บลจ.เอ็มเอฟซี มั่นใจหุ้นกู้เอกชน เข็นกองทุน "เอ็มเอฟซี พรีเมี่ยม บอนด์ ฟันด์ 18 ซีรี่ส์ 1" เอาใจลูกค้าชอบผลตอบแทนสูง ชูนโยบายลงทุนในบริษัทเอกชนคุณภาพดี พร้อมจ่ายคืนผลตอบแทนอัตโนมัติเฉลี่ย 8 ครั้งตลอดอายุโครงการ เพื่อเป็นสภาพคล่องใช้ในชีวิตประจำวันของผู้ถือหน่วย เปิดขายครั้งเดียว 6-16 กุมภาพันธ์นี้
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีกาญจนทรัพย์ 3 ซีรี่ส์ 1 หรือ MK3S1 ไปในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งลงทุนในตราสารหนี้ได้กว่า 400 ล้านบาท ล่าสุดเอ็มเอฟซี กำลังอยู่ระหว่างเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พรีเมี่ยม บอนด์ ฟันด์ 18 ซีรี่ส์ 1 (M-Premium 18S1) เพื่อตอบสนองความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนดังกล่าว จะเปิดขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 6-16 กุมภาพันธ์นี้
สำหรับกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พรีเมี่ยม บอนด์ ฟันด์ 18 ซีรี่ส์ 1 เป็นประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติเป็นช่วงเวลา โดยกองทุนมีอายุโครงการประมาณ 18 เดือน มูลค่า 3,000 ล้านบาท เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทยอยรับคืนเงินต้นและผลตอบแทนบางส่วน ผู้ที่คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคาร และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนได้ รวมทั้งสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 18 เดือน โดยขณะนี้กองทุนดังกล่าวอยู่ระหว่างการขออนุมัติจัดตั้งจากสำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.
ทั้งนี้ กองทุนเปิด M-Premium 18S1 จะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีและมีความมั่นคง เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยนิติบุคคลเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารต่างประเทศ หรือตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
สำหรับจุดเด่นของกองทุนเปิด M-Premium 18S1 คือสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารโดยการล็อคอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ โดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติในอัตราเฉลี่ยตลอดอายุโครงการ ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับการทยอยคืนเงินต้นและผลตอบแทนบางส่วนเป็นเวลา 8 งวด คือ ปี 2552 ในเดือนพฤษภาคม กันยายน และพฤศจิกายน และปี 2553 ในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม พฤษภาคม มิถุนายน และงวดสุดท้ายสิงหาคม นอกจากนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาจะไม่ต้องเสียภาษีสำหรับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พรีเมี่ยม บอนด์ ฟันด์ 18 ซีรี่ส์ 1 (M-Premium 18S1) สามารถซื้อหน่วยลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาทเป็นต้นไป
นายพิชิตกล่าวว่า สาเหตุที่เราออกกองทุนลงทุนในหุ้นกู้เอกชน เพราะมั่นใจเรื่องเกี่ยวกับความเสี่ยงผิดชำระหนี้ของหู้นกู้ต่ำมาก ซึ่งอันดับเครดิตเรตติ้งของหุ้นกู้ที่กองทุนเข้าไปลงทุนก็อยู่ในระดับที่ใช้ได้และมีคุณภาพ ประกอบกับกองทุนเองไม่ได้ลงทุนยาว ทำให้โอกาสเสียหายน้อยมาก ขณะเดียวกันบริษัทผู้ออกตราสารก็เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งพอสมควร เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร ธนาคารทิสโก้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
สำหรับความเสี่ยงเรื่องของเศรษฐกิจ ที่เป็นความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้หุ้นกู้นั้น คงต้องมองเป็นเซกเตอร์ไป ซึ่งเรื่องอาหารน่าจะยังขยายตัวได้จากการบริโภคในประเทศ ส่วนสถาบันการเงินเองส่วนใหญ่ ก็ได้รับการคุ้มครองอยู่แล้ว
"เซกเตอร์ที่กองทุนเข้าไปลงทุนมีความเสี่ยงน้อย และอายุของกองทุนเองก็ไม่ได้ยาวมาก ซึ่งหุ้นกู้ที่เราเข้าไปลงทุน ก็จะมีอายุไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน"นายพิชิตกล่าว
ส่วนเหตุผลที่ดีไซด์รูปแบบกองทุนด้วยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติจำนวน 8 งวด นายพิชิตกล่าวว่า รูปแบบนี้ เราเคยใช้กับกองทุนตราสารหนี้ไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งการที่กองทุนจ่ายผลตอบแทนเป็นรอบดังกล่าว เพื่อต้องการให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของนักลงทุน ที่ต้องการนำเงินไปใช้อย่างต่อเนื่อง โดยการจ่ายปันผล ก็จ่ายตามงวดของหุ้นกู้ที่กองทุนเข้าไปลงทุน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหน่วยในแง่ผลตอบแทน
