ASTVผู้จัดการรายวัน - เอเอซีพีไม่หวั่นเศรษฐกิจชะลอตัว ตั้งเป้าเบี้ยใหม่ปีนี้ โต 55%หลัง "สตีเฟ่น แอปเปิ้ลยาร์ด" ซีอีโอคนใหม่เข้ารับหน้าที่สู่ศึกในสนามธุรกิจประกันชีวิตไทย พร้อมเป็นปัจจัยหลักแห่งความมั่นคงคุ้มครองทุกครอบครัวไทย
นายสตีเฟ่น แอปเปิ้ลยาร์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิตAACP เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทถือว่ามีความมั่นคงมาก สามารถเดินหน้าสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการจะลงทุนที่คุ้มค่าเพื่ออนาคต โดยในปัจจุบันเอเอซีพีมีมูลค่าสินทรัพย์รวมสูงถึง 8.3 หมื่นล้านบาท มีกองทุนสำรองประมาณ 7.7 หมื่นล้านบาท และในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กลุ่มอลิอันซ์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเอเอซีพี ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Standard & Poor ให้อยู่ในระดับ AA+ ซึ่งเป็นสิ่งที่รับประกันความแข็งแกร่งของบริษัทและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ในปีที่ผ่านมาบริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนและเงินครบกำหนดสัญญาแก่ผู้ถือกรมธรรม์กว่า 5 แสนราย คิดเป็นเงิน 7.5 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวคนไทยในยามที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ยากลำบากเช่นนี้ และนี่เป็นสถิติและเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเรายังคงเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายของเราที่ว่า “จะให้ความคุ้มครองทุกครอบครัวไทย”
“ในปีนี้ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.จะมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนา 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ช่องทางตัวแทน แบงก์แอสชัวรันส์ และเทเลมาร์เก็ตติ้ง ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่ผ่านมา และในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายผ่านช่องทางตัวแทนไว้ที่ 3.80 พันล้านบาท ส่วนในอีก 2 ช่องทาง คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 2.75 พันล้านบาท ทั้งนี้เราเชื่อมั่นว่าการพัฒนาทั้ง 3 ช่องทางหลักนี้ จะทำให้สามารถฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของบริษัทด้วย” นายสตีเฟ่นกล่าว
สำหรับการที่จะบรรลุเป้าหมายในปีนี้เอเอซีพีตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนตัวแทนใหม่ให้ได้ 2.5 หมื่นคน โดยมีแผนจะเพิ่มจำนวนของตัวแทนที่มีผลงาน (active agent) ให้ได้ถึง 7.5 พันคน จากที่มีอยู่ประมาณ 3.2 พันคน ในปี 2551 พร้อมกันนี้ ในส่วนของช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มพันธมิตรให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า ในส่วนของเทเลมาร์เกตติ้ง ซึ่งมีพนักงานอยู่กว่า 700 คน บริษัทมีแผนที่จะขยายการให้บริการให้ได้มากที่สุดด้วยการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิด เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค ในภาวะเช่นนี้
ด้วยความที่บริษัทมีผลิตภัณฑ์ขายดีอย่าง “เอเอซีพี มายแพลน” ซึ่งเป็นแบบประกันที่ถูกออกแบบมาให้สามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคแล้ว ซึ่งทำให้มั่นใจว่าอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งพอสมควร อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ ผู้บริโภคชาวไทยต่างหันมาให้ความสำคัญกับการประกันสุขภาพกันมากขึ้น มากกว่าที่จะหันไปสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทจึงได้มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองทั้งชีวิต สุขภาพและการรักษาพยาบาล ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี อันจะส่งผลให้เอเอซีพีก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งไปหนึ่งก้าวเสมอ
นายสตีเฟ่น แอปเปิ้ลยาร์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิตAACP เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทถือว่ามีความมั่นคงมาก สามารถเดินหน้าสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการจะลงทุนที่คุ้มค่าเพื่ออนาคต โดยในปัจจุบันเอเอซีพีมีมูลค่าสินทรัพย์รวมสูงถึง 8.3 หมื่นล้านบาท มีกองทุนสำรองประมาณ 7.7 หมื่นล้านบาท และในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กลุ่มอลิอันซ์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเอเอซีพี ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Standard & Poor ให้อยู่ในระดับ AA+ ซึ่งเป็นสิ่งที่รับประกันความแข็งแกร่งของบริษัทและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ในปีที่ผ่านมาบริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนและเงินครบกำหนดสัญญาแก่ผู้ถือกรมธรรม์กว่า 5 แสนราย คิดเป็นเงิน 7.5 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวคนไทยในยามที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ยากลำบากเช่นนี้ และนี่เป็นสถิติและเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเรายังคงเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายของเราที่ว่า “จะให้ความคุ้มครองทุกครอบครัวไทย”
“ในปีนี้ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.จะมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนา 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ช่องทางตัวแทน แบงก์แอสชัวรันส์ และเทเลมาร์เก็ตติ้ง ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่ผ่านมา และในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายผ่านช่องทางตัวแทนไว้ที่ 3.80 พันล้านบาท ส่วนในอีก 2 ช่องทาง คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 2.75 พันล้านบาท ทั้งนี้เราเชื่อมั่นว่าการพัฒนาทั้ง 3 ช่องทางหลักนี้ จะทำให้สามารถฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของบริษัทด้วย” นายสตีเฟ่นกล่าว
สำหรับการที่จะบรรลุเป้าหมายในปีนี้เอเอซีพีตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนตัวแทนใหม่ให้ได้ 2.5 หมื่นคน โดยมีแผนจะเพิ่มจำนวนของตัวแทนที่มีผลงาน (active agent) ให้ได้ถึง 7.5 พันคน จากที่มีอยู่ประมาณ 3.2 พันคน ในปี 2551 พร้อมกันนี้ ในส่วนของช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มพันธมิตรให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า ในส่วนของเทเลมาร์เกตติ้ง ซึ่งมีพนักงานอยู่กว่า 700 คน บริษัทมีแผนที่จะขยายการให้บริการให้ได้มากที่สุดด้วยการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิด เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค ในภาวะเช่นนี้
ด้วยความที่บริษัทมีผลิตภัณฑ์ขายดีอย่าง “เอเอซีพี มายแพลน” ซึ่งเป็นแบบประกันที่ถูกออกแบบมาให้สามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคแล้ว ซึ่งทำให้มั่นใจว่าอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งพอสมควร อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ ผู้บริโภคชาวไทยต่างหันมาให้ความสำคัญกับการประกันสุขภาพกันมากขึ้น มากกว่าที่จะหันไปสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทจึงได้มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองทั้งชีวิต สุขภาพและการรักษาพยาบาล ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี อันจะส่งผลให้เอเอซีพีก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งไปหนึ่งก้าวเสมอ