-ออกสะดวกและง่าย ไม่ลับตาคน อีกทั้งไม่มีจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดพฤติกรรมไม่เหมาะสม สอดรับกับนโยบายของคลีน คาราโอเกะที่ต้องการมีส่วนร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ นอกจากเพื่อคลายเครียดจากการเรียนมาตลอดทั้งวันแล้ว ยังเพื่อฝึกฝนการร้องเพลงสำหรับผู้ที่ชอบเสียงเพลง ขณะเดียวกันเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ ให้ครอบครัวเข้ามาพักผ่อนทำกิจกรรมร้องเพลงร่วมกันในวันหยุด เพราะภายในร้านมีเพลงหลายแนวให้เลือกร้อง
ล่าสุด บริษัทฯ ใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท เพื่อขยายร้านคลีน คาราโอเกะสาขาใหม่ ที่ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขานครราชสีมา จำนวน 51 ห้อง แบ่งเป็น ห้องวีไอพี 5 ห้อง และห้องธรรมดา 46 ห้อง บนพื้นที่ 630 ตารางเมตร เป็นห้องคาราโอเกะที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มีพื้นที่ให้บริการ 630 ตารางเมตร จำนวน 51 ห้อง นับเป็นร้านคาราโอเกะบนห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่สุดในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าผลตอบดีเกินคาด เนื่องจากนครราชสีมาเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ทั้งในแง่จังหวัดใหญ่ที่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก และไลฟ์สไตล์คนส่วนใหญ่นิยมร้องเพลงคาราโอเกะตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น และวัยทำงาน จึงคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 1 ปี
“นับจากนี้บริษัทฯ จะเน้นขยายสาขาใหม่บนห้างสรรพสินค้า ได้แก่ เดอะ มอลล์, เซ็นทรัล และห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการร้องเพลงคาราโอเกะนอกบ้าน” นายยงศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เพิ่มช่องทางชำระค่าบริการร้องเพลงคาราโอเกะผ่านบัตรเงินสดดิจิตอล G CARD Smart Purse พร้อมทั้งมอบสิทธิพิเศษมากมาย เช่น ค่าบริการร้องเพลงคาราโอเกะ ราคาพิเศษ 3 เพลง 20 บาท, เข้าร่วมกิจกรรม Meet & Greet กับศิลปินแกรมมี่, เข้าร่วมจัดประกวด Karaoke Singing Contest ค้นหานักร้องรุ่นใหม่ให้กับวงการเพลง เป็นต้น เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการซื้อง่ายจ่ายสะดวก ถือเป็นการช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มที่ใช้บัตรเงินสดดิจิตอลสมาร์ทเพิร์ส ให้มาเป็นลูกค้าคลีน คาราโอเกะเพิ่มขึ้น โดยเริ่มใช้ทุกสาขาทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2552 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ตั้งเป้าสิ้นปีนี้มีรายได้ 220 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้กว่า 190 ล้านบาท โดยมองว่าภาพรวมธุรกิจร้านเพลงคาราโอเกะบนห้างสรรพสินค้า หรือตลาดบูธ คาราโอเกะในปี 2552 ยังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแนวโน้มคนรุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบร้องเพลงคาราโอเกะนอกบ้านเพิ่มขึ้น เพื่อคลายเครียดจากการเรียนและการทำงาน ขณะเดียวกันถือเป็นโอกาสสังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูง อีกทั้งสังคมเริ่มเข้าใจว่าร้านเพลงคาราโอเกะบนห้างสรรพสินค้าเป็นสถานบันเทิงที่ปลอดภัย และไร้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้นำตลาด มี 2,000 ตู้เพลงคาราโอเกะ 120 สาขาทั่วประเทศ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของตลาดทั้งหมด สำหรับอัตราเฉลี่ยเข้าใช้บริการอยู่ที่ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนอัตราการร้องเพลงอย่างต่ำอยู่ที่ 3 เพลงต่อครั้ง และสูงสุด 3 ชั่วโมงต่อครั้ง