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีกาญจนทรัพย์ 3 ซีรี่ส์ 1 หรือ MK3S1 ไปในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งลงทุนในตราสารหนี้ได้กว่า 400 ล้านบาท ล่าสุดเอ็มเอฟซี กำลังอยู่ระหว่างเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พรีเมี่ยม บอนด์ ฟันด์ 18 ซีรี่ส์ 1 (M-Premium 18S1) เพื่อตอบสนองความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนดังกล่าว จะเปิดขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 6-16 กุมภาพันธ์นี้
สำหรับกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พรีเมี่ยม บอนด์ ฟันด์ 18 ซีรี่ส์ 1 เป็นประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติเป็นช่วงเวลา โดยกองทุนมีอายุโครงการประมาณ 18 เดือน มูลค่า 3,000 ล้านบาท เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทยอยรับคืนเงินต้นและผลตอบแทนบางส่วน ผู้ที่คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคาร และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนได้ รวมทั้งสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 18 เดือน โดยขณะนี้กองทุนดังกล่าวอยู่ระหว่างการขออนุมัติจัดตั้งจากสำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.
ทั้งนี้ กองทุนเปิด M-Premium 18S1 จะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีและมีความมั่นคง เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยนิติบุคคลเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารต่างประเทศ หรือตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
สำหรับจุดเด่นของกองทุนเปิด M-Premium 18S1 คือสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารโดยการล็อคอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ โดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติในอัตราเฉลี่ยตลอดอายุโครงการ ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับการทยอยคืนเงินต้นและผลตอบแทนบางส่วนเป็นเวลา 8 งวด คือ ปี 2552 ในเดือนพฤษภาคม กันยายน และพฤศจิกายน และปี 2553 ในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม พฤษภาคม มิถุนายน และงวดสุดท้ายสิงหาคม นอกจากนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาจะไม่ต้องเสียภาษีสำหรับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พรีเมี่ยม บอนด์ ฟันด์ 18 ซีรี่ส์ 1 (M-Premium 18S1) สามารถซื้อหน่วยลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาทเป็นต้นไป
นายพิชิตกล่าวว่า สาเหตุที่เราออกกองทุนลงทุนในหุ้นกู้เอกชน เพราะมั่นใจเรื่องเกี่ยวกับความเสี่ยงผิดชำระหนี้ของหู้นกู้ต่ำมาก ซึ่งอันดับเครดิตเรตติ้งของหุ้นกู้ที่กองทุนเข้าไปลงทุนก็อยู่ในระดับที่ใช้ได้และมีคุณภาพ ประกอบกับกองทุนเองไม่ได้ลงทุนยาว ทำให้โอกาสเสียหายน้อยมาก ขณะเดียวกันบริษัทผู้ออกตราสารก็เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งพอสมควร เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร ธนาคารทิสโก้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
สำหรับความเสี่ยงเรื่องของเศรษฐกิจ ที่เป็นความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้หุ้นกู้นั้น คงต้องมองเป็นเซกเตอร์ไป ซึ่งเรื่องอาหารน่าจะยังขยายตัวได้จากการบริโภคในประเทศ ส่วนสถาบันการเงินเองส่วนใหญ่ ก็ได้รับการคุ้มครองอยู่แล้ว
"เซกเตอร์ที่กองทุนเข้าไปลงทุนมีความเสี่ยงน้อย และอายุของกองทุนเองก็ไม่ได้ยาวมาก ซึ่งหุ้นกู้ที่เราเข้าไปลงทุน ก็จะมีอายุไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน"นายพิชิตกล่าว
ส่วนเหตุผลที่ดีไซด์รูปแบบกองทุนด้วยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติจำนวน 8 งวด นายพิชิตกล่าวว่า รูปแบบนี้ เราเคยใช้กับกองทุนตราสารหนี้ไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งการที่กองทุนจ่ายผลตอบแทนเป็นรอบดังกล่าว เพื่อต้องการให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของนักลงทุน ที่ต้องการนำเงินไปใช้อย่างต่อเนื่อง โดยการจ่ายปันผล ก็จ่ายตามงวดของหุ้นกู้ที่กองทุนเข้าไปลงทุน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหน่วยในแง่ผลตอบแทน